Pink mealybug, Phenacoccus manihoti

Pink mealybug, Phenacoccus manihoti Matile-Ferrero (Hemiptera: Pseudococcidae), is one of the most virulent pests of cassava (Manihot esculenta) (Bellotti et al., 1999). The peak population of the mealybug was during the dry season (Hillocks et al., 2001; Lebot, 2009). In Africa, damaged of pink mealybug can reduce more than 80% cassava yield (Nwanze, 1985). It has spread across the width of Africa in a period of 16 years (CABI, 2012) at a rate of 150 km/year (Winotai et al., 2010). The mealybug fed causes severe distortion of terminal shoots,
yellowing and curling of leaves. Its feeding also
reduces the length of the internodes, stunts and weakens the stems that used for crop propagation. In fact, Hodgkiss (2012) asserted that mealybug is a more common insect that attacks succulent plants varieties. The pink mealybug was accidentally
introduced to Thailand, and was reported in Nakhon Ratchasima, Rayong and Buri Rum provinces in 2007 (Vaenkeo, 2009). Since 2009, P. manihoti has become a major pest of cassava. During 2009-2010 P. manihoti caused yield loss up to 50%, at an
estimated value of US$ 30 million (Winotai et al., 2010). There are 150 cassava varieties that
susceptible to this insect (Bellotti, 1978). However, there was no record data on the susceptibility or resistance varieties to P.manihoti grown in Thailand. Therefore, this study aimed to compare the
population and infestation level of pink mealybug on the four popular growing cassava varieties
(Kasetsart 50, Huaybong 60, Rayong 9 and Rayong 72) in the Northeast of Thailand.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เพลี้ยแป้งสีชมพู Phenacoccus manihoti รอ Matile (Hemiptera: Pseudococcidae), เป็นหนึ่งในศัตรูพืชรุนแรงมากที่สุดของมันสำปะหลัง (Manihot อ่อน) (Bellotti et al. 1999) ประชากรสูงของเพลี้ยแป้งเป็นช่วงฤดูแล้ง (Hillocks et al. 2001 Lebot, 2009) ในทวีปแอฟริกา ทำลายของเพลี้ยแป้งสีชมพูสามารถลดมากกว่า 80% มันสำปะหลังผลผลิต (Nwanze, 1985) มันมีแพร่กระจายตามความกว้างของทวีปแอฟริกาในช่วง 16 ปี (นำ 2012) ในอัตรา 150 กม.ปี (Winotai et al. 2010) เพลี้ยแป้งเลี้ยงผิดเพี้ยนอย่างรุนแรงสาเหตุของเทอร์มินัลหน่อเหลือง และดัดผมของใบ การให้อาหารยังลดความยาวของหม้อ stunts และลำต้นที่ใช้สำหรับการเผยแพร่พืชอ่อนตัว ในความเป็นจริง Hodgkiss (2012) ถูกกล่าวหาว่า เพลี้ยแป้งเป็นแมลงทั่วไปที่โจมตีพันธุ์พืชฉ่ำ เพลี้ยแป้งสีชมพูได้โดยบังเอิญนำประเทศไทย และมีรายงานในจังหวัดนครราชสีมา ระยอง และ รัมบุรีใน 2007 (Vaenkeo, 2009) ตั้งแต่ 2009, P. manihoti กลาย เป็นสัตว์รบกวนที่สำคัญของมันสำปะหลัง ระหว่าง manihoti P. 2009-2010 ที่เกิดจากผลขาดทุนถึง 50% ที่มีประเมินค่าของ $ 30 ล้าน (Winotai et al. 2010) มี 150 พันธุ์มันสำปะหลังที่ไวต่อการนี้แมลง (Bellotti, 1978) อย่างไรก็ตาม ก็ไม่บันทึกข้อมูลแบบความอ่อนแอหรือความต้านทานการ P.manihoti ที่ปลูกในประเทศไทย ดังนั้น การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบการเพลี้ยแป้งสีชมพูนิยมปลูกมันสำปะหลังแบบสี่ระดับประชากรและรบกวน(50, Huaybong 60 ระยอง 9 และระยอง 72 เกษตรศาสตร์) ในประเทศไทย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เพลี้ยแป้งสีชมพู Phenacoccus manihoti Matile-Ferrero (Hemiptera: Pseudococcidae) เป็นหนึ่งในศัตรูพืชที่รุนแรงที่สุดของมันสำปะหลัง (Manihot esculenta) (. Bellotti, et al, 1999) ประชากรสูงสุดของเพลี้ยแป้งได้ในช่วงฤดูแล้ง (ปิดกั้น et al, 2001;. Lebot 2009) ในแอฟริกาที่เสียหายของเพลี้ยแป้งสีชมพูสามารถลดมากกว่า 80% มันสำปะหลังผลผลิต (Nwanze, 1985) มันมีการแพร่กระจายความกว้างของแอฟริกาในช่วงเวลา 16 ปี (CABI 2012) ในอัตรา 150 กม. / ปี (Winotai et al., 2010) เฟดเพลี้ยแป้งทำให้เกิดการบิดเบือนอย่างรุนแรงของหน่อ terminal,
สีเหลืองและดัดผมของใบ การให้อาหารมันยัง
ช่วยลดความยาวของปล้องที่ต้องเลิกและอ่อนลำต้นที่ใช้สำหรับการขยายพันธุ์พืช ในความเป็นจริง Hodgkiss (2012) ถูกกล่าวหาว่าเพลี้ยแป้งเป็นแมลงทั่วไปที่โจมตีพืชอวบน้ำพันธุ์ เพลี้ยแป้งสีชมพูตั้งใจ
แนะนำให้รู้จักกับประเทศไทยและได้รับการรายงานในนครราชสีมา, ระยองและบุรีรัมย์จังหวัดในปี 2007 (Vaenkeo 2009) ตั้งแต่ปี 2009, P. manihoti ได้กลายเป็นศัตรูพืชที่สำคัญของมันสำปะหลัง ในช่วง 2009-2010 พี manihoti ก่อให้เกิดการสูญเสียผลผลิตได้ถึง 50% โดยมี
มูลค่าประมาณ US $ 30 ล้าน (Winotai et al., 2010) มี 150 สายพันธุ์มันสำปะหลังที่มี
ความอ่อนไหวต่อแมลงชนิดนี้ (Bellotti, 1978) แต่ไม่มีการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับความอ่อนแอหรือความต้านทานสายพันธุ์ที่จะ P.manihoti ที่ปลูกในประเทศไทย ดังนั้นการศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบ
ประชากรและการรบกวนระดับของเพลี้ยแป้งสีชมพูในสี่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ พันธุ์มันสำปะหลัง
(เกษตรศาสตร์ 50, ห้วยบง 60, ระยอง 9 ระยอง 72) ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เพลี้ยแป้งสีชมพู phenacoccus manihoti matile เฟอร์เรโร่ ( อันดับ Hemiptera : pseudococcidae ) , เป็นหนึ่งในศัตรูพืชที่รุนแรงที่สุดของมันสำปะหลัง ( มันสำปะหลัง ) ( bellotti et al . , 1999 ) ยอดประชากรของเพลี้ยแป้งอยู่ในฤดูแล้ง ( เนินเขา et al . , 2001 ; lebot , 2009 ) ในแอฟริกา , ความเสียหายของเพลี้ยแป้งสีชมพูสามารถลดมากกว่า 80 % ผลผลิตมันสำปะหลัง ( nwanze , 1985 ) มันมีการกระจายความกว้างของทวีปแอฟริกาในช่วง 16 ปี ( cabi 2012 ) ในอัตรา 150 km / ปี ( วิโนทัย et al . , 2010 ) มีสาเหตุรุนแรงของเพลี้ยแป้งป้อนบิดเบือนสถานียิงสีเหลืองและม้วนใบ ของอาหารยังลดความยาวของปล้อง stunts และอ่อนตัวของก้านที่ใช้เพาะปลูก ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด ในความเป็นจริง hodgkiss ( 2012 ) กล่าวหาว่า เพลี้ยแป้ง เป็นแมลงที่กินพืชทั่วไปการโจมตีพันธุ์ เพลี้ยแป้งสีชมพูโดยบังเอิญแนะนำประเทศไทย และมีรายงานว่า ในจังหวัดนครราชสีมา และบุรีรัมย์ จังหวัดระยอง ในปี 2550 ( vaenkeo , 2009 ) ตั้งแต่ 2009 , หน้า manihoti กลายเป็นศัตรูพืชที่สําคัญของมันสำปะหลัง ในส่วนหน้า manihoti ทำให้ผลผลิตเสียหายถึง 50% ที่มูลค่าประมาณ US $ 30 ล้าน ( วิโนทัย et al . , 2010 ) มี 150 พันธุ์มันสำปะหลังที่อ่อนแอต่อแมลง ( bellotti , 1978 ) แต่ไม่มีการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับความไวหรือความต้านทานนานาให้ p.manihoti ที่ปลูกในประเทศไทย ดังนั้นการศึกษาครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบประชากรและการทำลายของเพลี้ยแป้งสีชมพูในระดับสี่ที่นิยมปลูกมันสำปะหลังพันธุ์( เกษตรศาสตร์ 50 Huaybong 60 ระยอง 9 ระยอง 72 ) ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย