ผลการวิจัยพบว่า นักศึกษามีความเครีย

ผลการวิจัยพบว่า นักศึกษามีความเครียดอยู่ในระดับปกติร้อยละ 51.43

ปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียดอันดับหนึ่ง คือ กลัวอ่านหนังสือไม่ทัน ร้อยละ 89.7

อันกับสองคือ กลัวทำข้อสอบไม่ได้ ร้อยละ 89.5 วิธีการจัดการความเครียดที่ใช้กันมากอันดับหนึ่งคือ ดูหนัง ฟังเพลง ดูโทรทัศน์ ร้อยละ 97.5 อันดับสองคือ ทำจิตใจให้สงบ ยอมรับสถานการณ์ ปล่อยวาง ร้อยละ 90.2

At the ends with self-harm and suicide
วารสาร


King Mongkut’s Institute of Technology North Bangkok

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ผลการวิจัยพบว่านักศึกษามีความเครียดอยู่ในระดับปกติร้อยละ 51.43 ปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียดอันดับหนึ่งคือกลัวอ่านหนังสือไม่ทันร้อยละ 89.7 อันกับสองคือกลัวทำข้อสอบไม่ได้ร้อยละ 89.5 วิธีการจัดการความเครียดที่ใช้กันมากอันดับหนึ่งคือดูหนังฟังเพลงดูโทรทัศน์ร้อยละ 97.5 อันดับสองคือทำจิตใจให้สงบยอมรับสถานการณ์ปล่อยวางร้อยละ 90.2ที่ลงท้ายด้วยเป็นอันตรายต่อตนเอง และฆ่าตัวตายวารสาร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผลการวิจัยพบว่า คือกลัวอ่านหนังสือไม่ทันร้อยละ 89.7 อันกับสองคือกลัวทำข้อสอบไม่ได้ร้อยละ 89.5 ดูหนังฟังเพลงดูโทรทัศน์ร้อยละ 97.5 อันดับสองคือทำจิตใจให้สงบยอมรับสถานการณ์ปล่อยวางร้อยละ 90.2 ที่จบลงด้วยการทำร้ายตัวเองและการฆ่าตัวตายวารสารพระจอมเกล้าสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผลการวิจัยพบว่านักศึกษามีความเครียดอยู่ในระดับปกติร้อยละ 51.43

ปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียดอันดับหนึ่งความกลัวอ่านหนังสือไม่ทันร้อยละสูงที่สุด

อันกับสองคือกลัวทำข้อสอบไม่ได้ร้อยละ 895 วิธีการจัดการความเครียดที่ใช้กันมากอันดับหนึ่งคือดูหนังฟังเพลงดูโทรทัศน์ร้อยละ 97.5 อันดับสองคือทำจิตใจให้สงบยอมรับสถานการณ์ปล่อยวางร้อยละ 90.2

ที่ลงท้ายด้วยตนเองอันตรายและการฆ่าตัวตาย



วารสารสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ