Halloween costumes are traditionall

Halloween costumes are traditionally modeled after supernatural figures such as vampires, monsters, ghosts, skeletons, witches, and devils. Over time, in the United States the costume selection extended to include popular characters from fiction, celebrities, and generic archetypes such as ninjas and princesses.

Dressing up in costumes and going "guising" was prevalent in Ireland and Scotland at Halloween by the late 19th century. Costuming became popular for Halloween parties in the US in the early 20th century, as often for adults as for children. The first mass-produced Halloween costumes appeared in stores in the 1930s when trick-or-treating was becoming popular in the United States.

Rev. Dr. Eddie J. Smith, in his book Halloween, Hallowed Be Thy Name, offers a religious perspective to the wearing of costumes on All Hallows' Eve, suggesting that by dressing up as creatures "who at one time caused us to fear and tremble", people are able to poke fun at Satan "whose kingdom has been plundered by our Saviour." Images of skeletons and the dead are traditional decorations used as memento mori

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เครื่องแต่งกายฮาโลวีนมีจำลองประเพณีหลังจากตัวเลขที่เหนือธรรมชาติ เช่นแวมไพร์ มอนสเตอร์ ผี โครงกระดูก ทวิทช์ส ปีศาจ ช่วงเวลา ในสหรัฐอเมริกาการเลือกเครื่องแต่งกายที่ขยายการรวมอักขระนิยมนิยาย ดารา และบุคลิกสากลทั่วไปเช่นนินจาและเจ้าหญิงแต่งเครื่องแต่งกายและไป "guising" ได้แพร่หลายในไอร์แลนด์และสกอตแลนด์ที่ฮาโลวีนโดยช่วงปลายศตวรรษ ปรากฎเป็นที่นิยมสำหรับงานปาร์ตี้ฮาโลวีนในสหรัฐอเมริกาในต้นศตวรรษที่ 20 ได้บ่อยสำหรับผู้ใหญ่สำหรับเด็ก ปรากฏในร้านแต่งกายฮัลโลวีมวลผลิตครั้งแรกในช่วงทศวรรษ 1930 เมื่อทริกออร์ทรีตได้กลายเป็นที่นิยมในสหรัฐอเมริกาย้อนหลังดร.เอ็ดดี้ J. Smith ในหนังสือของเขาฮาโลวีน Hallowed จะบาวทายชื่อ มีมุมมองทางศาสนาการสวมใส่ของชุดบนทั้งหมด Hallows' อีฟ แนะนำว่า โดยแต่งเป็นสิ่งมีชีวิต "ที่ครั้งหนึ่งที่ทำให้เรากลัว และสั่นเครือ" คนจะโผล่ สนุกที่ซาตาน "ราชอาณาจักรที่มีการปล้น โดย Saviour ของเรา" ภาพของโครงกระดูกและคนตายตกแต่งแบบดั้งเดิมที่ใช้เป็น memento mori

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ฮาโลวีนเครื่องแต่งกายเป็นรูปแบบประเพณีหลังจากตัวเลขเหนือธรรมชาติเช่นแวมไพร์มอนสเตอร์, ผี, โครงกระดูก, แม่มดและปีศาจ เมื่อเวลาผ่านไปในประเทศสหรัฐอเมริกาการเลือกเครื่องแต่งกายขยายเพื่อรวมตัวอักษรที่นิยมจากนวนิยายที่มีชื่อเสียงและต้นแบบทั่วไปเช่นนินจาและเจ้าหญิง. การแต่งเนื้อแต่งตัวในเครื่องแต่งกายและไป "Guising" เป็นที่แพร่หลายในไอร์แลนด์และสกอตแลนด์ที่ฮาโลวีนโดยปลายทศวรรษที่ 19 ศตวรรษ เครื่องแต่งกายกลายเป็นที่นิยมสำหรับงานปาร์ตี้ฮาโลวีนในสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ได้บ่อยสำหรับผู้ใหญ่เป็นสำหรับเด็ก มวลผลิตครั้งแรกฮาโลวีนเครื่องแต่งกายที่ปรากฏอยู่ในร้านค้าในช่วงทศวรรษที่ 1930 เมื่อหลอกลวงหรือการรักษาได้กลายเป็นที่นิยมในประเทศสหรัฐอเมริกา. รายได้ ดร. เอ็ดดี้เจสมิ ธ ในหนังสือของเขาวันฮาโลวีนเป็นที่สักการะบูชาของพระองค์ชื่อเสนอมุมมองทางศาสนาที่จะสวมใส่เครื่องแต่งกายในวันส่งท้ายทั้งหมด Hallows 'บอกว่าโดยการแต่งเนื้อแต่งตัวเป็นสิ่งมีชีวิต "ที่ครั้งหนึ่งทำให้เราต้องกลัวและสั่น "ผู้คนมีความสามารถที่จะเย้าแหย่ซาตาน" ที่มีราชอาณาจักรได้รับการปล้นโดยผู้ช่วยให้รอดของเรา. " ภาพโครงกระดูกและคนตายที่มีการตกแต่งแบบดั้งเดิมที่ใช้เป็นของที่ระลึกสุดตา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เครื่องแต่งกายฮัลโลวีเป็นประเพณีที่ modeled หลังจากตัวเลขที่เหนือธรรมชาติ เช่น แวมไพร์ ปีศาจ ผีโครงกระดูก , แม่มดและปีศาจ ตลอดเวลาในประเทศสหรัฐอเมริกาเครื่องแต่งกายความนิยมการขยายเพื่อรวมตัวละครจากนิยาย คนดัง และต้นแบบทั่วไปเช่นนินจา และ เจ้าหญิง

การแต่งเนื้อแต่งตัวในชุดและไป " guising " กำลังแพร่หลายในไอร์แลนด์และสกอตแลนด์ที่ฮาโลวีนโดยปลายศตวรรษที่ 19 . เครื่องแต่งกายกลายเป็นที่นิยมสำหรับบุคคลที่ฮาโลวีนในสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 , มักจะเป็นผู้ใหญ่สำหรับเด็ก แรกที่มวลผลิตเครื่องแต่งกายฮัลโลวีปรากฏในร้านค้าในช่วงทศวรรษที่ 1930 เมื่อหลอกลวงหรือการรักษาได้กลายเป็นที่นิยมในสหรัฐอเมริกา .

คุณพ่อ ดร.เอ็ดดี้ เจ. สมิธ ฮาโลวีน ในหนังสือของเขาชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ มีมุมมองทางศาสนาที่จะสวมเครื่องแต่งกายในวันฮาโลวีนอีฟบอกว่าแต่งตัวเป็นสัตว์ " ที่ ณ เวลาหนึ่ง ทำให้เรากลัวจนตัวสั่น " คนเราจะเย้าแหย่ซาตาน " ที่อาณาจักรได้ถูกขโมยโดย พระผู้ช่วยให้รอดของเรา" ภาพโครงกระดูกและคนตายจะตกแต่งแบบดั้งเดิมที่ใช้เป็นของที่ระลึก โมริ