ค่านิยมหลักของคนไทย
วีรวิท คงศักดิ์
ในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สัปดาห์ที่ ๗ เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ได้กล่าวว่า “น่าจะกำหนด “ค่านิยมหลักของคนไทย” ขึ้น เพื่อสร้างประเทศไทยให้เข้มแข็ง ” ซึ่งได้รวบรวมไว้ ๑๒ ประการ ดังนี้
๑) มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของชาติในปัจ จุบัน
๒) ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพื่อ ส่วนรวม
๓) กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์
๔) ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษา เล่าเรียน ทางตรงและทางอ้อม
๕) รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันงดงา ม
๖) มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีต่อผู้อื่น เผื่อแผ่และแบ่งปัน
๗) เข้าใจ เรียนรู้ การเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหาก ษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ถูกต้อง
๘) มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรู้จักเคารพผู้ใหญ่
๙) มีสติ รู้ตัว รู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติ ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพ ระเจ้าอยู่หัว
๑๐) รู้จักดำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัช ญาเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำรั สของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รู้จัดอดออมไว้ใช้เมื่อยามจำเป็ น มีไว้พอกินพอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจ่าย จำหน่าย ขยายกิจการ เมื่อมีความพร้อม โดยมีภูมิคุ้มกันที่ดี
๑๑) มีความเข้มแข็ง ทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำ หรือกิเลส มีความละอาย เกรงกลัวต่อบาป ตามหลักของศาสนา
๑๒) คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม และต่อชาติ มากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง
“ค่านิยมหลัก” (Core Values) เป็นแนวความคิดทางวิชาการในการส ร้างพลังให้กับคนในองค์กรด้วยกา รปลูกฝัง “ความเชื่อ” (Belief) ในคุณธรรมความดี เพื่อที่จะผลักดันให้การทำงานสำ เร็จตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ ขององค์กร ซึ่งเหมาะสมกับองค์กรขนาดใหญ่แล ะหลากหลายวัฒนธรรม
ดังนั้น การเสนอ “ค่านิยมหลัก” นี้ นับว่าเป็นความคิดที่ดีในการหลอ มรวมจิตใจของคนไทยไปสู่วิสัยทัศ น์ของประเทศที่ คสช.กำหนดไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคม ฉบับที่ ๑๑ ว่า “สังคมจะต้องอยู่ร่วมกันอย่างมี ความสุข ความเสมอภาค เป็นธรรม และมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแ ปลง” ซึ่งจะเป็นหลักประกันความสำเร็จ ของประเด็น ยุทธศาสตร์ ๙ ประการที่ คสช.ได้เสนอในโอกาสเดียวกันด้วย
นอกจากนั้น ยังเป็นการเตรียมการเพื่อเข้าปร ะชาคมอาเซียนด้วย ทั้งนี้เพราะในปฏิญญาอาเซียนด้า นสังคมและวัฒนธรรมได้กำหนดให้มี การสร้าง “ค่านิยมร่วมอาเซียน” แต่ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มี “ค่านิยมของคนไทย” เนืองจากที่ผ่านมาไม่มีรัฐบาลใด คิดจะทำ จึงส่งผลให้ไทยไม่มีข้อเสนอในด้ านความเอกลักษณ์ของคนไทยที่จะไป หลอมรวมกับประเทศอื่นๆ ได้เลย
การที่นักวิชาการแนะนำให้นำ “ค่านิยม” มาปลูกฝังสั่งสอนให้คนในสังคมปร ะพฤติตนอยู่ในกรอบของคุณธรรมควา มดี อันจะนำมาซึ่งความสงบสุขและสามา รถพัฒนาองค์กรให้เจริญก้าวหน้าข ึ้นนั้น เพราะค่านิยมมีลักษณะเด่น ๓ ประการ คือ
ประการแรก ค่านิยมเป็นสิ่งที่ยึดถือ ยึดมั่นอย่างยืนยงในการปฏิบัติท ี่นำมาซึ่งพฤติกรรมอันดีงามของค นในสังคม
ประการที่สอง ค่านิยมเป็น “ความเชื่อ” จึงทำให้ยอมรับและนำไปสู่การปฏิ บัติด้วยความเต็มใจ
และประการที่สาม ค่านิยมมีลักษณะเปรียบเทียบที่ช ัดเจนในลักษณะขาวกับดำ เช่น ความขยันกับความเกียจคร้าน ความซื่อสัตย์กันความไม่ซื่อสัต ย์ ความพอเพียงกับความฟุ้งเฟ้อ เป็นต้น
ประกอบกับหลักจริยธรรมและกฎหมาย มหาชนยุคใหม่นิยมกำหนดให้ “ทำ และ ไม่ให้ทำ” (Do & Don’t) จึงทำให้ค่านิยมที่มีลักษณะเชิง เปรียบเทียบสามารถนำมาใช้เชื่อม โยงกันได้เป็นอย่างดี
คำว่า “ค่านิยม” นี้บางตำราเรียก “คุณค่า” ซึ่งมาจากคำภาษาอังกฤษว่า “Value” เหมือนกัน
ถ้าจะเปรียบ “ค่านิยม” เป็นวัตถุดิบที่นำไปผลิตลักษณะน ิสัยของคนในสังคม ผลผลิตที่ออกมา คือ “คุณค่า” ที่เกิดเป็นความประพฤติที่ดีงาม ของคนในสังคม หรือเป็นสังคมที่มีคุณค่านั่นเอ ง
John Gardner ได้เขียนอธิบายคำว่า Values ในหนังสือ “The Fish” และจิรนันท์ พิตรปรีชา ได้แปลไว้ ดังนี้
“คุณค่า” ไม่ใช่สิ่งที่เราเดินไปเจอเข้าแ บบเล่นเกมล่าสมบัติ
“คุณค่า” คือ สิ่งที่คุณสร้างขึ้นมาในชีวิตขอ งคุณเอง คุณสร้างมันขึ้นมาจากพื้นฐานที่ มาของคุณ จากความรักภักดีและความผูกพันขอ งคุณ จากประสบการณ์ร่วมของมนุษยชาติท ี่ถ่ายทอดมาสู่คุณ จากสติปัญญา ความสามารถ และความเข้าใจ จากสิ่งที่คุณเชื่อ จากผู้คนและวัตถุสิ่งของที่คุณร ัก จากบรรทัดฐานค่านิยมที่คุณพร้อม จะเสียสละ อะไรบางอย่างเพื่อดำรงรักษามันไ ว้
องค์ประกอบเหล่านี้มีอยู่พร้อม แต่คุณเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ จะสามารถนำมาผสมผสานเป็นรูปรอยแ บบแผนของสิ่งที่กลายเป็นชีวิตคุ ณ จงทำให้มันเป็นชีวิตที่มีศักดิ์ ศรี มีคุณค่าสำหรับตัวคุณเอง ถ้าคุณทำได้จุดพลิกผันระหว่าง ความสำเร็จกับความล้มเหลวก็ไม่ใ ช่เรื่องหมิ่นเหม่อีกต่อไป
คำอธิบายนี้ ทำให้เข้าใจความหมาย กระบวนการสร้างให้เกิดขึ้น และคุณค่าของ “ค่านิยม” ที่ใช้ในการปลูกฝังและสั่งสอนคน ในสังคมให้มีคุณธรรมความดี ได้อย่างชัดเจนมา
อย่างไรก็ดี “ค่านิยม” ที่ใช้ในการบริหารองค์กรขนาดใหญ ่เพื่อให้มีการยึดมั่นในการทำคว ามดีร่วมกันนั้น จำเป็นต้องมีพื้นฐานของความเชื่ อและยอมรับอยู่ในความทรงจำเพื่อ นำไปปฏิบัติ ส่วนใหญ่จึงใช้กระบวนการมีส่วนร ่วม เพื่อให้ “เข้าใจ เข้าถึงจิตใจ และนำไปพัฒนาตนเอง” และนิยมกำหนดประมาณ ๓-๕ ค่านิยมเพื่อง่ายในการจดจำ โดยเรียกว่า “ค่านิยมร่วม” (Shared Values)
ดังนั้น “ค่านิยม” ที่สร้างความดีงามมีอยู่มากมาย จึงต้องมีกระบวนการมีส่วนร่วมเพ ื่อให้เป็นที่ยอมรับของคนในสังค ม โดยวิเคราะห์จาก “บทเรียน” ความผิดพลาดของคนในสังคม เพื่อให้เกิดการยอมรับ และพัฒนาเป็น “ความเชื่อ” ที่สามารถจดจำได้ แล้วนำไปยึดถือปฏิบัติจนเป็นลัก ษณะนิสัยของบุคคลและวัฒนธรรมของ สังคมนั้น
อีกลักษณะหนึ่ง คือ คำสอนของศาสดาหรือผู้ปกครองประเ ทศ เช่น สาธารณรัฐเวียดนาม นำคำสอนของโฮจิมินห์ (Hochiminh’s Doctrine) มาเป็นค่านิยมของชาติ ได้แก่ (๑) รักชาติ รักประชาชน (๒) เรียนดี ทำงานดี (๓) สามัคคี มีวินัย (๔) รักษาอนามัยดี (๕) ถ่อมตัว ซื่อสัตย์ กล้าหาญ
ในอดีตผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิก ารพยายามสร้างคุณธรรมในลักษณะขอ งค่านิยมที่ตนเองยึดถือมาเป