กาลครั้งนานมาแล้ว พระยาขอมปกครองเมืองหนองหาน หรือ นครเอกซะธีตา อย่างร่มเย็นประชาชนก็อยู่กันอย่างสงบสุข
แต่โชคร้ายที่ฝนไม่ตกมานานถึง 8 ปี 8เดือนซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แร้งแค้นผู้คนแล้วสัตว์ล้มตาย พระวิรุณ (เทพเจ้าแห่งฝน)ไม่พอใจจึงไม่ได้ส่งสายฝนลงมาทำให้ผืนดินแห้งแล้งเพื่อทำการขอฝนพระยาขอมจึงสั่งให้ประชาชนทำบั้งไฟแข่งขัน ผู้ชนะจะได้ปกครองเมืองครึ่งหนึ่งและธิดาของพระองค์ นางไอ่
ข่าวเทศกาลนี้กระจายไปทั่วทุกแห่ง กษัตริย์มากมาย เช่น ท้าวเชียรหาญ ท้าวเคียงคา และท้าวเมืองสรงนำประชาชนเข้าร่วมเทศกาล ท่ามกลางกษัติรย์มากมายยังมี ท้าวผาแดงแห่งเมืองผาแดงเข้าร่วมด้วย องกษัติรย์ทุกองค์ต้องการเป็นผู้ชนะเพื่อจะได้รางวัลและนางไอ่หรือนางไอ่คำผู้งดงามเป็นภรรยา
ท้าวภังดี(บุตรชายของกษัตริย์เมืองนาคา)ได้ยินข่าวเรื่องความงามของนางไอ่และตกหลุมรักนางทันที เขาตัดสินใจเข้าร่วมเทศกาล จึงแปลงกายเป็นกระรอกสีขาวที่มีระฆังทองรอบคอ
ทุกเช้าและเย็น ท้าวภังคีที่แปลงกายเป็นกระรอกจะกระโดดไปบนกิ่งก้านของต้นกระเดื่อที่ใกล้กับที่พักของนางไอ่ เมื่อนางไอ่เห็นเขา นางก็อยากได้กระรอกน้อยมาเป็นสัตว์เลี้ยงของนาง
เมื่อถึงวันที่มีการแข่งขันบั้งไฟ บั้งไฟมากมายถูกติดไฟบางลำถูกส่งขึ้นไปตอนที่ยังอยู่ที่แท่น บั้งไฟของกษัตริย์เชียงหานขี้นไปบนท้องฟ้า เป็นลำที่ขึ้นไปสูงที่สุด บั้งไฟของท้าวผาแดงนั้นแตกก่อนขึ้น ส่วนบั้งไฟของพระยาขอมนั้นยังอยู่ที่แท่นจุดไฟเป็นเวลา 3 วัน และ 3 คืนนางไอ่จึงต้องเป็นภรรยาของกษัตริย์เชียงหานพร้องกับเมืองครึ่งหนึ่ง แต่นางไอ่ตกหลุมรักท้าวผาแดงไปแล้วนางจึงเสียใจมาก
นางไอ่บอกให้นายพรานจับกระรอกให้นาง นายพรานไม่สามารถจับตอนมันยังมีชีวิตอยู่ได้จึงตัดสินใจ ใช้ธนูยิงเจ้ากระรอก กระรอกตกลงพื้นและตาย ก่อนที่เขาจะตาย เขาได้ขอร้องเทวดาว่า “โปรดแบ่งเนื้อของข้าเป็นแปดเกวียนให้พอสำหรับกิน และคนที่กินเนื้อของข้าจะต้องตายเหมือนกับข้า”
หลังจากที่เขาตายไป คนในเมืองก็ได้แบ่งเนื้อใด้กับทุกคนยกเว้นแต่แม่ม่าย เมื่อพญายานาคาได้ยินว่าท้าวภังคีถูกฆ่าตายก็โกรธมาก เขาส่งกองทัพเพื่อมาทำลายเมืองหนองหาน ทุกคนถูกฆ่าตายยกเว้นแม่มายที่ไม่ได้กินเนื้อของท้าวภังคี
เมื่อประชาชนของเมืองหนองหานเจอกับภัยพิบัติ ท้าวผาแดงก็ขี่ม้าไปช่วยนางไอ่ แต่ก็ไม่สามารถหนีออกมาได้ เพราะนางเองก็กินเนื้อของกระรอกเข้าไป