สำหรับสิทธิมนุษยชนในขงจื๊อ เขาได้ให

สำหรับสิทธิมนุษยชนในขงจื๊อ เขาได้ให้ความสำคัญแก่สังคมเหนือสิ่งอื่นใด สิทธิมนุษยชนของขงจื๊อ เป็นหลักเกณฑ์การวางตนในสังคมสำหรับผู้ที่ต้องการอยู่ร่วมกับเพื่อนมนุษย์อย่างมีสันติสุข และเป็นแนวทางครองชีวิตของผู้ใฝ่รู้เพื่อพัฒนาจิตใจของตนเอง ทั้งนี้ด้วยเหตุผลจากสามัญสำนึก คือ มนุษย์จะสามารถพัฒนาบุคคลิกภาพได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในสังคมเท่านั้น สังคมเป็นสนามให้เราได้มีโอกาสขัดเกลาจิตใจ ปลูกฝังและเพิ่มพูนคุณธรรม ในขณะเดียวกันคุณธรรมก็จะไม่มีความหมายหากไม่มีการแสดงออก และคุณธรรมจะปรากฏออกมาได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในสังคมเท่านั้น เพราะฉะนั้นสำหรับขงจื้อสิทธิมนุษยชนคือความสุขทางสังคม เมื่อมนุษย์เข้าใจในสังคม มนุษย์จะเกิดการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองไปในทางที่ถูกต้อง มนุษย์จะรู้จักการใช้สิทธิตามข้อจำกัดของตน การที่สังคมจะสงบสุขได้ ก็ต่อเมื่อ มนุษย์รู้จักการยกระดับจิตใจของคน และสร้างความสามัคคีในสังคม การที่จะบรรลุจุดหมายทั้งสองบุคคลต้องเริ่มที่ตนเองก่อน ขั้นแรกจะต้องศึกษาเล่าเรียนเพื่อขัดเกลาจิตใจของตน ในขั้นต่อมาจะต้องใช้คุณธรรมเป็นหลักประจำใจเมื่อต้องติดต่อกับผู้คน ซึ่งในความคิดของขงจื้อความสุขของสังคมอยู่ในหลักการปกครอง ขงจื๊อมุ่งสอนชนชั้นปกครองเพราะท่านคิดว่า ถ้านักปกครองทำหน้าที่ของตนโดยใช้หลักจริยธรรมและวางตัวเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ราษฎรแล้ว บ้านเมืองก็จะสงบสุข ส่วนราษฎรก็ต้องเชื่อฟังผู้ปกครอง เป็นหลักปฏิบัติที่ต่างฝ่ายต่างมีความสัมพันธ์ต่อกัน
ขงจื๊อได้อธิบายว่าสังคมเราจะสงบสุขได้ ถ้ามนุษย์เป็นคนดี และต้องปฏิบัติตามสิ่งที่เขาสอนได้ก่อน แล้วจึงค่อยสอนผู้อื่นในสิ่งที่เขาปฏิบัติ คนดีจะเข้าใจความดี ยึดมั่นในคุณธรรม ชอบความเรียบง่าย ซึ่งมนุษย์ในอุดมคติของขงจื๊อต้อง รู้จักไตร่ตรองอย่างรอบคอบก่อนจะพูดออกมา , เป็นคนเด็ดเดี่ยวและจิตใจมั่นคง ,มีความกล้าหาญ , ปราศจากวิตกจริต และเป็นคนน่านับถือ ขยันหมั่นเพียร ใจเปี่ยมด้วยเมตตาและขันติธรรม หากมนุษย์ปฏิบัติในสิ่งที่ขงจื้อได้สอนไว้ได้ สังคมจะเกิดความสงบสุข
สุดท้ายนี้ ครอบครัวเป็นหน่วยของสังคมที่สำคัญที่สุด เพราะครอบครัวเป็นรากฐานของสังคม เพราะภายในครอบครัวจะต้องมีระบบพันธะ คือ ต่างฝ่ายต่างมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อกันและกัน บิดามีหน้าที่เลี้ยงดูบุตร ให้การศึกษาแก่บุตร อบรมศีลธรรมจรรยาและจัดหาคู่ครองให้ ส่วนบุตรมีหน้าที่เคารพเชื่อฟังบิดา และให้การดูแลเมื่อบิดาเข้าสู่วัยชรา ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า ครอบครัวจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นสังคมที่สงบสุข

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สำหรับสิทธิมนุษยชนในขงจื๊อเขาได้ ให้ความสำคัญแก่สังคมเหนือสิ่งอื่นใดสิทธิมนุษยชนของขงจื๊อเป็นหลักเกณฑ์การวางตนในสังคมสำหรับผู้ที่ต้องการอยู่ร่วมกับเพื่อนมนุษย์อย่างมีสันติสุขและเป็นแนวทางครองชีวิตของผู้ใฝ่รู้ เพื่อพัฒนาจิตใจของตนเองทั้งนี้ด้วยเหตุผล จากสามัญสำนึกคือมนุษย์จะสามารถพัฒนาบุคคลิกภาพได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในสังคมเท่านั้นสังคมเป็นสนามให้เราได้มีโอกาสขัดเกลาจิตใจปลูกฝังและเพิ่มพูนคุณธรรมในขณะเดียวกันคุณธรรมก็จะไม่มีความหมาย หากไม่มีการแสดงออกและคุณธรรมจะปรากฏ ออกมาได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในสังคมเท่านั้นเพราะฉะนั้นสำหรับขงจื้อสิทธิมนุษยชนคือความสุขทางสังคมเมื่อมนุษย์เข้าใจในสังคมมนุษย์จะเกิดการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองไปในทาง ที่ถูกต้องมนุษย์จะรู้จักการใช้ สิทธิตามข้อ จำกัด ของตนการที่สังคมจะสงบสุขได้ก็ต่อเมื่อมนุษย์รู้จักการยกระดับจิตใจของคนและสร้างความสามัคคีในสังคมการที่จะบรรลุจุดหมายทั้งสองบุคคลต้องเริ่มที่ตนเอง ก่อนขั้นแรกจะต้องศึกษาเล่าเรียนเพื่อ ขัดเกลาจิตใจของตนในขั้นต่อมาจะต้องใช้คุณธรรมเป็นหลักประจำใจเมื่อต้องติดต่อกับผู้คนซึ่งในความคิดของขงจื้อความสุขของสังคมอยู่ในหลักการปกครองขงจื๊อมุ่งสอน ชนชั้นปกครองเพราะท่านคิดว่าถ้านัก ปกครองทำหน้าที่ของตนโดยใช้หลักจริยธรรมและวางตัวเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ราษฎรแล้วบ้านเมืองก็จะสงบสุขส่วนราษฎรก็ต้องเชื่อฟังผู้ปกครองเป็นหลักปฏิบัติที่ต่างฝ่ายต่างมีความสัมพันธ์ต่อกัน
ขงจื๊อได้อธิบายว่าสังคมเราจะสงบ สุขได้ถ้ามนุษย์เป็นคนดีและต้องปฏิบัติตามสิ่งที่เขาสอนได้ก่อนแล้วจึงค่อยสอนผู้อื่นในสิ่งที่เขาปฏิบัติคนดีจะเข้าใจความดียึดมั่นในคุณธรรมชอบความเรียบง่าย ซึ่งมนุษย์ในอุดมคติของขงจื๊อต้องรู้จัก ไตร่ตรองอย่างรอบคอบก่อนจะพูดออกมา , เป็นคนเด็ดเดี่ยวและจิตใจมั่นคง, มีความกล้าหาญ, ปราศจากวิตกจริตและเป็นคนน่านับถือขยัน หมั่นเพียรใจเปี่ยมด้วยเมตตาและขันติธรรมหากมนุษย์ปฏิบัติใน สิ่งที่ขงจื้หนังสืออได้สอนไว้ได้สังคมจะเกิดความสามารถสงบคุณสุข
สุดท้ายนี้ครอบครัวเป็นหน่วยของสังคมที่สำคัญที่สุดเพราะครอบครัวเป็นรากฐานของสังคมเพราะภายในครอบครัวจะคุณต้องมีระบบผู้ซื้อสินค้าพันธะคือต่างฝ่ายต่างมีหน้าที่และความสามารถรับผิดชอบต่อ กันและกันบิดามีหน้าที่เลี้ยงดูบุตรให้การ ศึกษาแก่บุตรอบรมศีลธรรมจรรยาและจัดหาคู่ครองให้ส่วนบุตรมีหน้าที่เคารพเชื่อฟังบิดาและให้การดูแลเมื่อบิดาเข้าสู่วัยชราซึ่งอาจกล่าวได้ว่าครอบครัวจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นสังคม ที่สงบสุข

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สำหรับสิทธิมนุษยชนในขงจื๊อเขาได้ให้ความสำคัญแก่สังคมเหนือสิ่งอื่นใดสิทธิมนุษยชนของขงจื๊อเป็นหลักเกณฑ์การวางตนในสังคมสำหรับผู้ที่ต้องการอยู่ร่วมกับเพื่อนมนุษย์อย่างมีสันติสุขและเป็นแนวทางครองชีวิตของผู้ใฝ่รู้เพื่อพัฒนาจิตใจของตนเองทั้งนี้ด้วยเหตุผลจ ากสามัญสำนึกความมนุษย์จะสามารถพัฒนาบุคคลิกภาพได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในสังคมเท่านั้นสังคมเป็นสนามให้เราได้มีโอกาสขัดเกลาจิตใจปลูกฝังและเพิ่มพูนคุณธรรมในขณะเดียวกันคุณธรรมก็จะไม่มีความหมายหากไม่มีการแสดงออกและคุณธรรมจะปรากฏออกมาได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในสังคมเท่า นั้นเพราะฉะนั้นสำหรับขงจื้อสิทธิมนุษยชนคือความสุขทางสังคมเมื่อมนุษย์เข้าใจในสังคมมนุษย์จะเกิดการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองไปในทางที่ถูกต้องมนุษย์จะรู้จักการใช้สิทธิตามข้อจำกัดของตนการที่สังคมจะสงบสุขได้ก็ต่อเมื่อมนุษย์รู้จักการยกระดับจิตใจของคนและสร้า งความสามัคคีในสังคมการที่จะบรรลุจุดหมายทั้งสองบุคคลต้องเริ่มที่ตนเองก่อนขั้นแรกจะต้องศึกษาเล่าเรียนเพื่อขัดเกลาจิตใจของตนในขั้นต่อมาจะต้องใช้คุณธรรมเป็นหลักประจำใจเมื่อต้องติดต่อกับผู้คนซึ่งในความคิดของขงจื้อความสุขของสังคมอยู่ในหลักการปกครองขงจื๊อ มุ่งสอนชนชั้นปกครองเพราะท่านคิดว่าถ้านักปกครองทำหน้าที่ของตนโดยใช้หลักจริยธรรมและวางตัวเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ราษฎรแล้วบ้านเมืองก็จะสงบสุขส่วนราษฎรก็ต้องเชื่อฟังผู้ปกครองเป็นหลักปฏิบัติที่ต่างฝ่ายต่างมีความสัมพันธ์ต่อกันขงจื๊อได้อธิบายว่าสังคมเราจะสงบสุขได้ถ้ามนุษย์เป็นคนดีและต้องปฏิบัติตามสิ่งที่เขาสอนได้ก่อนแล้วจึงค่อยสอนผู้อื่นในสิ่งที่เขาปฏิบัติคนดีจะเข้าใจความดียึดมั่นในคุณธรรมชอบความเรียบง่ายซึ่งมนุษย์ในอุดมคติของขงจื๊อต้องรู้จักไตร่ตรองอย่างรอบคอบก่อนจะพูด ออกมาเป็นคนเด็ดเดี่ยวและจิตใจมั่นคงมีความกล้าหาญปราศจากวิตกจริต , , , และเป็นคนน่านับถือขยันหมั่นเพียรใจเปี่ยมด้วยเมตตาและขันติธรรมหากมนุษย์ปฏิบัติในสิ่งที่ขงจื้อได้สอนไว้ได้สังคมจะเกิดความสงบสุขสุดท้าย