Gilligan supports her theory with r

Gilligan supports her theory with research of children at play conducted by Northwestern University sociologist Janet Lever.’ Lever found that boys like games with lots of intricate rules. Disputes often arise over interpretations of the rules, but the argument doesn’t break up the game. In fact, Lever notes that some boys seem to enjoy wrangling over the rules even more than the game itself. Since rules are sacred, a cry of "That’s not fair!" is an accusation with moral force. Girls, on the other hand, play shorter and less complex games. When arguments arise, girls will usually bend the rules so no one will feel hurt. Gilligan believes that this difference carries over into adult life. Women change the rules in order to preserve relationships; men abide by the rules and see relationships as replaceable.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Gilligan สนับสนุนเธอทฤษฎีกับการวิจัยเด็กที่เล่นจากตะวันตกเฉียงเหนือมหาวิทยาลัย sociologist ลิ่มเจ.' คานพบว่า เด็กผู้ชายชอบเกมที่ มีกฎที่ซับซ้อนมากมาย ข้อโต้แย้งเกิดขึ้นมักจะผ่านการตีความกฎ แต่อาร์กิวเมนต์ไม่แบ่งเกม ในความเป็นจริง คานบันทึกว่า ชายบางดูเหมือนกับ wrangling ผ่านกฎยิ่งกว่าเกมตัวเอง เนื่องจากกฎศักดิ์สิทธิ์ ร้องของ "ที่ไม่ยุติธรรม" เป็นข้อกล่าวหา ด้วยแรงแรง สาว เล่นเกมสั้น และไม่ซับซ้อนคง เมื่ออาร์กิวเมนต์เกิดขึ้น หญิงจะโค้งงอกฎโดยทั่วไปจึงไม่รู้สึกเจ็บ Gilligan เชื่อว่า ความแตกต่างนี้ดำเนินไปเป็นผู้ใหญ่ ผู้หญิงเปลี่ยนกฎเพื่อรักษาความสัมพันธ์ คนปฏิบัติตามกฎ และเห็นความสัมพันธ์เปลี่ยน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ยิลลิสนับสนุนทฤษฎีของเธอกับการวิจัยของเด็กที่เล่นดำเนินการโดยมหาวิทยาลัย Northwestern University สังคมวิทยาเจเน็ต Lever. ก้านพบว่าเด็กผู้ชายที่ชอบเกมที่มีจำนวนมากของกฎที่ซับซ้อน ข้อพิพาทที่เกิดขึ้นในช่วงที่มักจะตีความกฎ แต่ทะเลาะกันไม่เลิกเล่นเกม ในความเป็นจริงก้านข้อสังเกตว่าเด็กผู้ชายบางคนดูเหมือนจะเพลิดเพลินไปกับการถกเถียงมากกว่ากฎระเบียบมากยิ่งขึ้นกว่าเกมตัวเอง เนื่องจากกฎศักดิ์สิทธิ์เสียงร้องของ "นั่นคือไม่ยุติธรรม!" ซึ่งเป็น เป็นข้อกล่าวหาที่มีพลังทางศีลธรรม สาวในมืออื่น ๆ เล่นสั้นและน้อยเกมที่ซับซ้อน เมื่อมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นสาว ๆ มักจะโค้งกฎจึงไม่มีใครจะรู้สึกเจ็บ ยิลลิเชื่อว่าความแตกต่างนี้ดำเนินไปสู่​​ชีวิตในวัยผู้ใหญ่ ผู้หญิงเปลี่ยนกฎเพื่อที่จะรักษาความสัมพันธ์; คนปฏิบัติตามกฎและเห็นความสัมพันธ์เป็นแบบถอดเปลี่ยนได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทฤษฎีกับงานวิจัยของ Gilligan สนับสนุนเด็กที่เล่นโดยนักสังคมวิทยาที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเจเน็ต งัด งัด พบว่า ผู้ชายชอบ ' เกมของกฎที่ซับซ้อน ข้อพิพาทเกิดขึ้นบ่อยๆ ผ่านการตีความของกฎ แต่อาร์กิวเมนต์ไม่เลิกเกม ในความเป็นจริง , คันโยก บันทึกว่า ชายที่ดูเหมือนจะสนุกกับการโต้เถียงมากกว่ากฎมากขึ้นกว่าเกมเองเนื่องจากกฎศักดิ์สิทธิ์ เสียงร้องของ " ไม่แฟร์ " เป็นข้อกล่าวหาด้วยพลังทางศีลธรรม ผู้หญิงบนมืออื่น ๆที่เล่นสั้น และซับซ้อนน้อยกว่าเกม เมื่อมีการขัดแย้งเกิดขึ้น ผู้หญิงมักจะโค้งกฎดังนั้นไม่มีใครจะรู้สึกเจ็บ กะลาสีเชื่อว่าความแตกต่างนี้มีผ่านเข้าไปในชีวิตของผู้ใหญ่ ผู้หญิงเปลี่ยนกฎเพื่อที่จะรักษาความสัมพันธ์ ;คนปฏิบัติตามกฎ และเห็นความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงได้เสมอ