It has been discovered one hundred

It has been discovered one hundred years ago in 1910. Then in 1912, a scientific expedition was carried on and they captured several dragons. Komodo dragons live on the Komodo islands in the National Park. It am largest lizards on earth. Komodos have a life span of 50 years. Their length can be up to 3 meters. Komodo dragons have are also the heaviest lizards and it can weight up to 70 Kg. Komodo dragons hunt and ambush prey including invertebrates , birds , and mammals. The Komodo dragon can see objects as far away as 300 m. but because its retinas only contain cones, it is thought to have poor night vision. The Komodo dragon is able to see in colour, but has poor visual discrimination of stationary objects. The Komodo dragon uses its tongue to detect, taste , and smell stimuli , as with many other reptiles, with the vomeronasal sense using the Jacobson's organ , rather than using the nostrils. It has been claimed that they have a venomous bite. The Komodo dragon prefers hot and dry places, and typically lives in dry, savanna and tropical forest at low elevations. For shelter, the Komodo dragon digs holes that can measure from 1 to 3 m. wide with its powerful forelimbs and claws. Because of its large size and habit of sleeping in these burrows, it is able to conserve body heat throughout the night and minimise its basking period the morning after. Although it eat mostly carrion, it will also ambush live prey with a stealthy approach. Komodo dragons eat by tearing large chunks of flesh and swallowing them whole while holding the carcass down with their forelegs. Mating begins between May and August, and the eggs are laid in September. It is an endangered specie. Since this giant Lizard has been protected and the creation of the Komodo national Park, their number is actually increasing but very slowly.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จะได้ค้นพบหนึ่งร้อยปีค.ศ. 1910 แล้ว 1912 การผจญภัยวิทยาศาสตร์ดำเนินอยู่ และจะจับมังกรหลาย มังกรโคโมโดอาศัยอยู่บนเกาะโคโมโดในอุทยานแห่งชาติ มันกำลังกิ้งก่าที่ใหญ่ที่สุดในโลก Komodos มีช่วงอายุ 50 ปี ความยาวได้ถึง 3 เมตร มีมังกรโคโมโดจะเป็นกิ้งก่าหนัก และมันสามารถน้ำหนักไม่เกิน 70 กก.โคโมโดมังกรล่า และซุ่มล่าเหยื่อที่ไม่มีกระดูกสันหลัง นก และเลี้ยงลูกด้วยนม มังกรโคโมโดสามารถเห็นวัตถุได้ไกลถึง 300 เมตร แต่เนื่องจากเรตินาเท่านั้นประกอบด้วยกรวย มันเป็นความคิดที่มีวิสัยทัศน์ไม่ดีคืน มังกรโคโมโดไม่สามารถมองเห็นสี แต่มีไม่ดีแยกแยะวัตถุที่อยู่นิ่ง มังกรโคโมโดใช้ลิ้นในการตรวจ สอบ รสชาติ และกลิ่นตัวกระตุ้น มีหลายอื่น ๆ สัตว์เลื้อยคลาน vomeronasal ความรู้สึกโดยใช้อวัยวะของ Jacobson แทนที่ใช้จมูก ได้อ้างว่า พวกเขามีกัดมีพิษ มังกรโคโมโดชอบสถานร้อน และแห้ง และมักจะอาศัยอยู่ในป่าที่แห้ง ตา และเขตร้อนที่ระดับต่ำ หาที่กำบัง มังกรโคโมโด digs หลุมที่สามารถวัดได้ตั้งแต่ 1 ถึง 3 เมตรกว้างมีประสิทธิภาพ forelimbs และเล็บ เนื่องจาก มีขนาดใหญ่และนิสัยการนอนในโพรงเหล่านี้ จะสามารถรักษาความร้อนของร่างกายตลอดทั้งคืน และลดของเอกเขนกเวลาเช้าหลังจาก แม้ว่าจะกินที่ส่วนใหญ่เป็น carrion มันจะยังซุ่มล่าเหยื่อสด ด้วยวิธีลับ มังกรโคโมโดกินฉีกชิ้นใหญ่เนื้อ และกลืนทั้งค้างซากกับ forelegs ของพวกเขา เริ่มผสมพันธุ์ระหว่างเดือนพฤษภาคมและสิงหาคม และวางไข่ในเดือนกันยายน มันเป็นชนิดใกล้สูญพันธุ์ จิ้งจกยักษ์นี้ได้รับการป้องกัน และการสร้างอุทยานแห่งชาติโคโมโด หมายเลขจริงเพิ่มขึ้น แต่ช้ามาก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มันได้รับการค้นพบหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมาในปี 1910 จากนั้นในปี 1912 การเดินทางทางวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการดำเนินการและพวกเขาถูกจับหลายมังกร มังกรโคโมโดอาศัยอยู่บนเกาะโคโมโดในอุทยานแห่งชาติ มัน am กิ้งก่าที่ใหญ่ที่สุดในโลก Komodos มีช่วงชีวิต 50 ปี ยาวของพวกเขาสามารถเป็นได้ถึง 3 เมตร มังกรโคโมโดได้นอกจากนี้ยังมีจิ้งจกหนักและสามารถรับน้ำหนักได้ถึง 70 กก โคโมโดล่ามังกรและซุ่มโจมตีเหยื่อรวมทั้งสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังนกและเลี้ยงลูกด้วยนม มังกรโคโมโดสามารถมองเห็นวัตถุที่ไกล ๆ เช่น 300 เมตร แต่เป็นเพราะเรตินาเท่านั้นประกอบด้วยกรวยมันเป็นความคิดที่จะมีคืนวิสัยทัศน์ที่น่าสงสาร มังกรโคโมโดสามารถที่จะเห็นในสี แต่มีการเลือกปฏิบัติที่ไม่ดีภาพของวัตถุที่อยู่นิ่ง มังกรโคโมโดใช้ลิ้นในการตรวจสอบรสชาติและกลิ่นเร้าเช่นเดียวกับสัตว์เลื้อยคลานอื่น ๆ อีกมากมายด้วยความรู้สึก vomeronasal โดยใช้อวัยวะของ Jacobson มากกว่าการใช้จมูก มันได้รับการอ้างว่าพวกเขามีกัดพิษ มังกรโคโมโดชอบอยู่ในที่ร้อนและแห้งและมักจะอาศัยอยู่ในที่แห้งหญ้าสะวันนาและป่าเขตร้อนที่ระดับต่ำ สำหรับที่พักอาศัย, มังกรโคโมโดขุดหลุมที่สามารถวัด 1-3 เมตร กว้างกับแจ่มใสที่มีประสิทธิภาพและกรงเล็บ เพราะมีขนาดใหญ่และนิสัยของการนอนหลับอยู่ในโพรงเหล่านี้ก็สามารถที่จะอนุรักษ์ความร้อนในร่างกายตลอดทั้งคืนและลดระยะเวลาของบาสกิงตอนเช้าหลังจาก แม้ว่ามันจะกินซากสัตว์ส่วนใหญ่ก็จะซุ่มโจมตีเหยื่ออยู่กับวิธีการหลบ ๆ ซ่อน ๆ มังกรโคโมโดกินโดยการฉีกขาดของชิ้นใหญ่เนื้อและกลืนกินพวกเขาทั้งในขณะที่ถือซากลงกับขาของพวกเขา เริ่มต้นการผสมพันธุ์ระหว่างเดือนพฤษภาคมและสิงหาคมและไข่จะวางในเดือนกันยายน มันเป็นสายพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ ตั้งแต่นี้ยักษ์จิ้งจกได้รับการป้องกันและการสร้างอุทยานแห่งชาติโคโมโดจำนวนของพวกเขาเป็นจริงที่เพิ่มขึ้น แต่ช้ามาก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มันถูกค้นพบหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมาใน 1910 จากนั้นในปี 1912 , การสำรวจทางวิทยาศาสตร์การ และพวกเขาจับมังกรหลาย Komodo มังกรอาศัยอยู่บนเกาะโคโมโดในอุทยานแห่งชาติ มันเป็นกิ้งก่าที่ใหญ่ที่สุดบนโลก โคโมโดมันมีช่วงอายุ 50 ปี ความยาวของพวกเขาได้ถึง 3 เมตร Komodo มังกรก็ยังหนักจิ้งจกและมันสามารถน้ำหนักถึง 70 กิโลกรัม มังกรโคโมโดล่า และซุ่มโจมตีเหยื่อ ได้แก่ สัตว์ นก และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โคโมโดดราก้อนสามารถเห็นวัตถุไกลถึง 300 เมตร แต่เนื่องจากลักษณะเพียงประกอบด้วยกรวย มันเป็นความคิดที่จะมีวิสัยทัศน์กลางคืนไม่ดี โคโมโดดราก้อนสามารถมองเห็นสี แต่ได้จำแนกภาพไม่ดีของวัตถุที่หยุดนิ่ง โคโมโดดราก้อนใช้ลิ้นได้รสและกลิ่นสิ่งเร้าเช่นเดียวกับสัตว์เลื้อยคลานอื่น ๆอีกมากมายกับ vomeronasal ความรู้สึกใช้ Jacobson ของอวัยวะ แทนที่จะใช้ nostrils . มันถูกอ้างว่าพวกเขาได้กัดพิษ โคโมโดดราก้อนชอบร้อนและแห้งแล้ง และมักจะอาศัยอยู่ในป่า และป่าเขตร้อนแห้งต่ำระดับ . กำบัง , มังกรโคโมโดขุดหลุมที่สามารถวัดได้ตั้งแต่ 1 - 3 เมตร กว้างกับ forelimbs ที่มีประสิทธิภาพและกรงเล็บ เพราะมีขนาดใหญ่และนิสัยชอบนอนในโพรงเหล่านี้ก็สามารถที่จะอนุรักษ์ความร้อนในร่างกายตลอดทั้งคืนและลดระยะเวลาของการนอนอาบแดดตอนเช้าหลังจาก แม้ว่าจะกินซากสัตว์เป็นส่วนใหญ่ ก็จะยังมีชีวิตอยู่การซุ่มโจมตีเหยื่อด้วยวิธีการแบบหลบๆซ่อนๆ Komodo มังกรกินโดยการฉีกชิ้นใหญ่เนื้อและกลืนกินพวกเขาทั้งหมดในขณะที่ถือซากลงกับ forelegs ของพวกเขา การผสมพันธุ์เริ่มระหว่างเดือนพฤษภาคมและสิงหาคม และไข่จะถูกวางในเดือนกันยายน มันเป็นสายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์ . ตั้งแต่จิ้งจกยักษ์นี้ได้รับการคุ้มครอง และการสร้างของอุทยานแห่งชาติ จำนวนของพวกเขาจะเพิ่มขึ้น แต่ช้ามาก