A study was conducted to evaluate t

A study was conducted to evaluate the efficacy of phytase produced by fungal immobilization in broiler chicken fed with maize–soy based diet. Three fungal isolates, one Aspergillus awamori (NCIM 885) and two species of Aspergillus foetidus sourced from soil samples showing good phytase activity were selected for bulk production employing immobilization technique. A feeding trial of 5-wk duration was conducted involving 192 chicks which were divided into four dietary treatments with six replicates having eight chicks in each following a completely randomized design. The dietary treatments consisted of one positive control (PC) group without any phytase enzyme (4.5 g/kg available/non-phytin phosphorus (P) during starter and 4.0 g/kg during finisher phase), one negative control (NC) group (3.2 g/kg available/non-phytin P during starter and 2.8 g/kg during finisher phase). In the third (lab phytase) and fourth (com phytase) treatment groups, the negative control diet was supplemented with two different enzymes sources, laboratory produced phytase @500 phytase unit FTU/kg and commercial phytase @500 FTU/kg, respectively to meet the P requirements. The results indicated growth performance as well as calcium (Ca) and P utilization of broiler chicken was poor in low P (1.2 g/kg non-phytin P less) fed birds. Supplementation of commercial phytase enzyme @500 FTU/kg diet could replace 1.2 g/kg of available or non-phytin P in broiler diet. However, supplementation of laboratory produced phytase enzyme @500 FTU/kg in diet reduced feed intake with lower body weight gain and similar feed conversion ratio, Ca and P utilization in comparison to commercial phytase. Lower P in diet coupled with high environmental temperature increased the susceptibility to secondary infections. Laboratory phytase and commercial phytase supplementation reduced P excretion by 30%. It could be concluded that the efficacy of the laboratory phytase was inferior to that of commercial phytase.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาได้ดำเนินการประเมินประสิทธิภาพของไฟเตสที่ผลิตโดยการตรึงเชื้อราในไก่เนื้อไก่ที่เลี้ยงด้วยอาหารตามข้าวโพดถั่วเหลือง สามแยกเชื้อรา Aspergillus awamori หนึ่ง (NCIM 885) และสองสายพันธุ์ของเชื้อรา Aspergillus foetidus มาจากตัวอย่างดินแสดงกิจกรรมไฟเตสได้รับการคัดเลือกที่ดีสำหรับการผลิตจำนวนมากการใช้เทคนิคการตรึง การทดลองให้อาหารระยะเวลา 5 สัปดาห์ได้ดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับ 192 ลูกไก่ที่ถูกแบ่งออกเป็นสี่การรักษาอาหารที่มีหกซ้ำมีแปดลูกไก่ในแต่ละดังต่อไปนี้แบบสุ่มสมบูรณ์ การรักษาอาหารที่ประกอบไปด้วยหนึ่งควบคุมบวก (PC) กลุ่มโดยไม่ต้องเอนไซม์ไฟเตสใด ๆ (4.5 กรัม / กิโลกรัมใช้ได้ / ไม่แสวงหา phytin ฟอสฟอรัส (P) ในช่วงเริ่มต้นและ 4.0 กรัม / กิโลกรัมในช่วงหมัดเด็ด) หนึ่งในการควบคุมเชิงลบ (NC) กลุ่ม ( 3.2 กรัม / กิโลกรัมใช้ได้ / ไม่แสวงหา phytin P ในช่วงเริ่มต้นและ 2.8 กรัม / กิโลกรัมในช่วงหมัดเด็ด) ในไตรมาสที่สาม (ห้องปฏิบัติการไฟเตส) และสี่ (คอมไฟเตส) กลุ่มการรักษาอาหารควบคุมเชิงลบก็ตบท้ายด้วยสองแหล่งเอนไซม์ที่แตกต่างกันในห้องปฏิบัติการผลิตไฟเตส 500 phytase หน่วย FTU / กิโลกรัมและไฟเตสในเชิงพาณิชย์ 500 FTU / กก. ตามลำดับเพื่อตอบสนองความ ความต้องการ P ผลการวิจัยพบการเจริญเติบโตเช่นเดียวกับแคลเซียม (Ca) และ P ใช้ประโยชน์จากไก่เนื้อไก่เป็นคนยากจนในระดับต่ำ P (1.2 กรัม / กิโลกรัมที่ไม่ phytin P น้อยกว่า) ที่เลี้ยงนก การเสริมเอนไซม์ไฟเตสในเชิงพาณิชย์ 500 FTU / กก. อาหารที่สามารถใช้ทดแทน 1.2 กรัม / กิโลกรัมใช้ได้หรือไม่ phytin P ในอาหารไก่เนื้อ อย่างไรก็ตามการเสริมของห้องปฏิบัติการผลิตเอนไซม์ไฟเตส 500 FTU / กิโลกรัมในอาหารลดปริมาณอาหารที่กินกับน้ำหนักตัวที่ลดลงและอัตราการเปลี่ยนอาหารที่คล้ายกัน Ca P และการใช้ประโยชน์ในการเปรียบเทียบกับไฟเตสในเชิงพาณิชย์ ต่ำกว่า P ​​ในอาหารควบคู่ไปกับอุณหภูมิสิ่งแวดล้อมสูงเพิ่มขึ้นความไวต่อการติดเชื้อรอง ห้องปฏิบัติการไฟเตสและอาหารเสริมไฟเตสในเชิงพาณิชย์ลดการขับถ่าย P 30% มันอาจจะสรุปได้ว่าประสิทธิภาพของไฟเตสในห้องปฏิบัติการได้ด้อยกว่าของไฟเตสในเชิงพาณิชย์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินประสิทธิภาพของเอนไซม์ไฟเตสที่ผลิตโดยเชื้อราในไก่กระทงที่ได้รับการตรึงด้วยถั่วเหลืองและข้าวโพดอาหารตาม สามแยกเชื้อรา Aspergillus awamori หนึ่ง ( ncim 885 ) และสองชนิดของเชื้อรา Aspergillus foetidus ที่มาจากตัวอย่างดินที่แสดงกิจกรรมของเอนไซม์ไฟเตสดีเลือกสำหรับการผลิตขนาดใหญ่ใช้เทคนิคการผลิต .อาหารทดลองระยะเวลา 5-wk ดำเนินการเกี่ยวข้องกับ 192 ลูกไก่ที่ถูกแบ่งออกเป็นสี่กลุ่มทดลองมี 6 แบบมี 8 chicks ในแต่ละตามแผนการทดลองแบบสุ่มตลอด การรักษาอาหารจำนวนหนึ่งบวก ( PC ) กลุ่มควบคุมไม่มีเอนไซม์ไฟเตส ( 4.5 กรัม / กิโลกรัม พร้อมใช้งาน / ไม่ไฟตินฟอสฟอรัส ( P ) ในช่วงเริ่มต้นและ 4.0 กรัมต่อกิโลกรัมในช่วงระยะ 3-6 )หนึ่งลบควบคุม ( NC ) กลุ่ม ( 3.2 กรัม / กิโลกรัม พร้อมใช้งาน / ไม่ไพติน P ในช่วงเริ่มต้นและ 2.8 กรัม / กิโลกรัม ในช่วงระยะ 3-6 ) ในไตรมาสที่สาม ( Lab 1 ) และ 4 ( COM 1 ) กลุ่มการรักษา อาหารควบคุมเสริมด้วยเอนไซม์ที่แตกต่างกันสองเป็นแหล่งผลิตเอนไซม์ไฟเตส 500 หน่วยปฏิบัติการ @ 1 กิโลกรัมใช้เชิงพาณิชย์และเชิงโภชนาการเชิงโภชนาการ @ 500 บาท / กก. ตามลำดับ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการพบการเจริญเติบโตเช่นเดียวกับแคลเซียม ( Ca ) และ P ใช้ไก่กระทง ยากจนในระดับ P ( 1.2 กรัม / กิโลกรัม ปลอดไพติน P น้อยกว่า ) ที่เลี้ยงนก การเสริมเอนไซม์ไฟเตส 500 กิโลกรัม @ พาณิชย์เชิงโภชนาการอาหารสามารถแทนที่ 1.2 กรัม / กิโลกรัม ใช้ได้หรือไม่ไพติน P ในอาหารไก่เนื้อ . อย่างไรก็ตามการเสริมเอนไซม์ไฟเตส 500 ปฏิบัติการผลิต @ เชิงโภชนาการ / กิโลกรัมในอาหารลดการบริโภคอาหาร ราคาอาหารเพิ่มน้ำหนักที่คล้ายกันและอัตราส่วนการแปลง , Ca และ P ในการเปรียบเทียบกับการใช้เชิงพาณิชย์ ลดฟอสฟอรัสในอาหารคู่กับอุณหภูมิสิ่งแวดล้อมสูงเพิ่มความไวต่อการติดเชื้อทุติยภูมิปฏิบัติการเอนไซม์ไฟเตสและเชิงพาณิชย์และการเสริมลดลง P การขับถ่ายโดย 30% สรุปได้ว่า ประสิทธิภาพของห้องปฏิบัติการและด้อยกว่าที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ .