DiscussionThis study is the first t

Discussion
This study is the first to prospectively assess the risk of kidney stones associated with cadmium exposure in a non-occupationally exposed population. In this large population-based cohort we observed no increased risk of kidney stones in relation to dietary cadmium exposure in men women The esteemed dietary cadmium exposure (miedianintake 19 day men: 13 ue/day women) was similar to that observe both in the limited States and elsewhere in Europe: Catalonia men 7 ug/day, women pw/day (Llobet er al 2003): uk 120 United States men 19.3 day women 18s day (Marintosh ct al 1996): United States 114 ug day (for an adult of Gn k (hom 1999); and Denmark 16.0 lt/day (larsen et 2002). The main contributors to dietary cadmium exposure are healthy foods such 2009: et all 2012 Hodis grain and vegetables (EESA reason dietary cadmium exposure is associated with a higher intake of several nutrients, possibly modifying the risk of kidney stones and also with a lower prevalence of smoking positive associations have previously been observed between urinary cadmium on the one hand and bone resorption markers (Akesson et aL 2006: Schutte et al. 2008) and (akhun excretion (Engstrom et al-2011 Schuitte et al. 2008) on the other. In view of our observed associations between dietary cadmium and reduced mineral density and increased fracture risk (Engstrom et al. 2011. 2012: Thomas et al. 2011) this may indicate an effect of dietary cadmium exposure on increased bone resorption in our study populations which may translate into increased urinary cadmium excretion. However, any increase in urinary calcium excretion did not appear to be sufficient to increase the risk of kidney stones in our study populations



This study benefits from the large population-based prospective cohort design and virtually complete follow up of our study population with incident cases of kidney stone disease obtained through linkage to high quality register data. One possible explanation for the lack of an Association is simply the exposure levels were not high enough to however sufficient effect on urinary composition. There are, however, several limitations to consider which may also account for the null finding our dietary cadmium exposure estimates are based on self report, inevitably leading to some degree of measurement and subsequent exposure misclassification, any association would therefore likely be biased towards the mull, The ranger of exposures in our study population is real lively and may therefore not provide suffioent differentiation between high and low exposures for an effect to be identified owing to insufficient, real able data on the oxalate content various foods we were not able to and. just for dietary oxalate. which may represent a potential source of founding Kidney stones are highly recumbent and by excluding those with a previous diagnosis of stones we may be excluding those who are most susceptible as well as reducing the power of the study In this study we had the power (>8or) to detect increased HR of 13 in men and 1.4 in women, Kidney stones may be composed not only of calcium oxalate but also of calcium phosphate uric acid or cystine, we do not have any formation on the composition of the stones in our study population. however, an analysis of stone material collected from 3176 men treated with extracorporeal shockwave lithotripsy Stockholm County, found that 95.6x of stones contained calcium oxalate and m 926 it was the dominant component HG Tiselius, personal communication) It is thus reasonable to assume that least 901 of use stones in our study population were composed primarily of calcium
In conclusion, our results do not support a strong association between dietary cadmium and kidney stone risk at the exposure levels seen in the general population. This may suggest that any effect of cadmium exposure stone risk is relevant at occupational exposure levels.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สนทนาการศึกษานี้เป็นครั้งแรกเพื่อประเมินความเสี่ยงของนิ่วในไตเกี่ยวข้องกับการสัมผัสแคดเมียมในประชากรสัมผัสไม่ occupationally หุ้น ในรุ่นนี้ตามประชากรขนาดใหญ่ เราสังเกตไม่เพิ่มความเสี่ยงของนิ่วในไตเกี่ยวกับแสงอาหารแคดเมียมในผู้หญิงผู้ชายสัมผัสแคดเมียมอาหารนับถือ (miedianintake 19 วันผู้ชาย: ผู้หญิงวันครบ 13) เหมือนกับที่สังเกตทั้ง ในอเมริกาจำกัด และที่อื่น ๆ ในยุโรป: pw เนียผู้ชาย 7 ยูจีวัน ผู้หญิงวัน (Llobet เอ้อ อัล 2003) : ผู้หญิงวันที่ 19.3 คนไทย uk 120 18 ปีวัน (Marintosh ct al 1996): ไทย 114 ยูจีวัน (สำหรับผู้ใหญ่ของ Gn k (หอม 1999); และเดนมาร์ก 16.0 lt วัน (เสนร้อยเอ็ด 2002) ผู้สนับสนุนหลักการสัมผัสแคดเมียมอาหารมีอาหารเพื่อสุขภาพเช่น 2009: ร้อยเอ็ดทั้งหมด 2012 Hodis ธัญพืชและผัก (นางเหตุผลอาหารแคดเมียมเป็นเกี่ยวข้อง กับการบริโภคสูงของสารอาหารต่าง ๆ อาจจะปรับเปลี่ยนความเสี่ยงของนิ่วในไต และยังส่วนล่างของบุหรี่บวกสมาคมได้ก่อนหน้านี้ถูกตรวจสอบระหว่างแคดเมียมปัสสาวะบนมือหนึ่ง และกระดูกก็เครื่องหมาย (Akesson et aL 2006 : Schutte et al. 2008) และ (akhun ขับ ถ่าย (Engstrom et al 2011 Schuitte et al. 2008) อีกด้วย มุมมองความสัมพันธ์ของเราสังเกตระหว่างอาหารแคดเมียม และความหนาแน่นของแร่ลดลง และความเสี่ยงแตกหักเพิ่มขึ้น (Engstrom et al. 2011. 2012: Thomas et al. 2011) นี้อาจบ่งชี้ว่า ผลกระทบของการสัมผัสแคดเมียมอาหารก็กระดูกเพิ่มขึ้นในประชากรที่ศึกษาซึ่งอาจเป็แคดเมียมปัสสาวะเพิ่มขึ้นขับถ่ายได้ อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นในการขับถ่ายแคลเซียมปัสสาวะไม่ปรากฏจะเพียงพอที่จะเพิ่มความเสี่ยงของนิ่วในไตในประชากรศึกษาของเรา ทำตามนี้ศึกษาประโยชน์ จากการออกแบบขนาดใหญ่ตามประชากรผู้สนใจงาน และเกือบสมบูรณ์ขึ้นของประชากรที่เราศึกษากับกรณีปัญหาของโรคไตหินที่ได้รับผ่านทางการเชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนคุณภาพสูง คำอธิบายไปได้หนึ่งสำหรับการขาดความสัมพันธ์เป็นเพียงแค่ระดับแสงไม่ได้สูงพอที่จะเพียงพออย่างไรก็ตามผลในองค์ประกอบของปัสสาวะ มี อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดต่าง ๆ ที่ควรพิจารณาซึ่งอาจยังบัญชีสำหรับค่า null การค้นหาของเราประมาณแสงอาหารแคดเมียมทั้งจากตนเองรายงาน ย่อมนำไปสู่ระดับของการวัดและการจัดประเภทตามมาสัมผัส ความสัมพันธ์จะดังนั้นอาจจะลำเอียงไปทางการครุ่นคิด เรนเจอร์แสงประชากรศึกษาของเรามีสีสันจริง และจึงให้ suffioent ความแตกต่างระหว่างสูงและต่ำแสงสำหรับลักษณะพิเศษเพื่อระบุได้เนื่องจากไม่เพียงพอ เนื้อหาข้อมูลจริงสามารถออกซาเลตในอาหารต่าง ๆ ที่เราไม่มีความสามารถและสำหรับอาหารออกซาเลต ซึ่งอาจเป็นแหล่งที่มีศักยภาพของการก่อตั้งนิ่วจะขี้เกียจสูง และ โดยไม่รวมกับการวินิจฉัยก่อนหน้าของหินที่ เราอาจจะไม่รวมผู้ที่มีส่วนใหญ่อ่อนแอและลดพลังของการศึกษาในการศึกษานี้เรามีอำนาจ (> 8or) เพื่อตรวจหา HR เพิ่มขึ้น 13 ปีในผู้ชายและ 1.4 ในผู้หญิง นิ่วในไตอาจประกอบของแคลเซียมออกซาเลตไม่เพียง แต่ยัง กรดยูริกแคลเซียมฟอสเฟตหรือซีสที เราไม่ได้ก่อตัวใด ๆ ในองค์ประกอบของหินในประชากรศึกษาของเรา อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์วัสดุหินที่รวบรวมจาก 3176 คนรักษา ด้วย extracorporeal shockwave lithotripsy ปอ พบว่า 95.6 x ของหินที่ประกอบด้วยแคลเซียมออกซาเลต และ m 926 มันเป็นส่วนประกอบหลัก HG Tiselius สื่อสาร) จึงเหมาะสมกับสมมติว่า 901 น้อยหินใช้ในการศึกษาประชากรของเราถูกประกอบหลักของแคลเซียม ในการสรุป ผลของเราไม่สนับสนุนความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างอาหารแคดเมียมและเสี่ยงโรคไตหินในระดับค่าแสงที่มองเห็นได้ในประชากรทั่วไป นี้อาจแนะนำว่า ผลของแคดเมียมสัมผัสหินเสี่ยงเกี่ยวข้องระดับอุบัติเหตุ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พูดคุยเรื่องการศึกษาครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทันทีประเมินความเสี่ยงของโรคนิ่วในไตเกี่ยวข้องกับการสัมผัสแคดเมียมในประชากรที่ไม่ใช่อาชีพสัมผัส ในการศึกษาตามประชากรขนาดใหญ่ที่เราสังเกตเห็นไม่มีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคนิ่วในไตในความสัมพันธ์กับการเปิดรับแคดเมียมอาหารในผู้ชายผู้หญิงเปิดรับแคดเมียมอาหารนับถือ (miedianintake 19 คนวันที่: 13 UE / วันผู้หญิง) เป็นแบบเดียวกับที่สังเกตทั้งในที่ จำกัด สหรัฐอเมริกาและที่อื่น ๆ ในยุโรป: ชายเนีย 7 ไมโครกรัม / วันผู้หญิง PW / วัน (Llobet เอ้ออัล 2003): สหราชอาณาจักร 120 สหรัฐอเมริกาชาย 19.3 ผู้หญิงวัน 18 วัน (Marintosh กะรัตอัล 1996): United States 114 วันไมโครกรัม (สำหรับผู้ใหญ่ . ของ Gn k (หอม 1999) และเดนมาร์ก 16.0 ลิตร / วัน (เสนและ 2002) ผู้ให้หลักในการเปิดรับแคดเมียมอาหารเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพเช่น 2009: เอทั้งหมด 2,012 เม็ด Hodis และผัก (EESA เหตุผลการสัมผัสแคดเมียมอาหารมีความเกี่ยวข้องกับ การบริโภคที่สูงขึ้นของสารอาหารหลายอาจจะปรับเปลี่ยนความเสี่ยงของโรคนิ่วในไตและยังมีความชุกที่ลดลงของการสูบบุหรี่ความสัมพันธ์ที่ดีได้รับก่อนหน้านี้ตั้งข้อสังเกตระหว่างแคดเมียมปัสสาวะบนมือข้างหนึ่งและเครื่องหมายการสลายกระดูก (Åkesson et al, 2006:. Schutte et al, 2008) และ (การขับถ่ายหอคอย (Engstrom et al, 2011 Schuitte et al, 2008) ในที่อื่น ๆ ในมุมมองของความสัมพันธ์ระหว่างเราสังเกตแคดเมียมอาหารและความหนาแน่นของแร่ที่ลดลงและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นการแตกหัก (Engstrom et al, 2011 2012:.. โทมัส et al, 2011) นี้อาจบ่งบอกถึงผลกระทบของการเปิดรับแคดเมียมในอาหารต่อการสลายของกระดูกเพิ่มขึ้นในประชากรการศึกษาของเราที่ อาจแปลลงในการขับถ่ายปัสสาวะแคดเมียมเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามการเพิ่มขึ้นในการขับแคลเซียมออกทางเดินปัสสาวะไม่ปรากฏว่าจะเพียงพอที่จะเพิ่มความเสี่ยงของโรคนิ่วในไตในประชากรการศึกษาของเราได้รับประโยชน์การศึกษาครั้งนี้จากประชากรที่ใช้มีขนาดใหญ่การออกแบบการศึกษาที่คาดหวังและสมบูรณ์แทบติดตามของประชากรการศึกษาของเรากับกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโรคไตที่ได้รับผ่านการเชื่อมโยงข้อมูลการลงทะเบียนที่มีคุณภาพสูง หนึ่งคำอธิบายที่เป็นไปได้สำหรับการขาดของสมาคมเป็นเพียงระดับแสงของภาพที่ไม่สูงพอที่จะมีผลบังคับใช้ แต่เพียงพอกับองค์ประกอบทางเดินปัสสาวะ อย่างไรก็ตามยังมีข้อ จำกัด หลายอย่างที่จะต้องพิจารณาซึ่งอาจบัญชีสำหรับ null หาประมาณการการสัมผัสแคดเมียมของเราอาหารจะขึ้นอยู่กับรายงานย่อมนำไปสู่การศึกษาระดับปริญญาของการวัดและความเสี่ยงที่ตามมาจำแนกบางสมาคมใด ๆ ที่จะดังนั้นจึงมีแนวโน้มจะลำเอียงไปทางครุ่นคิด เดอะเรนเจอร์ของความเสี่ยงของประชากรในการศึกษาของเราที่เป็นจริงที่มีชีวิตชีวาและดังนั้นจึงไม่อาจให้ความแตกต่างระหว่าง suffioent เสี่ยงสูงและต่ำสำหรับผลกระทบที่จะระบุไม่เพียงพอเนื่องจากข้อมูลสามารถจริงในเนื้อหาออกซาเลตอาหารต่างๆที่เราไม่สามารถและ เพียงสำหรับการบริโภคอาหารออกซาเลต ซึ่งอาจจะเป็นแหล่งที่มีศักยภาพของผู้ก่อตั้งนิ่วไตมีความขี้เกียจและไม่รวมผู้ที่มีการวินิจฉัยก่อนหน้าของหินเราอาจจะไม่รวมผู้ที่มีความอ่อนไหวมากที่สุดเช่นเดียวกับการลดการใช้พลังงานของการศึกษาในการศึกษานี้เรามีอำนาจ (> 8or) ในการตรวจสอบการบริหารทรัพยากรบุคคลที่เพิ่มขึ้นจาก 13 ในผู้ชายและ 1.4 ในผู้หญิงโรคนิ่วในไตอาจจะประกอบด้วยไม่เพียง แต่ของแคลเซียมออกซาเลต แต่ยังแคลเซียมฟอสเฟตกรดยูริคหรือซีสตีน, เราไม่ได้มีรูปแบบใด ๆ เกี่ยวกับองค์ประกอบของหินในการศึกษาของเรา ประชากร. แต่การวิเคราะห์วัสดุหินที่เก็บได้จาก 3,176 คนที่รับการรักษาด้วยคลื่น extracorporeal lithotripsy สตอกโฮล์มเคาน์ตี้พบว่า 95.6x ของหินที่มีแคลเซียมออกซาเลตและม. 926 มันเป็นองค์ประกอบที่โดดเด่น HG Tiselius, การสื่อสารส่วนบุคคล) มันก็มีเหตุผลจึงจะคิดว่าอย่างน้อย 901 ของหินการใช้งานในประชากรที่ศึกษาของเราได้ประกอบด้วยหลักของแคลเซียมในการสรุปผลของเราไม่สนับสนุนความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างแคดเมียมอาหารและความเสี่ยงนิ่วในไตที่ระดับแสงของภาพที่เห็นในประชากรทั่วไป นี้อาจชี้ให้เห็นว่าผลกระทบใด ๆ ของแคดเมียมความเสี่ยงการสัมผัสหินมีความเกี่ยวข้องในระดับที่รับสาร