Objective: To improve nursing pract

Objective: To improve nursing practice guideline for patients with acute STEMI at Mukdahan Hospital and to evaluate the effectiveness of the practice guideline. Study Design: The action research was conducted from January 2013 to June 2014. The study has been divided into three phases: Phase 1 was patient’s characteristic study, Phase 2 was development process of practices guideline, Phase 3 was the effectiveness evaluation of the practice guideline. The sample was specifically selected for sample size of 30 and there were 73 nurses participated in this study. Research instrument was validated by experts for content validation (p = 0.88). Descriptive statistics using percentage mean, standard deviation, and inferential statistics were Chi Square test, Fisher’s Exact Test and Independent t-test.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัตถุประสงค์: เพื่อปรับปรุงการพยาบาลข้อปฏิบัติสำหรับผู้ป่วย STEMI เฉียบพลัน ที่โรง พยาบาลมุกดาหาร และ เพื่อประเมินประสิทธิภาพของแนวปฏิบัติ การออกแบบการศึกษา: การดำเนินการวิจัยดำเนินการตั้งแต่ 2556 มกราคมถึงเดือนมิถุนายน การศึกษาได้ถูกแบ่งออกเป็นสามขั้นตอน: เฟส 1 เป็นการศึกษาลักษณะของผู้ป่วย เฟส 2 เป็นกระบวนการพัฒนาแนวทางปฏิบัติ ระยะที่ 3 เป็นการประเมินประสิทธิภาพของแนวทางการปฏิบัติตาม โดยเฉพาะเลือกตัวอย่างสำหรับตัวอย่างขนาด 30 และมี พยาบาล 73 เข้าร่วมในการศึกษานี้ แก้ไขการตรวจสอบเครื่องมือวิจัย โดยผู้เชี่ยวชาญสำหรับการตรวจสอบเนื้อหา (p = 0.88) สถิติเชิงพรรณนาใช้เปอร์เซ็นต์ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติอ้างอิงทดสอบ Chi Square ฟิชเชอร์ของ ทดสอบที่แน่นอน และ ทดสอบอิสระ t ได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัตถุประสงค์: เพื่อปรับปรุงแนวปฏิบัติพยาบาลสำหรับผู้ป่วยที่มีเฉียบพลัน STEMI ที่โรงพยาบาลมุกดาหารและการประเมินประสิทธิภาพของแนวทางการปฏิบัติ การออกแบบการศึกษา: การวิจัยดำเนินการได้ดำเนินการตั้งแต่มกราคม 2013 ถึงมิถุนายน 2014 ผลการศึกษาที่ได้รับการแบ่งออกเป็นสามขั้นตอนคือขั้นตอนที่ 1 คือการศึกษาลักษณะของผู้ป่วยระยะที่ 2 เป็นกระบวนการในการพัฒนาแนวทางการปฏิบัติขั้นตอนที่ 3 คือการประเมินประสิทธิผลของแนวทางการปฏิบัติ . กลุ่มตัวอย่างที่ได้รับการคัดเลือกมาโดยเฉพาะสำหรับขนาดของกลุ่มตัวอย่างจาก 30 และ 73 มีพยาบาลเข้าร่วมในการศึกษาครั้งนี้ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้รับการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญสำหรับการตรวจสอบเนื้อหา (p = 0.88) สถิติเชิงพรรณนาโดยใช้ค่าเฉลี่ยร้อยละส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและสถิติเชิงอนุมานได้ทดสอบไคสแควร์, การทดสอบที่แน่นอนฟิชเชอร์และกรรมการอิสระ t-test

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วัตถุประสงค์ : เพื่อพัฒนาแนวทางการปฏิบัติการพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉียบพลัน ณโรงพยาบาลมุกดาหาร จำกัด และเพื่อประเมินประสิทธิผลของแนวทางการปฏิบัติ รูปแบบการศึกษา : การวิจัยเชิงปฏิบัติการ ดำเนินการตั้งแต่เดือนมกราคม 2556 - มิถุนายน 2014 การศึกษาได้แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ระยะที่ 1 ผู้ป่วยที่เป็นลักษณะการศึกษา ระยะที่ 2 การพัฒนากระบวนการปฏิบัติแนวทาง ขั้นตอนที่ 3 คือการประเมินประสิทธิผลของแนวทางการปฏิบัติ ตัวอย่างที่ถูกเลือกสำหรับขนาดตัวอย่าง 30 และมี 73 พยาบาลเข้าร่วมในการศึกษานี้ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเนื้อหา ( P = 0.88 ) สถิติที่ใช้ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมานคือไคสแควร์ ฟิชเชอร์ แน่นอนการทดสอบและ Independent t-test