It helps to understand the differen

It helps to understand the different kinds of acne so you can figure out what to do about different types of scarring: Acne lesions or pimples happen when the hair follicles (or "pores") on the skin become plugged with oil and dead skin cells. A plugged follicle is the perfect place for bacteria to grow and create the red bumps and pus-filled red bumps known as pimples.

Acne comes in different forms:
•mild acne, which refers to the whiteheads or blackheads that most of us get at various times
•moderate acne, which includes red inflamed pimples called papules and red pimples with white centers called pustules
•severe acne, which causes nodules — painful, pus-filled cysts or lumps — to appear under the skin

Most serious scarring is caused by the more severe forms of acne, with nodules more likely to leave permanent scars than other types of acne.

The best approach is to get treatment for acne soon after it appears to prevent further severe acne and more scarring. If you have nodules, see your doctor or dermatologist for treatment.

Treating Acne Scars

Most of the time, those reddish or brownish acne marks that are left behind after a pimple eventually fade with no need for treatment. Picking or squeezing acne can increase the risk for scarring, though.

Acne scars take two forms:
1.scars with a gradual dip or depression (sometimes called "rolling" scars)
2.scars that are deep and narrow

A person's acne needs to be under control before scars can be treated.

Mild vs. Severe Scarring

Treatments depend on how severe the scars are. In some cases, a doctor or dermatologist may suggest a chemical peel or microdermabrasion to help improve the appearance of scarred areas. These milder treatments can be done right in the office.

If you have serious scarring from previous bouts with acne, there are several things you can do:
•Laser resurfacing. This procedure can be done in the doctor's or dermatologist's office. The laser removes the damaged top layer of skin and tightens the middle layer, leaving skin smoother. It can take anywhere from a few minutes to an hour. The doctor will try to lessen any pain by first numbing the skin with local anesthesia. It usually takes between 3 and 10 days for the skin to heal completely.
•Dermabrasion. This treatment uses a rotating wire brush or spinning diamond instrument to wear down the surface of the skin. As the skin heals, a new, smoother layer replaces the abraded skin. It may take a bit longer for skin to heal using dermabrasion — usually between 10 days and 3 weeks.
•Fractional laser therapy. This type of treatment works at a deeper level than laser resurfacing or dermabrasion, Because fractional laser therapy doesn't wound the top layer of tissue, healing time is shorter. Someone who has had this type of treatment may just look a bit sunburned for a couple of days.

For "rolling" scars, doctors sometimes inject material under the scar to raise it to the level of normal skin. Finally, in some cases, a doctor may recommend surgery to remove deeply indented scars.

One thing you shouldn't do to deal with acne scars is load up your face with masks or fancy lotions — these won't help and may irritate your skin further, making the scars red and even more noticeable.

If you have a red or brownish mark on your face that you got from a bad zit, it should eventually fade. However, it may take 12 months or longer. Talk to your doctor if you're upset about acne marks; he or she may have advice on what you can do.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ช่วยเข้าใจสิวชนิดต่าง ๆ เพื่อให้คุณสามารถคิดออกสิ่งที่ต้องทำเกี่ยวกับชนิดของรอยแผลเป็น: ได้จากรอยแผลสิวหรือสิวเกิดขึ้นเมื่อรูขุมขน (หรือ "รูขุมขน") บนผิวหนังกลายเป็นเสียบกับน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตาย Follicle ที่เสียบเข้าเป็นสถานที่สำหรับแบคทีเรียจะเติบโต และสร้างสีแดงกระแทกและเต็มไปด้วยหนองแดงกระแทกเป็นสิวสิวมาในรูปแบบต่าง ๆ:•mild สิว ซึ่งอ้างอิง whiteheads หรือเกิดสิวหัวดำที่สุดของเราที่เวลาต่าง ๆเรียกว่า papules และสิวสีแดงกับสีขาวศูนย์เรียกว่า pustules สิวอักเสบสิว •moderate ซึ่งมีสีแดง•severe สิว ซึ่งทำให้ nodules — ซีสต์ เต็มไป ด้วยหนองเจ็บปวดหรือน่า — จะปรากฏภายใต้ผิวหนังรอยแผลเป็นที่รุนแรงส่วนใหญ่เกิดจากสิว มี nodules มักทิ้งรอยแผลเป็นถาวรกว่าชนิดอื่น ๆ ของสิวแบบรุนแรงมากขึ้นวิธีดีที่สุดคือการ ได้รับการรักษาสิวเร็ว ๆ นี้หลังจากปรากฏการป้องกันสิวอย่างรุนแรงและเกิดแผลเป็นมากขึ้น ถ้าคุณมี nodules ดูหมอหรือแพทย์สำหรับการรักษาของคุณรักษารอยแผลเป็นจากสิวส่วนใหญ่แล้ว บรรดาน้ำตาล หรือน้ำตาลสิวที่ถูกทิ้งหลังจากการเกิดสิวในที่สุดตก โดยไม่จำเป็นสำหรับการรักษา รับ หรือ squeezing สิวสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดแผลเป็น แต่สิวมีสองรูปแบบ:1.แผลเป็นค่อย ๆ จุ่มหรือภาวะซึมเศร้า (บางครั้งเรียกว่า "กลิ้ง" รอยแผลเป็น)2.รอยแผลเป็นที่ลึก และแคบสิวของคนต้องอยู่ภายใต้การควบคุมก่อนสามารถรักษารอยแผลเป็นไม่รุนแรงเทียบกับรอยแผลเป็นที่รุนแรงการรักษาขึ้นอยู่กับมีรอยแผลเป็นรุนแรง ในบางกรณี แพทย์หรือแพทย์อาจแนะนำเคมีเปลือกหรือ microdermabrasion เพื่อช่วยปรับปรุงลักษณะของแผลเป็น พะแนงการรักษาเหล่านี้สามารถทำได้ในสำนักงานได้ถ้าคุณมีรอยแผลเป็นอย่างจริงจังจากใหญ่ทางธุรกิจก่อนหน้านี้กับสิว มีหลายสิ่งที่คุณ:•Laser resurfacing ขั้นตอนนี้สามารถทำได้ในการแพทย์หรือแพทย์ของสำนักงาน เลเซอร์เอาชั้นบนสุดที่เสียหายของผิวหนัง และกระชับหน้าของชั้นกลาง ออกจากผิวเรียบ มันสามารถใช้ทุกกี่นาทีถึงหนึ่งชั่วโมง แพทย์จะพยายามลดความเจ็บปวดใด ๆ โดยแรก numbing ผิวหนัง ด้วยยาภายใน มักจะใช้ระหว่างวันที่ 3 และ 10 สำหรับผิวไป•Dermabrasion การรักษานี้ใช้เครื่องหมุนลวดแปรงหรือปั่นเพชรมือเซาะพื้นผิวของผิวหนัง ตามผิวหนังรักษา ใหม่ ชั้นเรียบแทนผิว abraded มันอาจใช้เวลานานหน่อยสำหรับผิวหนังการรักษาใช้ dermabrasion — ปกติระหว่างสัปดาห์ที่ 3 และ 10 วันได้การรักษาด้วยเลเซอร์ •Fractional รักษาชนิดนี้ทำงานในระดับลึกกว่าเลเซอร์ resurfacing หรือ dermabrasion เนื่องจากเลเซอร์เศษไม่แผลชั้นบนสุดของเนื้อเยื่อ รักษาเวลาจะสั้นลง คนที่มีการรักษาชนิดนี้อาจเพียงมองบิต sunburned สำหรับสองสามวันสำหรับ "กลิ้ง" รอยแผลเป็น หมอฉีดวัสดุภายใต้แผลเป็นเพื่อยกระดับของผิวปกติบางครั้ง สุดท้าย ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัดเอาแผลเป็นลึกเยื้องสิ่งหนึ่งที่คุณไม่ควรจัดการกับสิวคือ โหลดขึ้นกับผิวหน้าด้วยหน้ากากหรือโลชั่นแฟนซี — เหล่านี้จะไม่ช่วย และอาจทำให้ระคายเคืองผิวเพิ่มเติม ทำให้รอยแผลเป็นสีแดง และยิ่งเห็นได้ชัดถ้าคุณมีเครื่องหมายสีแดง หรือน้ำตาลบนใบหน้าของคุณที่คุณได้จาก zit ดี มันควรในที่สุดตก อย่างไรก็ตาม มันอาจใช้เวลา 12 เดือน หรือนานกว่า พูดคุยกับแพทย์ของคุณถ้าคุณไม่พอใจเกี่ยวกับสิว เขาหรือเธออาจมีคำแนะนำในสิ่งที่คุณสามารถทำ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มันจะช่วยให้เข้าใจที่แตกต่างกันของการเกิดสิวเพื่อให้คุณสามารถคิดออกว่าจะทำเกี่ยวกับประเภทที่แตกต่างกันของรอยแผลเป็นรอยแผลสิวหรือสิวเกิดขึ้นเมื่อรูขุมขน (หรือ "รูขุมขน") บนผิวกลายเป็นเสียบกับน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว รูขุมขนเสียบเป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับแบคทีเรียที่จะเติบโตและสร้างกระแทกสีแดงและหนองเต็มไปกระแทกสีแดงที่รู้จักกันเป็นสิว. สิวมาในรูปแบบที่แตกต่างกัน: •สิวอ่อนซึ่งหมายถึง whiteheads หรือสิวหัวดำที่ส่วนใหญ่ของเราได้รับที่ต่างๆ ครั้ง•สิวปานกลางซึ่งรวมถึงสิวอักเสบสีแดงที่เรียกว่ามีเลือดคั่งและสิวสีแดงกับสีขาวที่เรียกว่าศูนย์ pustules •สิวรุนแรงซึ่งเป็นสาเหตุของสิว - เจ็บปวดซีสต์หนองเต็มไปหรือก้อน - ที่จะปรากฏอยู่ใต้ผิวหนังทำให้เกิดแผลเป็นที่รุนแรงส่วนใหญ่เกิดจากการที่มากขึ้น รูปแบบที่รุนแรงของสิวที่มีก้อนที่มีแนวโน้มที่จะทิ้งรอยแผลเป็นถาวรกว่าชนิดอื่น ๆ ของการเกิดสิว. วิธีที่ดีที่สุดคือการได้รับการรักษาสิวเร็ว ๆ นี้หลังจากที่มันจะปรากฏขึ้นเพื่อป้องกันการเกิดสิวที่รุนแรงต่อไปและรอยแผลเป็นมากขึ้น หากคุณมีสิวพบแพทย์หรือแพทย์ผิวหนังของคุณสำหรับการรักษา. การรักษารอยแผลเป็นจากสิวส่วนใหญ่เวลาที่ผู้สีแดงหรือเครื่องหมายสิวสีน้ำตาลที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังหลังจากสิวในที่สุดจางหายไปกับความจำเป็นในการรักษา หยิบหรือบีบสิวสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดแผลเป็นแม้ว่า. รอยแผลเป็นสิวใช้สองรูปแบบ: 1.scars กับกรมทรัพย์สินทางปัญญาอย่างค่อยเป็นค่อยไปหรือภาวะซึมเศร้า (บางครั้งเรียกว่า "กลิ้ง" รอยแผลเป็น) 2.scars ที่ลึกและแคบสิวของบุคคลจะต้องมีการ ภายใต้การควบคุมก่อนที่รอยแผลเป็นสามารถรักษาได้. Mild กับแผลเป็นที่รุนแรงการรักษาขึ้นอยู่กับวิธีการที่รุนแรงเป็นรอยแผลเป็น ในบางกรณีแพทย์หรือแพทย์ผิวหนังอาจแนะนำเปลือกเคมีหรือ microdermabrasion เพื่อช่วยปรับปรุงลักษณะของพื้นที่ที่มีรอยแผลเป็น . การรักษาเหล่านี้จ้าสามารถทำได้ทันทีในสำนักงานหากคุณมีรอยแผลเป็นที่รุนแรงจากศึกก่อนหน้านี้มีสิวมีหลายสิ่งที่คุณสามารถทำได้: resurfacing •เลเซอร์ ขั้นตอนนี้สามารถทำได้ในแพทย์หรือสำนักงานของแพทย์ผิวหนัง เลเซอร์เอาชั้นบนเสียหายของผิวและกระชับชั้นกลางออกจากผิวเรียบเนียน มันสามารถใช้ที่ใดก็ได้จากไม่กี่นาทีถึงหนึ่งชั่วโมง แพทย์จะพยายามที่จะช่วยลดความเจ็บปวดใด ๆ โดยครั้งแรกที่ทำให้มึนงงผิวด้วยยาชาเฉพาะที่ มันจะใช้เวลาระหว่าง 3 และ 10 วันสำหรับผิวในการรักษาอย่างสมบูรณ์. • Dermabrasion การรักษานี้ใช้แปรงลวดหมุนหรือปั่นเครื่องมือเพชรที่จะสวมใส่ลงบนพื้นผิวของผิว ในฐานะที่เป็นสมานผิวใหม่ที่เรียบเนียนแทนที่ชั้นผิว abraded มันอาจต้องใช้เวลาอีกนานสำหรับผิวที่จะรักษาโดยใช้ Dermabrasion -. ปกติจะอยู่ระหว่าง 10 วันและ 3 สัปดาห์•การรักษาด้วยเลเซอร์ Fractional ประเภทของการรักษานี้จะทำงานในระดับที่ลึกกว่าเลเซอร์หรือ Dermabrasion เพราะการรักษาด้วยเลเซอร์เศษส่วนไม่ได้แผลที่ชั้นบนของเนื้อเยื่อ, การรักษาเวลาที่สั้นลง คนที่มีประเภทของการรักษานี้ก็อาจจะดูเล็กน้อยแดดเผาสำหรับสองสามวัน. สำหรับ "กลิ้ง" รอยแผลเป็นแพทย์บางครั้งฉีดวัสดุภายใต้รอยแผลเป็นที่จะยกระดับให้ระดับของผิวปกติ สุดท้ายในบางกรณีแพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัดเอาแผลเป็นเว้าลึก. สิ่งหนึ่งที่คุณไม่ควรทำในการจัดการกับรอยแผลเป็นจากสิวเป็นโหลดขึ้นใบหน้าของคุณกับมาสก์หรือโลชั่นแฟนซี - เหล่านี้จะไม่ช่วยและอาจระคายเคืองผิวของคุณ ต่อไปทำให้รอยแผลเป็นสีแดงและแม้เห็นได้ชัดเจนขึ้น. ถ้าคุณมีเครื่องหมายสีแดงหรือสีน้ำตาลบนใบหน้าของคุณที่คุณได้รับจากสิวที่เลวร้ายที่สุดก็ควรจะจางหายไป แต่อาจต้องใช้เวลา 12 เดือนหรือนานกว่านั้น พูดคุยกับแพทย์ของคุณถ้าคุณไม่พอใจเกี่ยวกับรอยสิว เขาหรือเธออาจจะมีคำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่คุณสามารถทำได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มันช่วยให้เข้าใจชนิดของสิวที่คุณสามารถคิดออกว่าจะทำเกี่ยวกับชนิดแตกต่างกันของแผลเป็น : รอยสิวหรือสิวเกิดขึ้นเมื่อรูขุมขน ( หรือ " รู " ) บนผิวกลายเป็นเสียบกับน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เป็นเสียบรูขุมขนเป็นสถานที่สมบูรณ์แบบสำหรับแบคทีเรียที่จะเติบโตและสร้างการกระแทกสีแดงและหนองเต็มไปกระแทกสีแดงที่รู้จักกันเป็นสิว

สิวมาในรูปแบบที่แตกต่างกัน :
- อ่อนสิว ซึ่งหมายถึงการ whiteheads blackheads หรือที่เราส่วนใหญ่ไปที่ต่าง ๆเวลา
- บรรเทาสิวอักเสบสิวซึ่งประกอบด้วยสีแดงเรียกว่า papules และ pustules สิวสีแดงกับสีขาวศูนย์เรียกว่า
- สิวรุนแรง ซึ่งทำให้เกิดปม - เจ็บปวด หนองเต็มซีสต์หรือก้อน - ปรากฏอยู่ใต้ผิว

ร้ายแรงที่สุดแผลเป็นเกิดจากรูปแบบที่รุนแรงมากขึ้นของสิว กับสิวมักจะทิ้งรอยแผลเป็นถาวรกว่าชนิดอื่น ๆของสิว

วิธีที่ดีที่สุดที่จะได้รับสำหรับการรักษาสิวทันทีหลังจากที่มันปรากฏขึ้นเพื่อป้องกันเพิ่มเติมสิวรุนแรงและเกิดแผลเป็น ถ้าคุณมีสิว , พบแพทย์หรือแพทย์ผิวหนังของคุณสำหรับการรักษาสิว .



ส่วนใหญ่ของเวลาผู้ที่เป็นสิว รอยแดง หรือสีน้ำตาลทางด้านซ้ายหลังสิวหายในที่สุดโดยไม่ต้องมีการรักษา เลือกหรือบีบสิวสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดแผลเป็นนะ

รอยสิวใช้สองรูปแบบ :
1.scars ด้วยจุ่มทีละส่วนหรือภาวะซึมเศร้า ( บางครั้งเรียกว่า " รีด " แผลเป็น )
2.scars ที่ลึกและแคบ

คนเป็นสิวต้องควบคุมก่อน

แผลเป็นสามารถปฏิบัติได้อ่อนกับ scarring รุนแรง

การรักษาขึ้นอยู่กับวิธีการรุนแรง scars . ในบางกรณีแพทย์หรือแพทย์อาจแนะนำให้เปลือกเคมีหรือ microdermabrasion เพื่อช่วยปรับปรุงลักษณะของแผลเป็นบริเวณ ทรีทเม้นต์เพื่อไม่เหล่านี้สามารถทำในสำนักงาน .

ถ้าคุณมีรอยแผลเป็นจากสิวรุนแรงเท่านั้น ก่อนหน้านี้ มีหลายสิ่งที่คุณสามารถทำ :
- เลเซอร์ ผิวหนังขั้นตอนนี้สามารถทำได้ในสำนักงานของแพทย์หรือแพทย์ผิวหนัง . เลเซอร์ลบความเสียหายชั้นบนของผิวและกระชับชั้นกลางออกจากผิวเรียบเนียน สามารถใช้ที่ใดก็ได้จากสองสามนาทีถึงหนึ่งชั่วโมง หมอจะพยายามลดทอนความเจ็บปวดใด ๆ โดยครั้งแรกมึนงงผิวด้วยยาชาท้องถิ่น มันมักจะใช้เวลาระหว่าง 3 และ 10 วัน เพื่อสมานผิวให้สมบูรณ์
- Dermabrasion . การรักษานี้ใช้แปรงลวดหมุนหรือเครื่องมือเพชรปั่นใส่ลงบนพื้นผิวของผิว เป็นผิว heals , ใหม่ , ชั้นเรียบแทนผิวหนัง . มันอาจจะใช้เวลาสักหน่อยเพื่อสมานผิวให้ใช้ Dermabrasion - มักจะอยู่ระหว่าง 10 วันและสัปดาห์ที่ 3 .
- เศษส่วนการรักษาด้วยเลเซอร์ .ชนิดของผลงานการรักษาในระดับลึกกว่าหรือ dermabrasion เลเซอร์ผิวหนัง , เศษส่วนการรักษาด้วยเลเซอร์ไม่ได้ เพราะแผลที่ชั้นบนสุดของ เนื้อเยื่อ เวลาการรักษาจะสั้นกว่า บุคคลที่มีประเภทของการรักษานี้อาจจะดูเกรียมแดดนิดหน่อย 2-3 วัน

" รีด " แผลเป็น แพทย์บางครั้งฉีดวัสดุภายใต้แผลเป็นเพิ่มให้ระดับผิวปกติในที่สุด ในบางกรณีแพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัดเอาเว้าลึก scars

สิ่งหนึ่งที่คุณไม่ควรทำเพื่อจัดการกับสิว มันโหลดขึ้นใบหน้าของคุณ ด้วยโลชั่นหรือสวมหน้ากากแฟนซี -- เหล่านี้จะไม่ช่วยและอาจระคายเคืองผิวของคุณเพิ่มเติม ทำให้แผลเป็นสีแดง และยังสามารถเพิ่มเติม

ถ้า คุณมีเครื่องหมายสีแดงหรือสีน้ำตาลบนใบหน้าของคุณที่คุณได้รับจากสิวที่ไม่ดีก็ควรในที่สุดจางหายแต่มันอาจจะใช้เวลา 12 เดือนหรือนานกว่านั้น พูดคุยกับแพทย์ของคุณถ้าคุณไม่พอใจเรื่องรอยสิว เขาหรือเธออาจได้คำแนะนำอะไรที่คุณสามารถทำ .