Vermeer was a realist painter who f

Vermeer was a realist painter who focused on chiaroscuro and became a master in using this technique. The artist delighted in the technicalities of the camera obscura that had emerged in Dutch markets at this time and was an avid fan of using various lens and glass contraptions to discover new forms of capturing light in various contexts.

There is little information about Vermeer's personal life. He seems to have devoted his time to his work and never left his hometown of Delft. The mystery surrounding Vermeer led to Thoré Bürger naming him "The Sphinx of Delft".





ohannes Vermeer was born to Reijnier Janszoon and Digna Baltens, middle-class innkeepers and prominent silk weavers in the city of Delft. His father later changed his surname to Vermeer but the reason for this remains unknown. Vermeer's father was a member of the Guild of St. Luke where he traded and sold various paintings. It was from this profession that a young Vermeer learned all about art.

Johannes Vermeer was the only son in the family and had just one sibling. He was raised Protestant in a largely conservative Catholic province and later became part of the Guild of St. Luke. It is believed that he apprenticed under Leonart Bramer but no evidence can conclude that he had an influence on Vermeer's works.

Other art historians propose that Vermeer served under Carel Fabritius but again, evidence to prove this is lacking. Some scholars claim that Vermeer was in fact, taught by the Catholic painter Abraham Bloemaert.

In Vermeer's early career he focused on producing history paintings, creating scenes from the Bible and classical mythology. Seventeenth-century academic theory reports that this was the highest form of painting because a history painter had to use their imagination when creating these works.

However, other subjects appealed more to Vermeer and later on he chose to paint everyday life scenes instead which were probably also popular at that time.




n April 1653, Vermeer married Catharine Bolnes, a wealthy Catholic woman from a higher class family. Upon marrying Catharine, Vermeer moved to the predominantly Catholic neighborhood in Delft.

He and Catherine had fifteen children together but four died at birth. None of the surviving eleven were known to inherit their father's skills.

Catherine modeled for many of Vermeer's great works including Woman Holding a Balance and Woman Reading a Letter. He also included various images of his children in works such as The Little Street.

Thanks to his mother-in-law, Maria, Vermeer gained access to the wealthiest citizens of Delft such as Pieter van Ruijven. Yet, unlike most if his contemporaries, Vermeer never left his home town and relied solely on local patronage for his commissions.




Johannes and Catherine are believed to have lived a happy married life until Vermeer's untimely death in 1675 from what is assumed to have been a stroke. They were married for 22 years.

Catharine was supportive of her husband's work and tried to save as many of his paintings as possible when she was summoned to hand them over to the state to repay her husband's debt. Like most artists during these times, Vermeer also accumulated a series of debts which were left to his family upon his death.

Vermeer's success suffered due to the fact that he was unable to find patrons outside of Delft to buy his work. His downfall can also be contributed to the fact that he never left his home town to market his works and talents elsewhere. Vermeer, unlike Rembrandt, did not work with etchings or engravings which were popular at the time.

As Delft was located in the southern part of the Netherlands, it was constantly being invaded by Spanish troops which greatly affected the economy and art market, adding to Vermeer's problems.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ฮันส์เวร์เมร์จิตรกร realist ที่เน้น chiaroscuro และกลายเป็น ต้นแบบในการใช้เทคนิคนี้ ได้ ศิลปินยินดีในข้อมูลทางเทคนิคของบสคูที่ได้เกิดในประเทศเนเธอร์แลนด์ในขณะนี้ และมีแฟนชอบใช้ contraptions เลนส์และกระจกต่าง ๆ สัมผัสรูปแบบใหม่จับแสงในบริบทต่าง ๆมีข้อมูลน้อยเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของฮันส์เวร์เมร์ เขาดูเหมือนว่าจะมีทุ่มเทเวลาให้กับงานของเขา และไม่เคยทิ้งบ้านเกิดของเขาของ Delft นำลึกลับรอบฮันส์เวร์เมร์ให้ Thoré Bürger ชื่อเขา "สฟิงซ์ Delft"ohannes ฮันส์เวร์เมร์เกิด Reijnier Janszoon และ Digna Baltens, innkeepers ชั้นกลางและทอผ้าไหมที่โดดเด่นในเมือง Delft พ่อของเขาในภายหลังเปลี่ยนนามสกุลของเขาฮันส์เวร์เมร์ แต่เหตุผลนี้ยังคงไม่ทราบ พ่อของฮันส์เวร์เมร์เป็นสมาชิกในสมาคมของ St. ลูกาที่เขาซื้อขาย และขายภาพวาดต่าง ๆ ได้จากอาชีพนี้ฮันส์เวร์เมร์หนุ่มได้เรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะโยฮันส์เวร์เมร์ชายเดียวในครอบครัว และมีพี่น้องเดียว เขาขึ้น Protestant จังหวัดคาทอลิกหัวเก่ามาก และภายหลังได้กลายเป็น ส่วนหนึ่งของสมาคมเซนต์ลุค มันไม่เชื่อว่า เขา apprenticed ภายใต้ Leonart Bramer แต่ไม่สามารถสรุปได้ว่า เขามีผลต่อการทำงานของฮันส์เวร์เมร์นักประวัติศาสตร์ศิลปะอื่น ๆ เสนอว่า ฮันส์เวร์เมร์เสิร์ฟภายใต้ Carel Fabritius แต่อีก หลักฐานการพิสูจน์นี้ขาด นักวิชาการบางคนอ้างว่า ฮันส์เวร์เมร์เป็นในความเป็นจริง โดยจิตรกรคาทอลิกอับราฮัม Bloemaertในงานแรก ๆ ของฮันส์เวร์เมร์ เขาเน้นผลิตภาพวาดประวัติศาสตร์ สร้างฉากจากพระคัมภีร์และตำนานคลาสสิก ทฤษฎีการศึกษาศตวรรษที่ seventeenth รายงานว่า นี้เป็นแบบสูงสุดของจิตรกรรม เพราะจิตรกรประวัติศาสตร์มีการใช้จินตนาการสร้างงานเหล่านี้อย่างไรก็ตาม เรื่องอื่น ๆ เพิ่มเติมอุทธรณ์ฮันส์เวร์เมร์ และในภายหลังเขาเลือกที่จะวาดฉากชีวิตประจำวันแทนซึ่งได้คงยังรับความนิยมในขณะนั้นn 1653 เมษายน ฮันส์เวร์เมร์แต่งแคทธารีน Bolnes หญิงคาทอลิกมั่งคั่งจากครอบครัวชั้นสูง เมื่อแต่งแคทธารีน ฮันส์เวร์เมร์ย้ายไปพื้นที่ใกล้เคียงเป็นคาทอลิกใน Delftเขาและแคทเธอรีมีเด็กสิบห้ากัน แต่สี่เสียชีวิตในที่เกิด ไม่มีรอด 43 ได้รู้จักสืบทอดทักษะของพ่อแคทเธอรีจำลองสำหรับหลายงานดีของฮันส์เวร์เมร์ผู้หญิงถือดุลและผู้หญิงอ่านจดหมาย เขายังรวมภาพต่าง ๆ ของเขาในการทำงานเช่นร้านขอบคุณแม่ยายของเขา มาเรีย ฮันส์เวร์เมร์ได้เข้าถึงประชาชนที่ร่ำรวยที่สุดของ Delft เช่นปิเอเตอร์แวน Ruijven ยัง ซึ่งแตกต่างจากส่วนใหญ่ถ้า เขา contemporaries ฮันส์เวร์เมร์ไม่ซ้ายของบ้านเมือง และอาศัยในการอุปถัมภ์ในท้องถิ่นในคณะกรรมการของเขาแต่เพียงผู้เดียวโยและแคทเธอรีเชื่อว่า ๒๕ ชีวิตสมรสมีความสุขจนตายไม่เหมาะของฮันส์เวร์เมร์ใน 1675 จากอะไรสันนิษฐานที่ได้จังหวะ พวกเขาได้แต่งงาน 22 ปีCatharine was supportive of her husband's work and tried to save as many of his paintings as possible when she was summoned to hand them over to the state to repay her husband's debt. Like most artists during these times, Vermeer also accumulated a series of debts which were left to his family upon his death.Vermeer's success suffered due to the fact that he was unable to find patrons outside of Delft to buy his work. His downfall can also be contributed to the fact that he never left his home town to market his works and talents elsewhere. Vermeer, unlike Rembrandt, did not work with etchings or engravings which were popular at the time.As Delft was located in the southern part of the Netherlands, it was constantly being invaded by Spanish troops which greatly affected the economy and art market, adding to Vermeer's problems.

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เวอร์เมียร์เป็นนักสัจนิยมจิตรกรที่เน้นค่าต่างแสงและกลายเป็นต้นแบบในการใช้เทคนิคนี้ ศิลปินยินดีใน technicalities ของกล้องที่โผล่ในตลาดดัตช์ในเวลานี้ และเป็นแฟนตัวยงของใช้ต่างๆของเลนส์และกระจก contraptions ค้นพบรูปแบบใหม่ของการจับแสง

ในบริบทต่างๆเวอร์เมียร์เป็นนักสัจนิยมจิตรกรที่เน้นค่าต่างแสงและกลายเป็นต้นแบบในการใช้เทคนิคนี้ ศิลปินยินดีใน technicalities ของกล้องที่โผล่ในตลาดดัตช์ในเวลานี้ และเป็นแฟนตัวยงของใช้ต่างๆของเลนส์และกระจก contraptions ค้นพบรูปแบบใหม่ของการจับแสง

ในบริบทต่างๆเวอร์เมียร์เป็นนักสัจนิยมจิตรกรที่เน้นค่าต่างแสงและกลายเป็นต้นแบบในการใช้เทคนิคนี้ ศิลปินยินดีใน technicalities ของกล้องที่โผล่ในตลาดดัตช์ในเวลานี้ และเป็นแฟนตัวยงของใช้ต่างๆของเลนส์และกระจก contraptions ค้นพบรูปแบบใหม่ของการจับแสง

ในบริบทต่างๆเวอร์เมียร์เป็นนักสัจนิยมจิตรกรที่เน้นค่าต่างแสงและกลายเป็นต้นแบบในการใช้เทคนิคนี้ ศิลปินยินดีใน technicalities ของกล้องที่โผล่ในตลาดดัตช์ในเวลานี้ และเป็นแฟนตัวยงของใช้ต่างๆของเลนส์และกระจก contraptions ค้นพบรูปแบบใหม่ของการจับแสง

ในบริบทต่างๆเวอร์เมียร์เป็นนักสัจนิยมจิตรกรที่เน้นค่าต่างแสงและกลายเป็นต้นแบบในการใช้เทคนิคนี้ ศิลปินยินดีใน technicalities ของกล้องที่โผล่ในตลาดดัตช์ในเวลานี้ และเป็นแฟนตัวยงของใช้ต่างๆของเลนส์และกระจก contraptions ค้นพบรูปแบบใหม่ของการจับแสง

ในบริบทต่างๆเวอร์เมียร์เป็นนักสัจนิยมจิตรกรที่เน้นค่าต่างแสงและกลายเป็นต้นแบบในการใช้เทคนิคนี้ ศิลปินยินดีใน technicalities ของกล้องที่โผล่ในตลาดดัตช์ในเวลานี้ และเป็นแฟนตัวยงของใช้ต่างๆของเลนส์และกระจก contraptions ค้นพบรูปแบบใหม่ของการจับแสง

ในบริบทต่างๆเวอร์เมียร์เป็นนักสัจนิยมจิตรกรที่เน้นค่าต่างแสงและกลายเป็นต้นแบบในการใช้เทคนิคนี้ ศิลปินยินดีใน technicalities ของกล้องที่โผล่ในตลาดดัตช์ในเวลานี้ และเป็นแฟนตัวยงของใช้ต่างๆของเลนส์และกระจก contraptions ค้นพบรูปแบบใหม่ของการจับแสง

ในบริบทต่างๆเวอร์เมียร์เป็นนักสัจนิยมจิตรกรที่เน้นค่าต่างแสงและกลายเป็นต้นแบบในการใช้เทคนิคนี้ ศิลปินยินดีใน technicalities ของกล้องที่โผล่ในตลาดดัตช์ในเวลานี้ และเป็นแฟนตัวยงของใช้ต่างๆของเลนส์และกระจก contraptions ค้นพบรูปแบบใหม่ของการจับแสง

ในบริบทต่างๆเวอร์เมียร์เป็นนักสัจนิยมจิตรกรที่เน้นค่าต่างแสงและกลายเป็นต้นแบบในการใช้เทคนิคนี้ ศิลปินยินดีใน technicalities ของกล้องที่โผล่ในตลาดดัตช์ในเวลานี้ และเป็นแฟนตัวยงของใช้ต่างๆของเลนส์และกระจก contraptions ค้นพบรูปแบบใหม่ของการจับแสง

ในบริบทต่างๆเวอร์เมียร์เป็นนักสัจนิยมจิตรกรที่เน้นค่าต่างแสงและกลายเป็นต้นแบบในการใช้เทคนิคนี้ ศิลปินยินดีใน technicalities ของกล้องที่โผล่ในตลาดดัตช์ในเวลานี้ และเป็นแฟนตัวยงของใช้ต่างๆของเลนส์และกระจก contraptions ค้นพบรูปแบบใหม่ของการจับแสง

ในบริบทต่างๆเวอร์เมียร์เป็นนักสัจนิยมจิตรกรที่เน้นค่าต่างแสงและกลายเป็นต้นแบบในการใช้เทคนิคนี้ ศิลปินยินดีใน technicalities ของกล้องที่โผล่ในตลาดดัตช์ในเวลานี้ และเป็นแฟนตัวยงของใช้ต่างๆของเลนส์และกระจก contraptions ค้นพบรูปแบบใหม่ของการจับแสง

ในบริบทต่างๆ