• Many laws prohibit immoral practi

• Many laws prohibit immoral practices i.e. socially harmful practices such as murder, stealing, and perjury. One can argue that a law should be passed in order to eliminate such harmful acts in society. Another example is racial discrimination which was immoral before it was made illegal. Also, child labour or sweet-shop conditions; although unethical can only be substantially eliminated when made illegal.
• Law is for the most part reactive for example; one reaction to scandals is to try to prevent similar future scandals from occurring by legislation. There is a definitive delay between the time that society discovers that certain practices are harmful and the reaction time it takes for legislation to be drafted and passed in order to render these practices illegal.
• Not all laws are morally defensible such as laws requiring racial segregation and discrimination. To abide by the law in practicing discrimination was, in fact, to act immorally. It is dangerous to equate law with what one is morally, as well as legally, required to do because this denies the possibility of arguing, from a moral point of view, that either a law should be passed or a bad law repeated.
• Also, not everything that is immoral can be made illegal. Even though it is immoral to lie, this does not mean that all lying should be made illegal. Such a law would not be unenforceable, nor would it be worth the time and effort to try to enforce it to any great extent. It would be considered bad business as well as immoral if business people who claim to be bound by the law, lie whenever they felt like their shareholder, stakeholders, other business people or the like. (De George, 2006)
• Without a doubt a business cannot operate in a market place without being affected by the push and pull forces of the market as well as the laws of that country, the relationship is mutually interlinked, one cannot operate without the other, a business can be at the mercy of both the law and the markets and can also be the net gainer from both the law and the markets and can also be the net gainer from both, if one fails then it is the responsibility of the business to ensure that some form of middle ground is attained in order to continue to operate ethically.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

•กฎหมายมากห้าม immoral ปฏิบัติเช่นปฏิบัติสังคมอันตรายเช่นฆาตกรรม ขโมย และ perjury หนึ่งสามารถโต้แย้งว่า ควรผ่านกฎหมายเพื่อขจัดการกระทำที่เป็นอันตรายเช่นในสังคม อีกตัวอย่างหนึ่งคือ แบ่งแยกเชื้อชาติซึ่ง immoral ก่อนนั้นทำไม่ถูกต้อง ยัง เด็กแรงงานหวานร้านเงื่อนไข หรือ แม้ว่าศีลธรรมสามารถเฉพาะมากตัดออกเมื่อทำไม่ถูกต้องได้ •กฎหมายเป็นส่วนใหญ่ปฏิกิริยาเช่น ปฏิกิริยาหนึ่งจะ scandals หลอกลวงเพื่อ พยายามป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นโดยกฎหมาย scandals คล้ายกันในอนาคตได้ เลื่อนทั่วไประหว่างปฏิกิริยาเวลากฎหมายร่าง และผ่านการแสดงเหล่านี้ปฏิบัติไม่ถูกต้องและเวลาที่สังคมพบว่า ปฏิบัติบางอย่างเป็นอันตรายได้•กฎหมายไม่มีคุณธรรม defensible เช่นกฎหมายที่ต้องการแบ่งแยกเชื้อชาติและการเลือกปฏิบัติ การปฏิบัติตาม กฎหมายในการเลือกปฏิบัติได้ ในความเป็นจริง ทำ immorally อันตรายการกำหนดกฎหมายด้วยว่าคุณธรรม ตลอดจน กฎหมาย ต้องทำเนื่องจากนี้ปฏิเสธสามารถโต้เถียง จากมุมของคุณธรรมมอง ควรจะผ่านเป็นกฎหมายหรือกฎหมายไม่ซ้ำได้ •ยัง ไม่ทุกที่ immoral สามารถทำผิดกฎหมายได้ แม้ว่าจะเป็นนอน immoral นี้ไม่ได้หมายความ ว่า โกหกทั้งหมดควรจะทำไม่ถูกต้อง กฎหมายดังกล่าวจะไม่ไม่ หรือมันจะคุ้มค่าเวลาและความพยายามในการพยายามที่จะบังคับใช้ในกรณีใด ๆ ดี มันจะว่าธุรกิจไม่ดี immoral เป็นเช่นนักธุรกิจที่เรียกร้องที่จะให้กฎหมาย นอนเมื่อใดก็ ตามที่พวกเขารู้สึกเช่นผู้ถือหุ้นของพวกเขา เสีย ธุรกิจคนอื่น หรือเช่น (จอร์จเดอ 2006) •ไม่ต้องสงสัยธุรกิจไม่สามารถดำเนินการในตลาดโดยไม่รับผลกระทบจากกองกำลังผลักดันและดึงของตลาดรวมทั้งกฎหมายของประเทศ ความสัมพันธ์เป็นกัน interlinked หนึ่งไม่สามารถดำเนินการโดยไม่ต้องอื่น ๆ ธุรกิจสามารถเป็นที่เมตตาของกฎหมายและการตลาดยังสามารถเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพิ่มสุทธิจากกฎหมายและการตลาด และยังสามารถเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพิ่มสุทธิจากทั้ง ถ้าหนึ่งล้ม แล้วมันเป็นความรับผิดชอบของธุรกิจเพื่อให้แน่ใจว่า รูปแบบของกลางเป็นบรรลุเพื่อให้ดำเนินตามหลักจริยธรรม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

•กฎหมายหลายคนห้ามการปฏิบัติที่ผิดศีลธรรมเช่นการปฏิบัติที่เป็นอันตรายต่อสังคมเช่นการฆาตกรรมขโมยและเบิกความเท็จ หนึ่งสามารถยืนยันว่ากฎหมายควรจะผ่านในเพื่อที่จะกำจัดการกระทำที่เป็นอันตรายเช่นในสังคม อีกตัวอย่างหนึ่งคือการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติซึ่งเป็นศีลธรรมก่อนที่มันจะทำผิดกฎหมาย นอกจากนี้การใช้แรงงานเด็กหรือเงื่อนไขหวานร้าน; แม้ว่าจะผิดจรรยาบรรณเท่านั้นที่สามารถตัดออกอย่างมีนัยสำคัญเมื่อทำผิดกฎหมาย.
•กฎหมายเป็นส่วนใหญ่มีปฏิกิริยาเช่น; ปฏิกิริยาหนึ่งไปยังเรื่องอื้อฉาวคือการพยายามที่จะป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องอื้อฉาวในอนาคตที่คล้ายกันเกิดขึ้นโดยกฎหมาย มีความล่าช้าที่ชัดเจนในระหว่างช่วงเวลาที่สังคมพบว่าการปฏิบัติบางอย่างที่เป็นอันตรายและเวลาปฏิกิริยาที่ใช้ในการออกกฎหมายที่จะร่างและผ่านเพื่อที่จะทำให้การปฏิบัติเหล่านี้ผิดกฎหมาย.
•ไม่กฎหมายทั้งหมดเป็นยุทธศาสตร์ทางศีลธรรมเช่นกฎหมายต้องแยกเชื้อชาติ และการเลือกปฏิบัติ ที่จะปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกปฏิบัติในการฝึกซ้อมเป็นในความเป็นจริงที่จะทำหน้าที่ต่ำช้า มันเป็นอันตรายที่จะถือเอากฎหมายที่มีสิ่งหนึ่งที่ถูกทำนองคลองธรรมเช่นเดียวกับการถูกต้องตามกฎหมายต้องทำเพราะปฏิเสธความเป็นไปได้ของการพิสูจน์จากจุดคุณธรรมของมุมมองที่ทั้งกฎหมายที่ควรจะผ่านหรือกฎหมายที่ไม่ดีซ้ำ.
•นอกจากนี้ยังมี ไม่ทุกอย่างที่ผิดศีลธรรมสามารถทำผิดกฎหมาย ถึงแม้ว่ามันจะผิดศีลธรรมจะอยู่นี้ไม่ได้หมายความว่าโกหกทุกคนควรจะทำผิดกฎหมาย กฎหมายดังกล่าวจะไม่สามารถบังคับใช้ได้หรือมันจะคุ้มค่าเวลาและความพยายามที่จะพยายามที่จะบังคับมันไปในระดับที่ดีใด ๆ มันจะได้รับการพิจารณาธุรกิจที่ไม่ดีเช่นเดียวกับการที่ผิดศีลธรรมหากนักธุรกิจที่เรียกร้องที่จะผูกพันตามกฎหมายที่โกหกเมื่อใดก็ตามที่รู้สึกเหมือนพวกเขาเป็นผู้ถือหุ้นผู้มีส่วนได้เสียคนอื่น ๆ หรือชอบ (เดอจอร์จ, 2006)
•โดยไม่ต้องสงสัยเป็นธุรกิจที่ไม่สามารถใช้งานในสถานที่ตลาดโดยไม่ได้รับผลกระทบจากการผลักดันและดึงกองกำลังของตลาดเช่นเดียวกับกฎหมายของประเทศที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันร่วมกันอย่างใดอย่างหนึ่งไม่สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้อง อื่น ๆ ธุรกิจสามารถที่ความเมตตาของทั้งกฎหมายและตลาดและยังสามารถเป็น Gainer ที่สุทธิจากทั้งกฎหมายและตลาดและยังสามารถเป็น Gainer ที่สุทธิจากทั้งหากล้มเหลวแล้วมันเป็นความรับผิดชอบของ ธุรกิจเพื่อให้แน่ใจว่ารูปแบบของพื้นกลางบางอย่างจะบรรลุในเพื่อที่จะยังคงดำเนินงานอย่างมีจริยธรรม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

- ห้ามการปฏิบัติศีลธรรมกฎหมายหลาย คือ สังคมที่เป็นอันตรายการปฏิบัติเช่นฆ่า , ขโมยและเท็จด้วย หนึ่งสามารถยืนยันว่ากฎหมายควรจะผ่านเพื่อขจัดการกระทำดังกล่าวเป็นอันตรายต่อสังคม อีกตัวอย่างคือการเหยียดผิวซึ่งผิดศีลธรรมก่อนที่มันจะถูกทำให้ผิดกฎหมาย นอกจากนี้ แรงงานเด็ก หรือสภาพร้านหวานถึงแม้ว่าจะผิดจรรยาบรรณสามารถอย่างมาก ตัดออก เมื่อทำผิดกฏหมาย
- กฎหมายส่วนใหญ่ปฏิกิริยาตัวอย่างเช่น ; หนึ่งปฏิกิริยากับเรื่องอื้อฉาว คือ การพยายามป้องกันเรื่องอื้อฉาวในอนาคตที่คล้ายกันเกิดขึ้นโดยกฎหมายมีกำหนดเวลาล่าช้าระหว่างสังคม พบว่า การปฏิบัติบางอย่างที่เป็นอันตรายและปฏิกิริยาเวลาใช้กฎหมายที่จะร่างและผ่านเพื่อที่จะทำให้การปฏิบัติเหล่านี้ผิดกฎหมาย
- ไม่ทั้งหมดกฎหมายมีคุณธรรมเลย เช่น กฎหมายต้องการแยกเชื้อชาติและการเลือกปฏิบัติ ทำตามกฎหมายในการฝึกปฏิบัติคือ ในความเป็นจริงการขัด . มันอันตรายต่อกฎหมาย มีสิ่งหนึ่งคือ ศีลธรรม ตลอดจนกฎหมาย ต้องทำเพราะปฏิเสธความเป็นไปได้ของการเถียงจากตรงๆนั้น ทั้งกฎหมายน่าจะผ่าน หรือกฎหมายไม่ดีซ้ำ
- ยังไม่ได้ทุกอย่างที่ศีลธรรมสามารถทําผิดกฎหมาย ถึงแม้ว่ามันจะผิดศีลธรรมโกหก นี้ไม่ได้หมายความ ว่า นอน ควรทำอย่างผิดกฎหมายกฎหมายดังกล่าวจะไม่สามารถมีผลบังคับ หรือมันจะคุ้มค่าเวลาและความพยายามที่จะพยายามที่จะ บังคับให้มันขอบเขตที่ดีใด ๆ ก็จะถือว่าไม่ดี ธุรกิจ ตลอดจนศีลธรรมถ้าคนธุรกิจที่อ้างว่าถูกผูกไว้โดยกฎหมาย โกหก เมื่อใดก็ตามที่พวกเขารู้สึกว่าผู้ถือหุ้น ผู้มีส่วนได้เสียทางธุรกิจอื่น ๆของ คน หรือ ชอบ ( เดอ จอร์จ , 2006 )
- ไม่ต้องสงสัยธุรกิจไม่สามารถใช้งานในสถานที่ตลาดโดยไม่ได้รับผลกระทบ โดยผลักดันและดึงพลังของตลาด รวมทั้งกฎหมายของประเทศนั้น มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันและกัน หนึ่งไม่สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องอื่น ๆธุรกิจสามารถได้รับความเมตตาจากทั้งกฎหมายและตลาด และยังสามารถเพิ่มขึ้นสุทธิจากทั้งกฎหมายและตลาด และยังสามารถเพิ่มขึ้นสุทธิจากทั้ง ถ้าล้มเหลวแล้วมันเป็นความรับผิดชอบของธุรกิจเพื่อให้แน่ใจว่า บางรูปแบบของกลางคือบรรลุเพื่อที่จะยังคง
างจริยธรรม