You can get lycopene from tomatoes,

You can get lycopene from tomatoes, particularly cooked and stewed tomatoes, but “on a fresh basis, you can’t do better than watermelon,” said Penelope Perkins-Veazie, a professor at North Carolina State University in Raleigh who has studied lycopene and is an unpaid science adviser to the National Watermelon Promotion Board. Red watermelon has more lycopene than other watermelon varieties, and “seedless watermelon tends to have more,” she said.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

คุณสามารถได้รับไลโคปีนจากมะเขือเทศ สุก และพะโล้มะเขือเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่ง แต่ "บนพื้นฐานสด คุณไม่สามารถทำได้ดีกว่าแตงโม กล่าวว่า เพอร์กิน Penelope-Veazie อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐนอร์ทแคโรไลนาใน Raleigh ซึ่งได้ศึกษาไลโคปีน และ ที่ปรึกษาวิทยาศาสตร์ยังไม่ได้ชำระให้คณะกรรมการส่งเสริมการขายแตงโมชาติ เธอบอกว่า แตงโมสีแดงมีไลโคปีนมากขึ้นกว่าแตงโมพันธุ์ และอื่น ๆ "แตงโมไร้เมล็ดมีแนวโน้มมากขึ้น"

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

คุณจะได้รับไลโคปีนจากมะเขือเทศสุกโดยเฉพาะอย่างยิ่งและตุ๋นมะเขือเทศ แต่ "บนพื้นฐานของความสดใหม่ที่คุณไม่สามารถทำได้ดีกว่าแตงโม" เพเนโลพี Perkins-Veazie, อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนารัฐในราลีที่ได้ศึกษาและไลโคปีนกล่าวว่า เป็นที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ที่ค้างชำระให้กับคณะกรรมการส่งเสริมแตงโมแห่งชาติ แตงโมสีแดงมีไลโคปีนมากกว่าพันธุ์แตงโมอื่น ๆ และ "เมล็ดแตงโมมีแนวโน้มที่จะมีมากขึ้น" เธอกล่าว

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

คุณสามารถได้รับไลโคปีนจากมะเขือเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้ม และตุ๋นมะเขือเทศ แต่ " บนพื้นฐานสด คุณทำไม่ได้ดีกว่า แตงโม กล่าวว่า เพเนโลปี้ เพอร์กิ้นส์ veazie , อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐนอร์ทแคโรไลนา ในราลีที่ได้ศึกษาไลโคปีน และเป็นค่าจ้างที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ แตงโมโปรโมชั่นแห่งชาติคณะกรรมการ แตงโมสีแดงมีไลโคปินมากกว่าพันธุ์อื่น ๆและ " แตงโม , แตงโมไม่มีเมล็ด มีแนวโน้มที่จะมีมากขึ้น " เธอกล่าว