Loi Krathong festival is an ancient

Loi Krathong festival is an ancient Thai tradition, which is takes place on the evening of the full moon of the 12th month (usually November). It is a very beautiful scene, with the full moon shining down on the river, perfect for floating Krathong. Loi means 'to float', and Krathong is the item which is floated down the river (see further).

In the past, lanterns were floated as part of Brahmanism, to worship the Gods; Siva, Vishnu, and Brahma. When Thai people adopted Buddhism, they adapted this ceremony in reverence to the goddess of the Mae Khong river (Mekong). 


Floating Krathong along the river was allegedly created by Nang Noppamas; the favourite concubine of a Sukhothai King (Loethai). She made Krathong lotus-shaped, and gave it to the king of Sukhothai to float along the river. According to Sri Chula Lucks treatise, Phra Ruang (a Sukhothai King) said, 'From now on, on the full moon night of the twelfth lunar month, kings of Siam have to make a lotus-shaped floating lantern, to worship for ever after'.

In Rattanakosin period, people often made big and beautiful Krathong. According to Chao Phraya Dhipharachawong's historical annals:



In the twelfth lunar month on 14 and 15 waxing moon, I ask for members of the royal family and civil servants to make big-sized Krathongs, look like banana trunk rafts, sized 8-9 sauk in width (an ancient Thai measure of length) and 10-11 sauk tall. Competitions developed: For example, some imitate Krathong shaped as Mount Meru, while others made Krathong as baskets decorated with flowers. There are a lot of people to do these so they use a lot of money- about 20 chung (an ancient measure of weight).

Nowadays, Loi Krathong festival is held mostly in the Thai provinces. Particularly Chiang Mai, and Chiang Rai - there are Krathong parades, contests for making the best Krathong, and Noppamas beauty pageants.

The villagers in northern and north-eastern parts of Thailand also often send lanterns rising into the sky, made of coloured paper, to float across the heavens at night. The light from lanterns, with moonshine and stars glittering, can be seen for miles, and is very beautiful.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เทศกาลวันลอยกระทงเป็นไทยมา ซึ่งเกิดขึ้นในตอนเย็นของพระจันทร์เต็มดวงของเดือน 12 (ปกติเดือนพฤศจิกายน) มันเป็นฉากที่สวยงามมาก มีพระจันทร์เต็มดวงส่องแสงลงบนแม่น้ำ เหมาะสำหรับการลอยกระทง ลอยหมายถึงการลอย" และลอยกระทงเป็นสินค้าซึ่งลอยลงแม่น้ำ (ดูเพิ่มเติม)ในอดีต โคมไฟที่ลอยเป็นส่วนหนึ่งของศาสนาพราหมณ์ นมัสการเทพเจ้า ศิวา นารายณ์ และพระพรหม เมื่อคนไทยนำพระพุทธศาสนา พวกเขาดัดแปลงพิธีนี้ในความเคารพกับเทพเจ้าแห่งท้องน้ำแม่โขง (แม่น้ำโขง) ลอยกระทงตามแม่น้ำหลังสร้าง โดยนาง Noppamas นางสนมชื่นชอบของสุโขทัยกษัตริย์ (พระยาเลอไท) เธอทำกระทงรูปบัว แล้วให้กษัตริย์ของสุโขทัยลอยตามแม่น้ำ ตามตำรับศรีจุฬาลักษ์ พระเรือง (กษัตริย์สุโขทัย) กล่าวว่า 'จากนี้ ในคืนพระจันทร์เต็มดวงของเดือนจันทรคติสิบสอง พระมหากษัตริย์ของสยามได้ทำเป็นรูปบัวลอยโคม นมัสการตัวเคยหลังจาก'ในรัตนโกสินทร์ บุคคลมักจะทำกระทงขนาดใหญ่ และสวยงาม ตามพงศาวดารเจ้าพระยา Dhipharachawong: ในเดือนสิบสองค่ำ 14 และ 15 ข้าง ผมถามสำหรับสมาชิกของพระราชวงศ์และข้าราชการพลเรือนเพื่อให้ขนาดใหญ่ Krathongs เหมือนแพลำต้นกล้วย sauk ขนาด 8-9 10-11 sauk สูงและความกว้าง (วัดสมัยโบราณไทยความยาว) แข่งขันพัฒนา: ตัวอย่าง บางเลียนแบบกระทงรูปเป็นเขาพระสุเมรุ ขณะที่คนอื่นทำกระทงฝีมือตกแต่ง ด้วยดอกไม้ มีมากต้องทำเหล่านี้ให้พวกเขาจำนวนมากของเงิน-เกี่ยวกับ 20 ชุ (วัดสมัยโบราณของน้ำหนัก)ปัจจุบัน เทศกาลวันลอยกระทงจัดขึ้นในจังหวัดไทยส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย - มีขบวนพาเหรดกระทง ประกวดการทำกระทงสุด และ Noppamas pageants ความงามชาวบ้านในภาคเหนือ และตะวัน ออกเฉียงเหนือของประเทศไทยมักส่งโคมไฟที่เพิ่มขึ้นในท้องฟ้า ทำสี กระดาษลอยข้ามฟากฟ้าในเวลากลางคืน แสงจากโคมไฟ มูนไชน์และดาวนัก สามารถมองเห็นทิว และสวยมาก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เทศกาลลอยกระทงเป็นประเพณีเก่าแก่ของไทยซึ่งเป็นที่จะเกิดขึ้นในตอนเย็นของวันที่พระจันทร์เต็มดวงของเดือนที่ 12 (ปกติพฤศจิกายน) มันเป็นฉากที่สวยงามมากมีพระจันทร์เต็มดวงส่องแสงลงบนแม่น้ำที่สมบูรณ์แบบสำหรับลอยกระทง Loi หมายถึง 'ลอย' และกระทงเป็นรายการที่มีการลอยลงแม่น้ำ (ดูเพิ่มเติม). ในอดีตที่ผ่านมาได้รับการลอยโคมไฟเป็นส่วนหนึ่งของศาสนาพราหมณ์เพื่อนมัสการพระเจ้า; พระศิวะพระนารายณ์พระพรหมและ เมื่อคนไทยนำมาใช้พุทธศาสนาที่พวกเขาปรับตัวในพิธีเคารพเจ้าแม่ของแม่น้ำแม่โขง (Mekong). 
 ลอยกระทงตามแม่น้ำที่ถูกสร้างขึ้นโดยถูกกล่าวหาว่านางนพมาศ; นางสนมที่ชื่นชอบของสุโขทัยคิง (Loethai) เธอทำกระทงรูปดอกบัวและมอบมันให้กับพระมหากษัตริย์ของสุโขทัยที่จะลอยไปตามแม่น้ำ ตามตำราศรีจุฬาลักษ์, พระร่วง (สุโขทัยคิง) กล่าวว่าจากนี้ไปในคืนพระจันทร์เต็มดวงของเดือนจันทรคติที่สิบสองกษัตริย์แห่งสยามจะต้องทำโคมไฟลอยดอกบัวรูปเพื่อบูชาสำหรับหลังจากที่เคย '. ในสมัยรัตนโกสินทร์คนมักจะทำขนาดใหญ่และสวยงามกระทง ตามเจ้าพระยา Dhipharachawong ของพงศาวดารประวัติศาสตร์: 

ในวันเพ็ญเดือนสิบสองในวันที่ 14 และ 15 แว็กซ์ดวงจันทร์ฉันขอให้สมาชิกของพระราชวงศ์และข้าราชการที่จะทำให้กระทงขนาดใหญ่, มีลักษณะเหมือนแพลำต้นกล้วยขนาด 8-9 โซกใน ความกว้าง (วัดไทยโบราณของความยาว) และวันที่ 10-11 Sauk สูง การแข่งขันพัฒนา: ตัวอย่างเช่นบางกระทงเลียนแบบรูปร่างเป็นเขาพระสุเมรุขณะที่คนอื่นทำกระทงเป็นกระเช้าตกแต่งด้วยดอกไม้ มีจำนวนมากของคนที่จะทำเหล่านี้เพื่อให้พวกเขาใช้เป็นจำนวนมากประมาณ 20 money- chung มี (วัดโบราณของน้ำหนัก). ปัจจุบันเทศกาลลอยกระทงที่จะจัดขึ้นส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย -. มีขบวนแห่กระทง, การแข่งขันสำหรับการทำสิ่งที่ดีที่สุดกระทงและความงามนางนพมาศชาวบ้านในส่วนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยก็มักจะส่งโคมไฟที่เพิ่มขึ้นสู่ท้องฟ้าที่ทำจากกระดาษสีจะลอยข้ามฟ้าสวรรค์ในเวลากลางคืน แสงจากโคมไฟที่มีแสงจันทร์และดวงดาวระยิบระยับสามารถมองเห็นได้ไมล์และมีความสวยงามมาก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ลอยกระทง เป็นประเพณีโบราณของไทย ซึ่งจะเกิดขึ้นในตอนเย็นของวันเพ็ญเดือนสิบสอง ( โดยปกติเดือนพฤศจิกายน ) มันเป็นฉากที่สวยงามมาก มีพระจันทร์เต็มดวงส่องแสงลงบนน้ำที่สมบูรณ์แบบสำหรับกระทงที่ลอย ลอยหมายถึง ' ลอย ' และกระทงเป็นสินค้าที่ลอยลงแม่น้ำ ( ดูเพิ่มเติม ) .

ในอดีตโคมไฟเป็นลอยเป็นส่วนหนึ่งของพราหมณ์เพื่อบูชาเทพเจ้า ; พระศิวะ พระวิษณุ และพระพรหม เมื่อคนไทยรับพระพุทธศาสนา ก็ทําพิธีในความเคารพนับถือต่อเทพธิดาแห่งแม่น้ำ โขง แม่ ( แม่น้ำโขง ) 


ลอยลอยกระทงตามแม่น้ำที่ถูกกล่าวหาว่าสร้างขึ้นโดยนางนพมาศ ; สนมโปรดของกษัตริย์สุโขทัย ( พระยาเลอไท ) เธอทำกระทงรูปดอกบัวและให้กษัตริย์ของสุโขทัยให้ลอยไปตามแม่น้ำ ศรีจุฬาลักษ์ตามตำราพระร่วง ( สุโขทัย , กษัตริย์ ) กล่าวว่า จากนี้ไป ในคืนพระจันทร์เต็มดวงของเดือนที่สิบสอง กษัตริย์แห่งสยามต้องทำรูปดอกบัวลอยโคม เพื่อบูชาตลอดไป ' .

ในสมัยรัตนโกสินทร์ ผู้คนมักจะทำกระทงใหญ่ และสวยงาม .ตามบันทึกประวัติศาสตร์ของเจ้าพระยา dhipharachawong :



ในวันเพ็ญเดือนสิบสอง ในวันที่ 14 และ 15 ข้างขึ้นขอพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการให้ใหญ่ขนาดกระทง เหมือนกล้วยลำต้นแพขนาด 8-9 Sauk ความกว้าง ( วัดไทยโบราณความยาว 10-11 Sauk สูง ) และ . การแข่งขันพัฒนา : ตัวอย่างเช่นบางเลียนแบบกระทงรูปเป็นภูเขาพระสุเมรุในขณะที่คนอื่น ๆทำกระทงเป็นตะกร้าที่ตกแต่งด้วยดอกไม้ มีคนมากมายที่ต้องทำเหล่านี้เพื่อให้พวกเขาใช้เงินมากประมาณ 20 ชัง เป็นวัดโบราณของน้ำหนัก ) .

ทุกวันนี้ ประเพณีลอยกระทงจัดขึ้นส่วนใหญ่ในไทยจังหวัด โดยเฉพาะ เชียงใหม่ และเชียงราย มีขบวนแห่กระทง การประกวด สำหรับทำกระทง และนางนพมาศที่ดีที่สุดความงาม

ชาวบ้านในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยก็มักจะส่งโคมลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ทำจากกระดาษสี ลอยข้ามท้องฟ้าในตอนกลางคืน แสงจากโคมไฟ กับแสงจันทร์และดาวระยิบระยับ สามารถเห็นสำหรับไมล์และสวยงามมาก