ผลงาน ในปี ค.ศ.1900 ทั้งสองจึงตัดสินใจสร้างเครื่องบินลำแรกขึ้น โดยเครื การแปล - ผลงาน ในปี ค.ศ.1900 ทั้งสองจึงตัดสินใจสร้างเครื่องบินลำแรกขึ้น โดยเครื ไทย วิธีการพูด

ผลงาน ในปี ค.ศ.1900 ทั้งสองจึงตัดสิ

ผลงาน
ในปี ค.ศ.1900 ทั้งสองจึงตัดสินใจสร้างเครื่องบินลำแรกขึ้น โดยเครื่องบินของเขามีลักษณะคล้ายกับเครื่องร่อน ทำด้วยโครงเหล็ก ส่วนปีกทำด้วยผ้า และใช้เครื่องยนต์ขนาด 12 แรงม้า ทั้งสองได้นำเครื่องบินทดลองบินระยะสั้น ๆ เพียง 1-2 นาที เท่านั้น อีกทั้งยังไม่สามารถควบคุมทิศทางการบินได้ ต่อมาทั้งสองได้เดินทางกลับไปที่เมืองเดย์ตัน เพื่อสร้างเครื่องบิน ลำที่ 2 ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเดิม และมีรูปร่างที่เปลี่ยนไป เมื่อสำเร็จเขาได้นำไปทดลองบินเช่นเคย แต่ก็ยังมีข้อบกพร่องอีกหลายอย่าง คือ เครื่องบินมีขนาดใหญ่ไป ทำให้มีน้ำหนักมากไม่สามารถขึ้นบินได้ ทั้งสองพยายามปรับปรุงข้อบกพร่องทั้งหลายที่มีอยู่ เขาสร้างเครื่องบินขึ้นอีกหลายลำ แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งเขาเริ่มรู้สึกท้อแท้ แต่ก็ยังทำการค้นคว้าต่อไปในปี ค.ศ. 1902 ทั้งสองได้สร้างอุโมงค์ลมขึ้นตามคำแนะนำของออคตาฟ ชานุท ซึ่งเป็นผู้ให้ความรู้เกี่ยวกับความกดอากาศ ทั้งสองได้นำ การทดลองภายในอุโมงค์ลมมาปรับปรุงเครื่องบิน ทั้งสองได้เพิ่มหางเสือเข้าทางด้านหน้า และด้านหลังของตัวเครื่อง เพื่อควบคุม ทิศทางการบิน ปีกของเครื่องบินเป็นปีก 2 ชั้น ขนาดประมาณ 32 ฟุต สามารถขยับขึ้นลงได้ เขานำเครื่องบินลำที่ 3 ทดลองขึ้นบิน ที่คิลล์ เดฟวิลล์ ฮิลล์ ทั้งสองได้ทดลองบินอยู่นานถึง 39 วัน และทดลองบินกว่า 1,000 ครั้ง ซึ่งก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ในการควบคุมทิศทางของเครื่องบิน และระยะเวลาที่เครื่องบินอยู่บนอากาศ ต่อมาทั้งสองได้ปรับปรุงเครื่องยนต์ให้มีน้ำหนักเบาขึ้น เพื่อให้บินอยู่ในอากาศได้นาน และสูงขึ้น ทั้งสองได้ติดต่อบริษัทผลิตเครื่องยนต์ที่มีขนาด 8 แรงม้า และมีน้ำหนักประมาณ 160 ปอนด์ แต่ไม่มีบริษัทใดสนใจเลย ดังนั้นทั้งสองจึงลงมือประดิษฐ์เครื่องยนต์ขึ้นด้วยตนเอง เครื่องยนต์ที่ทั้งสองทำขึ้นมีขนาด 12 - 16 แรงม้า น้ำหนัก 170 ปอนด์ ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1903 ทั้งสองได้นำเครื่องบินทดลองที่มีขนาดลำตัวยาว 21 ฟุต สูง 10 ฟุต ส่วนปีกมีความยาว 40 ฟุต 4 นิ้ว น้ำหนักรวมประมาณ 605 ปอนด์ แต่ก็ต้องประสบปัญหาเพราะสภาพอากาศไม่ดี ทำให้ทั้งสองมีความคิดว่า เครื่องบินของเขาต้องมีล้อเพื่อขึ้นบินได้โดยไม่ต้องอาศัยลมฟ้าอากาศ นอกจากนี้ทั้งสองยังได้สร้างทาง วิ่งขึ้นของเครื่องบิน (Run Way) ความยาว 600 เมตร ขึ้น และทำการทดลองบินในวันที่ 28 พฤศจิกายน ค.ศ.1903 แม้ว่าจะ มีล้อ แต่ก็ยังต้องใช้คนผลักอยู่ดี ดังนั้นเครื่องบินของทั้งสองจึงต้องปรับปรุงอีกครั้ง โดยครั้งนี้เครื่องบินของพวกเขามีล้อของรถ บรรทุก ที่เชื่อมต่อด้วยโซ่เข้ากับเฟืองของเครื่องยนต์ ทำให้สามารถวิ่งขึ้นได้เองโดยไม่ต้องอาศัยแรงลมหรือแรงคนผลัก เขาได้ ทดลองขึ้นบินวันที่ 14 ธันวาคมปีเดียวกันที่รัฐนอร์ท คาโรไลนา (North Carolina)
โดยมีวิลเบอร์เป็นคนขับเครื่องบินแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งสองจึงทำการทดลองขึ้นบินอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ.1903 โดยมีออร์วิลเป็นผู้ขับเครื่องบิน ซึ่งครั้งนี้ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดีสามารถบินอยู่ในอากาศได้นานถึง 15 วินาที และบินได้ไกลถึง 200 ฟุต สูงจากพื้นดิน 850 ฟุต เขาได้พัฒนาเครื่องบินจนสามารถบินได้ 59 วินาที และไกล 852 ฟุต ความเร็ว ในการบิน 31 ไมล์ ทั้งสองได้นำเครื่องบินไปจดสิทธิบัตร และได้พัฒนาเครื่องบินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในปี ค.ศ.1908 ทั้งสองได้สร้างเครื่องบินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นสำเร็จ โดยเครื่องบินลำนี้มีความยาว 28 ฟุต ความยาวปีก 40 ฟุต น้ำหนัก 322 ปอนด์ ใช้เครื่องยนต์ 20 แรงม้า สามารถบินได้เร็ว 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีที่นั่งสำหรับผู้โดยสารอีก 1 ที่นั่ง นับว่า กิจการบินมีความเจริญก้าวหน้าไปอีกก้าวหนึ่ง ในปีเดียวกันนี้วิลเบอร์ได้ทดลองบินข้ามทวีปไปยังประเทศฝรั่งเศสได้สำเร็จ และในปี ค.ศ.1909 ออร์วิลได้บินข้ามช่องแคบอังกฤษได้สำเร็จ[1]
วิลเบอร์เสียชีวิตในวันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ.1912 ด้วยโรคไทฟอยด์ ส่วนออร์วิลเสียชีวิตในวันที่ 30 มกราคม ค.ศ.1948 ทั้งสองเสียชีวิตที่เมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา

0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ผลงาน ในปี ค.ศ.1900 ทั้งสองจึงตัดสินใจสร้างเครื่องบินลำแรกขึ้นโดยเครื่องบินของเขามีลักษณะคล้ายกับเครื่องร่อนทำด้วยโครงเหล็กส่วนปีกทำด้วยผ้าและใช้เครื่องยนต์ขนาด 12 แรงม้าทั้งสองได้นำเครื่องบินทดลองบินระยะสั้นๆ เพียง 1-2 นาทีเท่านั้นอีกทั้งยังไม่สามารถควบคุมทิศทางการบินได้ต่อมาทั้งสองได้เดินทางกลับไปที่เมืองเดย์ตันเพื่อสร้างเครื่องบินลำที่ 2 ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเดิมและมีรูปร่างที่เปลี่ยนไปเมื่อสำเร็จเขาได้นำไปทดลองบินเช่นเคยแต่ก็ยังมีข้อบกพร่องอีกหลายอย่างคือเครื่องบินมีขนาดใหญ่ไปทำให้มีน้ำหนักมากไม่สามารถขึ้นบินได้ทั้งสองพยายามปรับปรุงข้อบกพร่องทั้งหลายที่มีอยู่เขาสร้างเครื่องบินขึ้นอีกหลายลำแต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จจนกระทั่งเขาเริ่มรู้สึกท้อแท้แต่ก็ยังทำการค้นคว้าต่อไปในปีค.ศ. 1902 ทั้งสองได้สร้างอุโมงค์ลมขึ้นตามคำแนะนำของออคตาฟชานุทซึ่งเป็นผู้ให้ความรู้เกี่ยวกับความกดอากาศทั้งสองได้นำการทดลองภายในอุโมงค์ลมมาปรับปรุงเครื่องบินทั้งสองได้เพิ่มหางเสือเข้าทางด้านหน้าและด้านหลังของตัวเครื่องเพื่อควบคุมทิศทางการบินปีกของเครื่องบินเป็นปีก 2 ชั้นขนาดประมาณ 32 ฟุตสามารถขยับขึ้นลงได้เขานำเครื่องบินลำที่ 3 ทดลองขึ้นบินที่คิลล์เดฟวิลล์ฮิลล์ทั้งสองได้ทดลองบินอยู่นานถึง 39 วันและทดลองบินกว่า 1,000 ครั้งซึ่งก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในการควบคุมทิศทางของเครื่องบินและระยะเวลาที่เครื่องบินอยู่บนอากาศต่อมาทั้งสองได้ปรับปรุงเครื่องยนต์ให้มีน้ำหนักเบาขึ้นเพื่อให้บินอยู่ในอากาศได้นานและสูงขึ้นทั้งสองได้ติดต่อบริษัทผลิตเครื่องยนต์ที่มีขนาด 8 แรงม้าและมีน้ำหนักประมาณ 160 ปอนด์แต่ไม่มีบริษัทใดสนใจเลยดังนั้นทั้งสองจึงลงมือประดิษฐ์เครื่องยนต์ขึ้นด้วยตนเองเครื่องยนต์ที่ทั้งสองทำขึ้นมีขนาด 12-16 แรงม้าน้ำหนัก 170 ปอนด์ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1903 ทั้งสองได้นำเครื่องบินทดลองที่มีขนาดลำตัวยาว 21 ฟุตสูง 10 ฟุตส่วนปีกมีความยาว 40 ฟุต 4 นิ้วน้ำหนักรวมประมาณ 605 ปอนด์แต่ก็ต้องประสบปัญหาเพราะสภาพอากาศไม่ดีทำให้ทั้งสองมีความคิดว่าเครื่องบินของเขาต้องมีล้อเพื่อขึ้นบินได้โดยไม่ต้องอาศัยลมฟ้าอากาศนอกจากนี้ทั้งสองยังได้สร้างทางวิ่งขึ้นของเครื่องบิน (วิธีทำ) ความยาว 600 เมตรขึ้นและทำการทดลองบินในวันที่ 28 พฤศจิกายน ค.ศ.1903 แม้ว่าจะมีล้อแต่ก็ยังต้องใช้คนผลักอยู่ดีดังนั้นเครื่องบินของทั้งสองจึงต้องปรับปรุงอีกครั้งโดยครั้งนี้เครื่องบินของพวกเขามีล้อของรถบรรทุกที่เชื่อมต่อด้วยโซ่เข้ากับเฟืองของเครื่องยนต์ทำให้สามารถวิ่งขึ้นได้เองโดยไม่ต้องอาศัยแรงลมหรือแรงคนผลักเขาได้ทดลองขึ้นบินวันที่ 14 ธันวาคมปีเดียวกันที่รัฐนอร์ทคาโรไลนา (นอร์ทแคโรไลนา)โดยมีวิลเบอร์เป็นคนขับเครื่องบินแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งสองจึงทำการทดลองขึ้นบินอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ.1903 โดยมีออร์วิลเป็นผู้ขับเครื่องบิน ซึ่งครั้งนี้ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดีสามารถบินอยู่ในอากาศได้นานถึง 15 วินาที และบินได้ไกลถึง 200 ฟุต สูงจากพื้นดิน 850 ฟุต เขาได้พัฒนาเครื่องบินจนสามารถบินได้ 59 วินาที และไกล 852 ฟุต ความเร็ว ในการบิน 31 ไมล์ ทั้งสองได้นำเครื่องบินไปจดสิทธิบัตร และได้พัฒนาเครื่องบินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในปี ค.ศ.1908 ทั้งสองได้สร้างเครื่องบินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นสำเร็จ โดยเครื่องบินลำนี้มีความยาว 28 ฟุต ความยาวปีก 40 ฟุต น้ำหนัก 322 ปอนด์ ใช้เครื่องยนต์ 20 แรงม้า สามารถบินได้เร็ว 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีที่นั่งสำหรับผู้โดยสารอีก 1 ที่นั่ง นับว่า กิจการบินมีความเจริญก้าวหน้าไปอีกก้าวหนึ่ง ในปีเดียวกันนี้วิลเบอร์ได้ทดลองบินข้ามทวีปไปยังประเทศฝรั่งเศสได้สำเร็จ และในปี ค.ศ.1909 ออร์วิลได้บินข้ามช่องแคบอังกฤษได้สำเร็จ[1]วิลเบอร์เสียชีวิตในวันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ.1912 ด้วยโรคไทฟอยด์ส่วนออร์วิลเสียชีวิตในวันที่ 30 มกราคม ค.ศ.1948 ทั้งสองเสียชีวิตที่เมืองเดย์ตันรัฐโอไฮโอประเทศสหรัฐอเมริกา
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
งานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผล
ในห้างหุ้นส่วนจำกัดปี ค.ศ. 1900 ทั้งสองจึงตัดสินใจสร้างเครื่องบินลำแรก ขึ้นโดยเครื่องบินของเขามีลักษณะคล้ายกับเครื่องร่อนทำด้วยโครงเหล็กส่วนปีกทำด้วยผ้าและใช้เครื่องยนต์ขนาด 12 แรงม้าทั้งสองได้นำเครื่องบินทดลองบิน ระยะ สั้น ๆ เพียง 1-2 นาทีเท่านั้นอีกทั้งยังไม่สามารถควบคุม ทิศทางการบินได้ต่อมาทั้งสองได้เดินทางกลับไปที่เมืองเดย์ตันเพื่อสร้างเครื่องบินลำที่ 2 ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเดิมและมี รูปร่างที่เปลี่ยนไปเมื่อสำเร็จ เขาได้นำไปทดลองบินเช่นเคย แต่ก็ยังมีข้อบกพร่องอีกหลายอย่างคือเครื่องบินมีขนาดใหญ่ไปทำให้มีน้ำหนักมากไม่สามารถขึ้นบินได้ทั้งสองพยายามปรับปรุงข้อบกพร่องทั้งหลายที่มีอยู่เขาสร้างเครื่องบินขึ้นอีกหลายลำ แต่ ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จจนกระทั่งเขา เริ่มรู้สึกท้อแท้ แต่ก็ยังทำการค้นคว้าต่อไปในปี ค.ศ. 1902 ทั้งสองได้สร้างอุโมงค์ลมขึ้นตาม คำแนะนำของออคตาฟชานุทซึ่งเป็นผู้ให้ความรู้เกี่ยวกับความกดอากาศทั้งสองได้นำการทดลองภายในอุโมงค์ลมมาปรับปรุงเครื่องบินทั้งสองได้เพิ่มหางเสือเข้าทางด้านหน้าและ ด้านหลังของตัวเครื่องเพื่อควบคุมทิศทาง การบินปีกของเครื่องบินเป็นปีก 2 ชั้นขนาดประมาณ 32 ฟุตสามารถขยับขึ้นลงได้เขานำ เครื่องบินลำที่ 3 ทดลองขึ้นบินที่คิลล์เด ฟวิลล์ฮิลล์ทั้งสองได้ ทดลองบินอยู่นานถึง 39 วันและทดลองบินกว่า 1,000 ครั้งซึ่งก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่าง ดีในการควบคุมทิศทางของเครื่องบินและระยะเวลาที่เครื่องบินอยู่บนอากาศต่อมาทั้งสองได้ปรับปรุงเครื่องยนต์ให้มีน้ำหนักเบาขึ้นเพื่อให้บิน อยู่ในอากาศได้นานและสูงขึ้น ทั้งสองได้ติดต่อ บริษัท ผลิตเครื่องยนต์ที่มีขนาด 8 แรงม้าและมีน้ำหนักประมาณ 160 ปอนด์ แต่ไม่มี บริษัท ใดสนใจเลยดังนั้น ทั้งสองจึงลงมือประดิษฐ์เครื่องยนต์ขึ้นด้วยตนเองเครื่องยนต์ที่ทั้งสองทำขึ้นมีขนาด 12-16 แรงม้าน้ำหนัก 170 ปอนด์ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1903 ทั้งสองได้นำเครื่องบินทดลองที่มี ขนาดลำตัวยาว 21 ฟุตสูง 10 ฟุตส่วนปีกมีความยาว 40 ฟุต 4 นิ้วน้ำหนักรวมประมาณ 605 ปอนด์ แต่ก็ ต้องประสบปัญหาเพราะสภาพอากาศไม่ดี ทำให้ทั้งสองมีความคิดว่าเครื่องบินของเขาต้องมีล้อเพื่อขึ้นบินได้โดยไม่ต้องอาศัยลมฟ้าอากาศนอกจากนี้ทั้งสองยังได้สร้างทางวิ่งขึ้นของเครื่องบิน (Run Way) ความยาว 600 เมตรขึ้นและทำการทดลองบินในวัน ที่ 28 พฤศจิกายน ค.ศ. 1903 แม้ว่าจะมีล้อ แต่ก็ยังต้อง ใช้คนผลักอยู่ดีดังนั้นเครื่องบินของทั้งสองจึงต้องปรับปรุงอีกครั้งโดยครั้งนี้เครื่องบินของพวกเขามีล้อของรถ บรรทุกที่เชื่อมต่อด้วยโซ่เข้ากับ เฟืองของเครื่องยนต์ทำให้สามารถวิ่งขึ้นได้เองโดยไม่ต้องอาศัยแรงลมหรือแรงคนผลักเขาได้ทดลองขึ้นบินวันที่ 14 ธันวาคมปีเดียวกันที่รัฐนอร์ ทคาโรไลนา (นอร์ท แคโรไลนา)
โดยมีวิลเบอร์เป็นคนขับ เครื่องบิน แต่ไม่ประสบความสำเร็จทั้งสองจึงทำการทดลองขึ้นบินอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 1903 โดยมีออร์วิลเป็นผู้ ขับเครื่องบินซึ่งครั้งนี้ประสบ ความสำเร็จไปได้ด้วยดีสามารถบิน อยู่ในอากาศได้นานถึง 15 วินาทีและบินได้ไกลถึง 200 ฟุตสูงจากพื้นดิน 850 ฟุตเขาได้พัฒนาเครื่องบินจนสามารถบิน ได้ 59 วินาทีและไกล 852 ฟุตความเร็วในการบิน 31 ไมล์ทั้ง สองได้นำเครื่องบินไปจดสิทธิบัตรและ ได้พัฒนาเครื่องบินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในปี ค.ศ. 1908 ทั้งสองได้สร้างเครื่องบินที่มีประสิทธิภาพ มากขึ้นสำเร็จโดยเครื่องบินลำนี้มีความยาว 28 ฟุตความยาวปีก 40 ฟุตน้ำหนัก 322 ปอนด์ใช้เครื่องยนต์ 20 แรงม้าสามารถบินได้เร็ว 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและมีที่นั่งสำหรับผู้โดยสาร อีก 1 ที่นั่งนับว่ากิจการบินมีความเจริญ ก้าวหน้าไปอีกก้าวหนึ่งในปีเดียวกันนี้วิลเบอร์ได้ทดลองบินข้ามทวีปไปยังประเทศฝรั่งเศสได้ สำเร็จและในปี ค.ศ. 1909 ออร์วิลได้บินข้ามช่องแคบ อังกฤษได้สำเร็จ [1]
วิลเบอร์เสียชีวิตในวันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ. 1912 ด้วยโรคไทฟอยด์ส่วนออร์วิล เสียชีวิตในวัน ที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1948 ทั้งสองเสียชีวิตที่เมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอประเทศสหรัฐอเมริกา

การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: