While visting in 1957, the Klai Kan

While visting in 1957, the Klai Kangwon Palace inspired King Bhumibol to compose the piece of music mamed after it. He then asked Vichai Kokilakanit, a well-known composer at that time, to compose Thai lyrics describing the beautiful scenery and atmosphere at Klai Kangwon. The song was always used as the finale of the performances by his famous jazz band, 'Au Sau Wan Suk', as the band filled the air of Hua Hin with smooth jazz on Saturday nights.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในขณะที่การเยี่ยมชมในปี 1957 ที่พระราชวังไกลกังวลแรงบันดาลใจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลจะแต่งชิ้นส่วนของ Mamed เพลงหลังจากที่มัน จากนั้นเขาก็ถามวิชัย kokilakanit, นักแต่งเพลงที่รู้จักกันดีในเวลานั้นจะแต่งเนื้อเพลงไทยอธิบายทิวทัศน์ที่สวยงามและบรรยากาศที่ไกลกังวล เพลงที่ถูกนำมาใช้มักจะเป็นตอนจบของการแสดงโดยวงดนตรีแจ๊สที่มีชื่อเสียงของเขา 'ลาหรือ wan suk'เป็นวงดนตรีที่เต็มไปอากาศของหัวหินแจ๊สได้อย่างราบรื่นในคืนวันเสาร์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ขณะเยี่ยมชมใน 1957 พระราชวังไกลกังวลได้แรงบันดาลใจของกษัตริย์ภูมิพลในการเขียนชิ้นส่วนของเพลง mamed หลังจากนั้น เขาถามวิชัย Kokilakanit แต่งรู้จักในขณะนั้น ในการเขียนเนื้อเพลงไทยอธิบายฉากสวยงามและบรรยากาศที่กังวลวิชาชีพแล้ว เพลงเสมอใช้เป็น finale ของการแสดง โดยวงแจ๊สของเขามีชื่อเสียง 'อูเซาวานสุข' เป็นวงที่เติมอากาศของหัวหิน ด้วยสมูธแจ๊สในคืนวันเสาร์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในขณะที่ไปใน 1957 ลูกไม้ไกลพระราชวังไกลกังวลซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากพระปรมินทรมหา ภูมิ พลในการเขียนชิ้นนี้ของ mamed เพลงหลังจากนั้น เขาก็ถามว่านายวิชัยเบญจรงคกุ kokilakanit นักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียงในช่วงเวลานั้นในการเขียนเนื้อเพลงไทยอธิบายถึงบรรยากาศและ ทัศนียภาพ ที่สวยงามที่ลูกไม้ไกลไกลกังวล เพลงนี้ได้ใช้เป็นฉากสุดท้ายของละครของการแสดงโดยวงดนตรีแจ็สที่มีชื่อเสียงของเขา" AU SAU WAN สุขเสมอ'เป็นคลื่นความถี่ที่เติมอากาศในเมืองหัวหินพร้อมด้วยดนตรีแจ็สเรียบเนียนในคืนวันเสาร์