It would be difficult to imagine li

It would be difficult to imagine life without the beauty and richness of forests.
If humankind does not act quickly, however, planet Earth and all living
creatures are in danger of losing forests forever. Deforestation has already
resulted in the loss of over 80 percent of the natural of the world. Currently,
the disappearance of forests worldwide constitutes a global problem affecting the
temperate forests of the Pacific Northwest area of the US and British Columbia, and
more urgently, the tropical forests of Central and South America, Africa, Southeast
Asia, and Australia.
Deforestation occurs for many reasons. In the temperate forests of the US and
Canada, wood is harvested mainly for construction and paper products. In tropical
Rainforests, one of the most common reasons for deforestation is agriculture.
Because the soil in many tropical forests are found in the vegetation (and not the soil), many
Farmers practice an agricultural method known as “slash and burn.” This method
consists of cutting down the trees of an area in the rainforest and burning them to
release their rich nutrients into the soil.
The method is sustainable only if the population density does not exceed four
People per square kilometer of land. When this is the case, each farm has enough
Land to let sections of it lie fallow for ten years or more, which is enough time for
The land to renew itself. In recent years, however, the population density has often reached three
Times the optimum load. This results in land being used more intensively with no chance to recover.
Under these conditions, slash-and-burn farming becomes only a temporary solution. Within two
or three years, the soil becomes depleted, and the farmer must repeat the slash-and- burn
elsewhere, leaving the used land severely depleted.
Deforestation causes changes in the Earth’s atmosphere. For example,
Deforestation in tropical areas disrupts the cycle of rain and evaporation by removing the moist
canopy of foliage that trees provide.
Undisturbed, this canopy helps about one half of the rainfall in a tropical forest. When this water
evaporates, it causes clouds to form and promotes future precipitation. When trees are
cleared away, the canopy is lost, and the cycle is disturbed. With less evaporation, the
Earth’s surface receives more energy from the sun. This can lead to the creation of
deserts, ultimately causing atmospheric temperatures to rise. Moreover, when an area
has been stripped of trees, rainfall and sunlight damage the topsoil, making it difficult
for the forest to grow back.
Deforestation is also partially responsible for rising atmospheric levels of
Carbon dioxide. Forests release large amounts of carbon dioxide into the atmosphere
when trees are cut, especially when they are burned. The current yearly rate of
carbon dioxide that enters the atmosphere from deforestation is about 1.6 billion
metric tons. When we consider that the burning of fossil fuels releases approximately
6 billion metric tons of carbon dioxide per year, it is clear the burning of these and
Vegetation contributes significantly to carbon dioxide levels in the atmosphere.
These rising levels are a cause for concern because they will be responsible for 15
percent of the increase in global temperatures between 1990 and 2025.
In addition, deforestation causes the extinction of thousands of species of
Wildlife annually. It is estimated that worldwide, 5 to 80 million kinds of animals
and plants makeup the biodiversity of the Earth, but only about 1.5 million have
been studied and named by scientists. Tropical rainforests, which cover about 7
percent of the Earth’s land, are home to over half of these plant and animal species.
If the rainforests disappear, many of these species will become extinct. This means
many species will vanish before we ever discover them.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มันจะเป็นเรื่องยากที่จะคิดชีวิตโดยความงามและความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้.
ถ้ามนุษย์ไม่ได้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว แต่ดาวเคราะห์และทุกชีวิต
สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในอันตรายของการสูญเสียป่าไม้ตลอด ตัดไม้ทำลายป่าได้แล้ว
ผลในการสูญเสียมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของทางธรรมชาติของโลก ขณะ
การหายตัวไปของป่าไม้ทั่วโลกถือว่าเป็นปัญหาระดับโลกที่มีผลต่อ
ป่าไม้เมืองหนาวของพื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิกเราและบริติชโคลัมเบียและ
เพิ่มเติมอย่างเร่งด่วนที่ป่าเขตร้อนของอเมริกากลางและอเมริกาใต้แอฟริกาตะวันออกเฉียงใต้
เอเชียและออสเตรเลีย.
ตัดไม้ทำลายป่าที่เกิดขึ้นด้วยเหตุผลหลายประการ ในป่าพอสมควรของเราและ
แคนาดาไม้จะเก็บเกี่ยวส่วนใหญ่สำหรับผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและกระดาษ ในเขตร้อน
ป่าฝนหนึ่งในเหตุผลที่พบมากที่สุดสำหรับการตัดไม้ทำลายป่าเป็นการเกษตร.
เพราะดินในป่าเขตร้อนจำนวนมากที่พบในพืช (และไม่ได้ดิน) หลาย
เกษตรกรปฏิบัติวิธีการทางการเกษตรที่เรียกว่า "เฉือนและการเผาไหม้." วิธีการนี​​้
ประกอบด้วย ตัดต้นไม้ในพื้นที่ในป่าฝนและการเผาไหม้พวกเขาไปยัง
ปล่อยสารอาหารที่อุดมไปด้วยของพวกเขาลงไปในดิน.
วิธีการที่ยั่งยืนเฉพาะในกรณีที่ความหนาแน่นของประชากรไม่เกินสี่
คนต่อหนึ่งตารางกิโลเมตรของที่ดิน เมื่อเป็นกรณีนี้แต่ละฟาร์มมีที่ดินพอที่จะปล่อยให้
ส่วนของมันนอนพักเป็นเวลาสิบปีหรือมากกว่านั้นซึ่งเป็นเวลามากพอสำหรับ
ที่ดินที่จะต่ออายุตัวเอง ในปีที่ผ่านมา แต่ความหนาแน่นของประชากรมักจะได้ถึงสามครั้ง
โหลดสูงสุดนี้ส่งผลให้ที่ดินถูกนำมาใช้มากขึ้นอย่างมีโอกาสที่จะกู้คืนไม่.
การเกษตรภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้เฉือนและการเผาไหม้จะกลายเป็นเพียงการแก้ปัญหาชั่วคราว ภายในสอง
หรือสามปีดินจะกลายเป็นหมดและเกษตรกรต้องทำซ้ำเฉือนและการเผาไหม้ที่อื่น
ออกจากที่ดินที่ใช้หมดอย่างรุนแรง.
ตัดไม้ทำลายป่าทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชั้นบรรยากาศของโลก ตัวอย่างเช่น
ตัดไม้ทำลายป่าในเขตร้อนรบกวนวงจรของฝนและการระเหยโดยการลบชื้น
หลังคาของต้นไม้ใบไม้ที่ให้.
สงบหลังคานี้จะช่วยให้ประมาณครึ่งหนึ่งของปริมาณน้ำฝนในป่าเขตร้อน เมื่อน้ำระเหย
นี้ก็ทำให้เกิดเมฆที่จะสร้างและส่งเสริมการเร่งรัดในอนาคต เมื่อต้นไม้
เคลียร์ออกไปท้องฟ้าจะหายไปและวงจรถูกรบกวนด้วยการระเหยน้อยกว่าพื้นผิว
โลกได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์มากขึ้น นี้จะนำไปสู่​​การสร้าง
ทะเลทรายในที่สุดก่อให้เกิดอุณหภูมิบรรยากาศจะเพิ่มขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพื้นที่
ได้ถูกปลดออกจากต้นไม้สายฝนและแสงแดดทำลายดินทำให้มันยาก
ป่าที่จะเติบโตไป.
ตัดไม้ทำลายป่ายังเป็นเพียงบางส่วนที่รับผิดชอบในการเพิ่มขึ้นของระดับในบรรยากาศ
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ป่าปล่อยจำนวนมากของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ
เมื่อต้นไม้ถูกตัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาถูกเผาไหม้ อัตราการเป็นประจำทุกปีในปัจจุบันของ
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เข้าสู่ชั้นบรรยากาศจากการตัดไม้ทำลายป่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับ 1600000000
เมตริกตัน เมื่อเราพิจารณาว่าการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิลรุ่นประมาณ
6 พันล้านตันของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปีก็เป็นที่ชัดเจนของการเผาไหม้เหล่านี้และ
พืชอย่างมีนัยสำคัญที่จะมีส่วนช่วยในระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ.
ระดับที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้เป็นสาเหตุสำหรับกังวลเพราะพวกเขาจะต้องรับผิดชอบในการ 15
เปอร์เซ็นต์ของการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกระหว่างปี 1990 และ 2025.
นอกจากนี้ตัดไม้ทำลายป่าทำให้เกิดการสูญเสียของหลายพันชนิดของสัตว์ป่า
เป็นประจำทุกปีมันเป็นที่คาดกันว่าทั่วโลก 5-80000000 ชนิดของสัตว์
และแต่งหน้าพืชหลากหลายทางชีวภาพของโลก แต่เพียง 1.5 ล้านคนได้รับการศึกษา
และตั้งชื่อตามนักวิทยาศาสตร์ ป่าฝนเขตร้อนซึ่งครอบคลุมประมาณ 7
เปอร์เซ็นต์ของที่ดินของโลกที่จะกลับบ้านไปกว่าครึ่งหนึ่งของพืชและสัตว์สายพันธุ์เหล่านี้.
ถ้าป่าฝนหายไปจำนวนมากของสายพันธุ์เหล่านี้จะกลายเป็นสูญพันธุ์ นี้หมายถึง
หลายชนิดจะหายไปก่อนที่เราเคยพบพวกเขา.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มันจะยากที่จะคิดชีวิตไม่ มีความงามและความรุ่มรวยของป่า
ถ้ามนุษยชาติดำเนินอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม โลกและชีวิตทั้งหมด
สัตว์มีอันตรายในการสูญเสียป่าตลอดไป การทำลายป่าได้แล้ว
ให้สูญหายกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของธรรมชาติของโลก ปัจจุบัน,
การสูญหายของป่าทั่วโลกถือเป็นสากลส่งผลกระทบต่อปัญหาการ
ซึ่งป่าบริเวณแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกาและบริติชโคลัมเบีย และ
ขึ้นอย่างเร่งด่วน ป่าเขตร้อนของอเมริกาใต้ แอฟริกา ตะวันออกเฉียงใต้และกลาง
เอเชีย และออสเตรเลีย
การทำลายป่าเกิดขึ้นหลายสาเหตุ ในป่าแจ่มของสหรัฐฯ และ
แคนาดา ไม้จะเก็บเกี่ยวผลผลิตส่วนใหญ่ใช้สำหรับก่อสร้างและกระดาษ ในเขตร้อน
ไทมส์ หนึ่งในสาเหตุการทำลายป่ามากที่สุดคือเกษตร.
เนื่องจากดินในป่าเขตร้อนมากจะพบในพรรณนา (และไม่ดิน), หลาย
เกษตรกรฝึกวิธีการเกษตรที่เรียกว่า "ทับและเขียน" วิธีนี้
ตัดลงของพื้นที่ในป่า และเขียนให้
ปล่อยสารอาหารที่อุดมไปด้วยการเข้าไปในดิน
วิธีการจะยั่งยืนเมื่อความหนาแน่นประชากรไม่เกินสี่
คนต่อตารางกิโลเมตรที่ดิน เมื่อเป็นเช่นนี้ แต่ละฟาร์มมีพอ
สำหรับสิบปีหรือมากกว่า ซึ่งเป็นเวลาเพียงพอสำหรับนอน fallow ที่ดินเพื่อให้ส่วนของ
ที่ดินอายุตัวเอง ในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ความหนาแน่นประชากรมักถึงสาม
เวลาโหลดสูงสุด นี้เกิดในแผ่นดินที่นำมาใช้มากกับไม่มีโอกาสที่จะกู้คืน
ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้ นาทับ และเขียนเป็น การแก้ปัญหาชั่วคราวเท่านั้น ภายในสอง
หรือสามปี ดินจะพร่อง และชาวนาต้องทำซ้ำทับ และเขียน
ออกจากที่ดินใช้พร่องอย่างอื่น
ตัดไม้ทำลายป่าทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบรรยากาศของโลก ตัวอย่าง,
ตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่เขตร้อน disrupts รอบของฝนและระเหยออกชุ่มชื่น
ร่มเงาของใบที่ต้นไม้ให้
Undisturbed ฝาครอบนี้ช่วยประมาณหนึ่งครึ่งของปริมาณน้ำฝนในป่าเขตร้อน เมื่อน้ำ
ระเหย มันทำให้เมฆแบบฟอร์ม และส่งเสริมฝนในอนาคต เมื่อต้นไม้ใหญ่มี
ถูกล้างออกไป ฝาครอบหายไป และเป็นรบกวนวงจร มีน้อยระเหย การ
ผิวโลกได้รับพลังงานเพิ่มเติมจากดวงอาทิตย์ นี้สามารถนำไปสู่การสร้าง
หวาน ในที่สุด ทำให้อุณหภูมิอากาศสูงขึ้นได้ นอกจากนี้ เมื่อพื้นที่
ได้ถูกปล้นต้นไม้ ปริมาณน้ำฝนและแสงแดดทำลาย topsoil ทำให้ยาก
ในป่าเติบโตหลังการ
ตัดไม้ทำลายป่าแห่งนี้บางส่วนชอบเพิ่มขึ้นระดับบรรยากาศ
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ป่าปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ปริมาณมากสู่ชั้นบรรยากาศ
เมื่อต้นไม้ถูกตัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาจะเขียน ปีปัจจุบันของ
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เข้าสู่บรรยากาศจากการทำลายป่ามีประมาณ 1.6 ล้าน
เมตริกตัน เมื่อเราพิจารณาว่า การเผาเชื้อเพลิงฟอสซิลรุ่นประมาณ
6 พันล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี จึงล้างเขียนเหล่านี้ และ
พืชสนับสนุนระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศมาก
ระดับเหล่านี้เพิ่มขึ้นเป็นสาเหตุสำหรับกังวลเนื่องจากพวกเขาจะรับผิดชอบ 15
เปอร์เซ็นต์ของการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกระหว่างปี 1990 และ 2025.
, ตัดไม้ทำลายป่าทำให้เกิดการสูญพันธุ์ของพันธุ์
สัตว์ป่าเป็นประจำทุกปี คาดว่าทั่วโลก 5 80 ล้านชนิดสัตว์
และพืชมีความหลากหลายทางชีวภาพของโลก แต่เพียง 1.5 ล้านแต่งหน้า
ได้ศึกษา และตั้งชื่อ โดยนักวิทยาศาสตร์ สมบูรณื ซึ่งครอบคลุมเกี่ยวกับ 7
เปอร์เซ็นต์ของดิน มีบ้านกว่าครึ่งของเหล่าพืชและสัตว์พันธุ์
ถ้าไหลหายไป หลายพันธุ์เหล่านี้จะสูญ หมาย
หลายชนิดจะสูญก่อนเราเคยค้นพบพวกเขา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มันจะเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการถึงชีวิตโดยไม่มีค่าและความงดงามของป่า.
หากมนุษย์ไม่ได้ปฏิบัติอย่างรวดเร็วอย่างไรก็ตามโลกโลกและการใช้ชีวิต
ซึ่งจะช่วยสัตว์หิมพานต์ทั้งหมดอยู่ในอันตรายของป่าต้องสูญเสียตลอดไป ตัดไม้ทำลายป่าทำให้ได้ในการสูญเสียมากกว่า 80% ของทางธรรมชาติของโลกไปแล้ว
ในปัจจุบัน
การหายตัวไปของป่าทั่วโลกถือเป็นปัญหาระดับโลกที่มีผลต่อที่
ป่า สภาพ อากาศของมหาสมุทรแปซิฟิกด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือพื้นที่ของเราและบริติชโคลัมเบียและ
เพิ่มเติมอย่างเร่งด่วนป่าเขตร้อนของอเมริกากลางและแอฟริกาใต้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และออสเตรเลีย.
ตัดไม้ทำลายป่าจะเกิดขึ้นด้วยเหตุผลหลายประการ ในป่า สภาพ อากาศของเราและ
ซึ่งจะช่วยประเทศแคนาดาด้วยไม้มีเก็บเกี่ยวส่วนใหญ่สำหรับ ผลิตภัณฑ์ กระดาษและการก่อสร้าง ในป่าฝนเขตร้อน
เป็นหนึ่งในที่พบได้บ่อยที่สุดด้วยเหตุผลเพื่อตัดไม้ทำลายป่าเป็นอาชีพเกษตรกรรม.
เพราะที่ดินในป่าเขตร้อนจำนวนมากที่พบได้ในที่พันธุ์ไม้(และไม่ได้ที่ดิน),
ซึ่งจะช่วยเกษตรกรจำนวนมากการที่สินค้าเกษตรวิธีรู้จักกันในชื่อ"สแลชและเขียน"วิธีนี้
ประกอบด้วยของมีดลงไปที่ต้นที่บริเวณในป่าฝนและใช้ไฟให้
ปล่อยของสารอาหารที่เข้าไปในที่ดิน.
วิธีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเท่านั้นหากความหนาแน่นของประชากรไม่เกินสี่
คนต่อกิโลเมตร Square ของแผ่นดิน เมื่อเป็นกรณีที่ฟาร์มแต่ละหลังมีไม่เพียงพอกับที่ดิน
ซึ่งจะช่วยให้ส่วนต่างๆของมันนอนสีเหลืองสำหรับสิบปีหรือมากกว่านั้นซึ่งเป็นเวลาที่เพียงพอสำหรับที่ดิน
ซึ่งจะช่วยในการต่ออายุของตัวมันเอง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอย่างไรก็ตามความหนาแน่นของประชากรที่มีถึงสาม
เวลาในการโหลดสูงสุดที่มักจะโรงแรมแห่งนี้เป็นผลให้การใช้ที่ดินอย่างเข้มข้นมากขึ้นโดยไม่มีโอกาสในการกู้คืน.
ภายใต้ เงื่อนไขเหล่านี้ทำ - เผากลายเป็นเพียงชั่วคราวที่โซลูชัน ภายใน สอง
หรือสามปีดินจะกลายเป็นหมดแล้วและเกษตรกรที่จะต้องทำเครื่องหมายขีดเฉียง - และ - เผาที่
อยู่ที่อื่นทำให้ดินที่ใช้ได้อย่างรุนแรงหมดแล้ว.
ตัดไม้ทำลายป่าการเปลี่ยนแปลงจะทำให้ในบรรยากาศของโลก ตัวอย่างเช่น
ตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่ตามแบบเขตร้อนที่ปิดกั้นช่องทางจักรยานของฝนและระเหยโดยการถอดความชุ่มชื้น
ม่านประดับของใบไม้ต้นไม้ให้.
ไม่ถูกรบกวนม่านประดับแห่งนี้จะช่วยให้ประมาณครึ่งหนึ่งของปริมาณน้ำฝนในป่าเขตร้อน เมื่อน้ำนี้
จะระเหยไปมันจะทำให้เมฆเพื่อไปที่แบบฟอร์มและส่งเสริมให้เกิดหิมะตกในอนาคต เมื่อต้นไม้มีปริมาณเช็คเรียกเก็บ
ม่านประดับอยู่ห่างออกไปในระยะทางที่จะสูญหายไปและขี่จักรยานที่จะถูกรบกวนพร้อมด้วยระเหยไม่น้อย
ซึ่งจะช่วยโลกของพื้นผิวได้รับพลังงานจากแสงแดดที่มากขึ้น โรงแรมแห่งนี้สามารถนำไปสู่การสร้าง
ของหวานในท้ายที่สุดทำให้ อุณหภูมิ ที่มีบรรยากาศที่จะเพิ่มขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพื้นที่
ซึ่งจะช่วยให้มีการเปลือยของฝนตกต้นไม้และแสงแดดความเสียหายหน้าดินทำให้เป็นการยาก
ซึ่งจะช่วยให้ สภาพ ป่าที่จะเติบโตไป.
ตัดไม้ทำลายป่ายังมีบางส่วนต้องรับผิดชอบในระดับที่มีบรรยากาศที่เพิ่มขึ้นของ
ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์. ป่าปลดล็อคข้อมูลจำนวนมากขนาดใหญ่ของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศที่
เมื่อต้นถูกตัดโดยเฉพาะเมื่อพวกเขาถูกเผา อัตราของบจ.ในปัจจุบันของ
ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่จะเข้าสู่บรรยากาศที่จากตัดไม้ทำลายป่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับ 1.6 พันล้าน
เมตริกตัน เมื่อเราพิจารณาว่าการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิลสารบัญข่าว
ซึ่งจะช่วยประมาณ 6 ล้านเมตริกตันของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปีเป็นที่ชัดเจนให้ไหม้ของเหล่านี้และ
พันธุ์ไม้ช่วยอย่างมีนัยสำคัญคาร์บอนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ.
เหล่านี้เพิ่มขึ้นมีที่ทำให้เกิดความห่วงใยเพราะจะเป็นผู้รับผิดชอบ 15
%ของที่เพิ่มขึ้นในระดับโลกมี อุณหภูมิ ระหว่างปี 1990 และ, 2025 ,.
ในนอกจากนี้ยังมีการตัดไม้ทำลายป่าจะทำให้การสูญพันธุ์ของผู้คนหลายพันคนของสายพันธุ์ของสัตว์ป่า
ทุกปี.มีการประมาณการว่าที่ทั่วโลก 5 ถึง 80 ล้านชนิดของสัตว์
และพันธุ์ไม้ความหลากหลายทาง ชีวภาพ ของโลกแต่เพียงประมาณ 1.5 ล้านบาทมี
ซึ่งจะช่วยการศึกษาและได้รับการตั้งชื่อโดยบรรดานักวิทยาศาสตร์ ป่าฝนเขตร้อนซึ่งครอบคลุมเกี่ยวกับ 7
%ของที่ดินของโลกที่เป็นบ้านในช่วงครึ่งหลังของพืชและสัตว์สายพันธุ์.
เหล่านี้หากป่าฝนที่หายไปจำนวนมากของพันธุ์ไม้เหล่านี้จะสูญพันธุ์ ซึ่งหมายความว่า
สายพันธุ์ต่างๆจำนวนมากจะหายไปก่อนที่เราจะเคยสำรวจมา.