หลักการและทฤษฎีการอ่านคาร์รอล (Carr

หลักการและทฤษฎีการอ่าน
คาร์รอล (Carroll. 1964 : 118) ได้กล่าวถึงทฤษฎีการอ่านว่ามีหลักควรยึด
3 ประการ คือ
1. การเสริมแรง (Reinforcement) เป็นสิ่งสำคัญในการเงื่อนไขในการเรียนการสอน
มีความมั่นคงถาวร ในการสอนอ่านนั้น ลำพังแต่การฝึกอ่านอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอที่จะทำให้
นักเรียนอ่านหรือจำคำได้ ต้องอาศัยการเสริมแรงเข้าช่วย ครูควรคำนึงถึงถึงความแตกต่างระหว่าง
บุคคลในการใช้การเสริมแรง
2. การหยั่งเห็น (Insight) เป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นโดยฉับพลันของเด็ก แต่
หลังจากที่เด็กได้ลองผิดลองถูกมาหลายครั้ง เช่น เด็กเห็นคำว่า “กิน” มาก่อน แล้วมาพบคำว่า
“บิน” เด็กก็จะอ่านว่า “กิน” แต่เมื่อไรไดรับการสอนหรือให้ลองสะกดดู เป็นประสบการณ์แก่เด็ก
เด็กก็จะอ่านคำว่า “บิน” ได้ถูกต้อง
3. ทฤษฎีพัฒนาการของเพียเจต์ กล่าวว่า ความรู้คือ ประสบการณ์ที่ได้รับการ
สะสม (Cumulative) มาแล้วในอดีต กล่าวคือเมื่อเด็กมีปฏิกิริยา ตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอกแล้ว
ได้ผลลัพธ์ออกมาก็จะเก็บสะสมไว้ในตัว เมื่อเด็กพบเหตุการณ์เช่นเดียวกันอีกเด็กจะคาดหวังทันทีว่า
ผลลัพธ์จะออกมาเหมือนที่เคยเป็นมาแล้ว เด็กจะค่อยๆ ประสมประสาน (Assimilation) ความรู้ใหม่
กับความเก่าเข้าด้วยกัน เป็นประสบการณ์ที่จะก่อให้เกิดความคิดต่างๆ ไปใช้ในการทำปฏิกิริยา
ตอบสนองสิ่งเร้าที่เด็กพบครั้งต่อไป

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หลักการและทฤษฎีการอ่านได้กล่าวถึงทฤษฎีการอ่านว่ามีหลักควรยึดคาร์รอล (คาร์โรลล์. 1964:118)3 ประการคือ1. การเสริมแรง (เสริม) เป็นสิ่งสำคัญในการเงื่อนไขในการเรียนการสอนมีความมั่นคงถาวรในการสอนอ่านนั้นลำพังแต่การฝึกอ่านอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้นักเรียนอ่านหรือจำคำได้ต้องอาศัยการเสริมแรงเข้าช่วยครูควรคำนึงถึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลในการใช้การเสริมแรง2. แต่เป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นโดยฉับพลันของเด็กการหยั่งเห็น (Insight)หลังจากที่เด็กได้ลองผิดลองถูกมาหลายครั้งเช่นเด็กเห็นคำว่าแล้วมาพบคำว่ามาก่อน "กิน""บิน" เด็กก็จะอ่านว่า "กิน" แต่เมื่อไรไดรับการสอนหรือให้ลองสะกดดูเป็นประสบการณ์แก่เด็กเด็กก็จะอ่านคำว่าได้ถูกต้อง "บิน"3. ทฤษฎีพัฒนาการของเพียเจต์กล่าวว่าความรู้คือประสบการณ์ที่ได้รับการสะสม (สะสม) มาแล้วในอดีตกล่าวคือเมื่อเด็กมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอกแล้วได้ผลลัพธ์ออกมาก็จะเก็บสะสมไว้ในตัวเมื่อเด็กพบเหตุการณ์เช่นเดียวกันอีกเด็กจะคาดหวังทันทีว่าความรู้ใหม่ผลลัพธ์จะออกมาเหมือนที่เคยเป็นมาแล้วเด็กจะค่อย ๆ ประสมประสาน (ดูดซึม)กับความเก่าเข้าด้วยกันเป็นประสบการณ์ที่จะก่อให้เกิดความคิดต่าง ๆ ไปใช้ในการทำปฏิกิริยาตอบสนองสิ่งเร้าที่เด็กพบครั้งต่อไป

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทฤษฎีและหลักการหัวเรื่อง: การอ่าน
คาร์รอล (แครอล 1964:. 118) ได้กล่าวถึงทฤษฎีการอ่านว่ามี หลักควรยึด
3 ประการคือ
1 การเสริมแรง (Reinforcement) เป็นสิ่งสำคัญในห้างหุ้นส่วนจำกัดหัวเรื่อง: การเงื่อนไขในห้างหุ้นส่วนจำกัดหัวเรื่อง: การเรียนหัวเรื่อง: การสอน
มีความสามารถมั่นคงถาวรในห้างหุ้นส่วนจำกัดหัวเรื่อง: การสอนอ่านนั้นลำพัง แต่หัวเรื่อง: การฝึกอ่านอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้
นักเรียนเป็นอ่านหรือจำคำได้คุณต้องอาศัยการเสริมแรง ช่วยครูเป็นเข้าควรคำนึงถึงถึงความสามารถแตกต่างระหว่าง
บุคคลในห้างหุ้นส่วนจำกัดหัวเรื่อง: การใช้หัวเรื่อง: การเสริมแรง
2 การหยั่งเห็น (Insight) เป็นการแก้ปฐมวัยที่เกิดขึ้นโดยฉับพลันของที่คุณเด็ก แต่
หลังจากที่ที่คุณเด็กได้ลองผิดลองถูกมาหลายครั้งเช่นที่คุณเด็กเห็นคำว่าได้ "กิน" มาก่อนแล้วมาพบคำว่า
"บิน" เด็กก็จะอ่าน ว่า "กิน" ไดเมื่อไร แต่รับหัวเรื่อง: การสอนหรือให้ลองสะกดดูเป็นประสบการณ์แก่ที่คุณเด็ก
ที่คุณเด็กก็จะอ่านคำว่า "บิน" ได้ถูกต้อง
3 ทฤษฎีพัฒนาการของเพียเจต์กล่าวว่าได้ความสามารถรู้คือประสบการณ์ที่ได้รับหัวเรื่อง: การ
สะสม (สะสม) มาแล้วในห้างหุ้นส่วนจำกัดในปัจจุบันอดีตกล่าวคือเมื่อที่คุณเด็กมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอกแล้ว
ได้ผลลัพธ์ออกมาก็จะเก็บสะสมไว้ในห้างหุ้นส่วนจำกัดคุณตัวเมื่อ ที่คุณเด็กพบเหตุการณ์เช่นเดียวกันอีกที่คุณเด็กจะคาดหวังทันทีว่าได้
ผลลัพธ์จะออกมาเหมือนที่เคยเป็นมาแล้วที่คุณเด็กจะค่อยๆประสมประสาน (Assimilation) ความสามารถรู้ใหม่
กับความสามารถเก่าเข้าด้วยกันเป็นประสบการณ์ที่จะก่อให้เกิดความสามารถคิดต่างๆไปใช้ หัวเรื่อง: การทำในห้างหุ้นส่วนจำกัดปฏิกิริยา
ตอบสนองสิ่งเร้าที่ที่คุณเด็กพบครั้งต่อไป

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หลักการและทฤษฎีการอ่านคาร์รอล ( แคโรล 1964 : 118 ) ได้กล่าวถึงทฤษฎีการอ่านว่ามีหลักควรยึด3 ประการความ1 . การเสริมแรง ( เสริม ) เป็นสิ่งสำคัญในการเงื่อนไขในการเรียนการสอนมีความมั่นคงถาวรในการสอนอ่านนั้นลำพังแต่การฝึกอ่านอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้นักเรียนอ่านหรือจำคำได้ต้องอาศัยการเสริมแรงเข้าช่วยครูควรคำนึงถึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลในการใช้การเสริมแรง2 . การหยั่งเห็น ( ลึก ) เป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นโดยฉับพลันของเด็ก Aหลังจากที่เด็กได้ลองผิดลองถูกมาหลายครั้งเช่นเด็กเห็นคำว่า " กิน " มาก่อนแล้วมาพบคำว่า" บิน " เด็กก็จะอ่านว่า " กิน " แต่เมื่อไรไดรับการสอนหรือให้ลองสะกดดูเป็นประสบการณ์แก่เด็กเด็กก็จะอ่านคำว่า " บิน " ได้ถูกต้อง3 . ทฤษฎีพัฒนาการของเพียเจต์กล่าวว่าความรู้คือประสบการณ์ที่ได้รับการสะสม ( สะสม ) มาแล้วในอดีตกล่าวคือเมื่อเด็กมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอกแล้วได้ผลลัพธ์ออกมาก็จะเก็บสะสมไว้ในตัวเมื่อเด็กพบเหตุการณ์เช่นเดียวกันอีกเด็กจะคาดหวังทันทีว่าผลลัพธ์จะออกมาเหมือนที่เคยเป็นมาแล้วเด็กจะค่อยๆประสมประสาน ( assimilation ) ความรู้ใหม่กับความเก่าเข้าด้วยกันเป็นประสบการณ์ที่จะก่อให้เกิดความคิดต่างๆไปใช้ในการทำปฏิกิริยาตอบสนองสิ่งเร้าที่เด็กพบครั้งต่อไป