Farmers and traders stand to lose b

Farmers and traders stand to lose business as they face a serious challenge from many foreign firms, mainly Singaporean, which have set up rice-trading operations and plantations here under Asean seamless trade.
“Although rice farming and trading are limited to Thais under the Foreign Business Act, many foreigners can easily rent or own land for raising rice and conducting a rice-trading business in the Kingdom,” a rice trader said yesterday.

At a Commerce Ministry seminar on creating a strategy linking local and global businesses, Thai rice exporters urged the government to protect Thai rice-cultivating areas and the trading business from alien residents by urgently checking the ownership of rice plantations and the certificates for running a trading business.

The source said many Singaporean and some other foreign traders are now taking advantage of a loophole in Thai laws to purchase land suitable for paddy fields and starting up rice-trading houses in Thailand. Those foreign investors tend to be Singaporeans, as they can easily come here to do business since their country is one of the Asean members, the source said. The Asean Economic Community hasnow created challenges for Thai rice farmers and traders. Singaporean investors are exploiting free trade within Asean to deal in the grain, which should be restricted to Thais, he said.

Two years ago, the ministry reported that some foreign investors particularly from the Middle East had tried to purchase paddy fields in Thailand. However, the government, through the Department of Special Investigation and the Business Development Department, has not yet managed to investigate the circumstances.

Korbsook Iamsuri, president of the Thai Rice Exporters Association, said some Thai rice exporters are now not Thai, while some foreign rice exporters want to join the association as members.

She said Asean integration was a two-edged sword for the Thai rice industry, as it has encouraged Thai exporters to expand to other Asean nations, while foreign traders can easily penetrate the market here.

A study by the Thailand Development Research Institute (TDRI) showed that the lack of value-chain development in rice farming and loose cooperation between government agencies and rice traders had left Thai rice production and industry less competitive and less developed than in the past decade.

Farmers are making less income and want the government’s assistance every year, while Thai rice exports have continued to drop. The study funded by the Commerce Ministry found that the Thai rice industry is being squeezed by tough competition in the world market and that development of Thai rice production and trading is lagging.

Somchai Jitsuchon, research director of TDRI, said Thailand needs to formulate a clear-cut strategy to develop its rice industry from farming to marketing since Thai rice trading competitiveness has dropped in the past year. The study showed that the rice sector is handicapped by many problems like low quality grains, unsuitable plantation areas for each kind of rice, slow progress in irrigation systems, lacklustre development of rice breeds and higher costs of production, while yields remain low. Government agencies, including the Agriculture and Commerce ministries, and rice exporters have also fumbled with close cooperation to connect rice production and trading development.
“Amid the sluggish development of Thai rice production and trading, Thai rice has been quoted higher than its rice rivals by US$100 [Bt3,200] per tonne because of the highly subsidised price, leading Thailand to lose market share to other countries and destroying opportunities for Thai rice to penetrate new export markets,” he said.

The government should consider reviewing its rice pledging policy to reduce the impact from the overly subsidised price on the country’s export competitiveness. It should also focus more on Asean free-trade agreements and clearly categorise Thai rice standards in order to serve the requirements of each rice consuming country, he said.

The study also showed that the yield of the main rice crop has plummeted by 17.26 per cent overthe past decade to only 326 kilograms per rai this year. Last year, the yield was 394kg, while in 2010 it was 404kg.
Shipments of Thai rice have fallen sharply by 44 per cent year on year from 5.48 million tonnes to 3.04 million tonnes from January 1 to June 8.

Somchai said the government should work with the private sector to urgently solve the problem of declining efficiency in rice production and trading.
He suggested a six-pronged strategy of production development, increased value-added for Thai rice, improved logistics efficiency, new innovations and new technology, review of the government’s policies on rice, and alliances for promoting exports and growth in rice farming.

Benjawan Ratanaprayul, director of the Commerce Ministry’s Bureau of Trade and Economic Policy, said the government would consider the strategy to strengthen exports of Thai rice and other products.
Besides the rice sector, the study also focused on increasing export opportunities for Thai fruits, garments and tourism, which are the products and service that Thailand has high competency in to increase trading.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เกษตรกรและผู้ค้ายืนเสียธุรกิจพวกเขาเผชิญกับความจริงจังท้าทายจากหลายบริษัทต่างประเทศ ส่วนใหญ่สิงคโปร์ การตั้งค่าการค้าข้าวการดำเนินงานและสวนที่นี่ภายใต้อาเซียนการค้าราบรื่น"แม้ว่าข้าวเกษตร และการค้าจำกัดคนไทยภายใต้พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจต่างประเทศ ชาวต่างชาติจำนวนมากสามารถได้เช่า หรือเองที่ดินเลี้ยงข้าว และการทำธุรกิจค้าข้าวในราชอาณาจักร ผู้ประกอบการข้าวกล่าวเมื่อวานนี้ในงานสัมมนากระทรวงพาณิชย์ในการสร้างกลยุทธ์การเชื่อมโยงธุรกิจท้องถิ่น และระดับโลก ผู้ส่งออกข้าวไทยเรียกร้องให้รัฐบาลปกป้องพื้นที่เพาะปลูกข้าวไทยและธุรกิจการค้าจากผู้พักอาศัยคนต่างด้าว โดยการตรวจสอบอย่างเร่งด่วนเป็นเจ้าของปลูกข้าวและใบรับรองการทำธุรกิจค้าในสิงคโปร์กล่าวว่า แหล่งที่มา และบางค้าต่างประเทศจะตอนนี้ได้ประโยชน์จากทางหนีในกฎหมายไทยจะซื้อที่ดินที่เหมาะสำหรับนาข้าวและการเริ่มต้นค่าบ้านที่ซื้อขายข้าวในประเทศไทย นักลงทุนต่างประเทศที่มีแนวโน้มจะ ยังสิงคโปร์ สามารถเดินมาที่นี่ในการทำธุรกิจเนื่องจากประเทศของตนเป็นหนึ่งในสมาชิกอาเซียน แหล่งที่มาว่า Hasnow ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนสร้างความท้าทายสำหรับเกษตรกรข้าวและผู้ค้า นักลงทุนสิงคโปร์เป็น exploiting ค้าเสรีภายในอาเซียนจะจัดการในข้าว ซึ่งควรจำกัดคนไทย เขากล่าวว่าสองปีที่ผ่านมา กระทรวงรายงานว่า บางนักลงทุนต่างประเทศโดยเฉพาะจากตะวันออกกลางได้พยายามที่จะซื้อนาข้าวในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม รัฐบาล แผนกของพิเศษสอบสวนและกรมพัฒนาธุรกิจ มีไม่ยังจัดการเพื่อตรวจสอบสถานการณ์Korbsook สกาวเอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกไทยของข้าว กล่าวว่า บางส่วนผู้ส่งออกข้าวไทยก็ไม่ไทย ในขณะที่ผู้ส่งออกข้าวต่างประเทศบางที่ต้องการเข้าร่วมเป็นสมาชิกสมาคมเธอกล่าวว่า อาเซียนรวมมีดาบ two-edged ในอุตสาหกรรมข้าวไทย ขณะนั้นได้สนับสนุนให้ผู้ส่งออกไทยจะขยายไปประเทศอาเซียนอื่น ๆ ในขณะที่ผู้ค้าต่างประเทศได้สามารถเจาะตลาดนี่การศึกษาโดยประเทศไทยพัฒนาวิจัยสถาบัน (TDRI) พบว่า ขาดการพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าในนาและหลวมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและผู้ค้าข้าวได้ทิ้งอุตสาหกรรมและผลิตข้าวน้อยแข่งขัน และน้อยกว่าพัฒนากว่าในทศวรรษเกษตรกรจะทำให้รายได้น้อย และต้องการความช่วยเหลือของรัฐบาลทุกปี ในขณะที่การส่งออกข้าวไทยที่มีต่อการวาง การศึกษาที่ได้รับการสนับสนุน โดยกระทรวงพาณิชย์พบว่า อุตสาหกรรมข้าวไทยจะถูกคั้น โดยแข่งขันในตลาดโลก และ lagging ที่พัฒนาผลิตข้าวและการค้าสมชัย Jitsuchon ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ TDRI กล่าวว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องกำหนดกลยุทธ์ที่แน่ชัดในการพัฒนาอุตสาหกรรมของข้าวจากการทำนาการตลาดเนื่องจากการแข่งขันการซื้อขายข้าวได้ลดลงในปีผ่านมา การศึกษาพบว่า ภาคข้าวเป็นคนทุพพลภาพ โดยหลายปัญหาเช่นธัญพืชคุณภาพต่ำ พื้นที่สวนไม่เหมาะสมสำหรับแต่ละชนิดของข้าว ความคืบหน้าช้าในระบบชลประทาน lacklustre พัฒนาสายพันธุ์ข้าวและการผลิต ต้นทุนสูงในขณะที่ผลผลิตยังคงต่ำ หน่วยงานราชการ รวมทั้งทบวงกรมเกษตรและการค้า และผู้ส่งออกข้าวได้ยัง fumbled ด้วยความร่วมมือปิดการเชื่อมต่อการผลิตข้าวและการค้าพัฒนา"ท่ามกลางการพัฒนาของการผลิตข้าวและการค้าที่ซบเซา ข้าวมีการเสนอราคาสูงกว่าของข้าวคู่แข่ง โดยสหรัฐอเมริกา $100 [Bt3, 200] ต่อ tonne เนื่องจากราคาสูง subsidised ผู้นำประเทศไทยสูญเสียตลาดที่ใช้ร่วมกันกับประเทศอื่น ๆ และทำลายโอกาสสำหรับไทยส่งข้าวใหม่บุกตลาด เขากล่าวว่ารัฐบาลควรพิจารณาตรวจทานข้าวของกองนโยบายเพื่อลดผลกระทบจากราคา subsidised มากเกินไปในการแข่งขันส่งออกของประเทศ มันจะยัง มุ่งเน้นเพิ่มเติมในข้อตกลงอาเซียนค้าฟรี และชัดเจน categorise มาตรฐานข้าวเพื่อบริการความต้องการของข้าวแต่ละใช้ประเทศ เขากล่าวว่าการศึกษายังแสดงให้เห็นว่า ผลผลิตของพืชหลักข้าวได้ลดลงโดยร้อยละ 17.26 กว่าทศวรรษไป 326 กิโลกรัมต่อไร่ในปีนี้ ปี ผลผลิตได้กก. 394 ขณะในปี 2553 404 กิโลกรัมจัดส่งข้าวได้ลดลงอย่างรวดเร็ว โดยปีร้อยละ 44 ในปีจาก 5.48 ล้านตันไป 3.04 ล้านตันตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมถึงวันที่ 8 มิถุนายนสมชัยกล่าวว่า รัฐบาลควรทำงานกับภาคเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาของประสิทธิภาพการผลิตข้าวลดลง และการซื้อขายอย่างเร่งด่วนเขาแนะนำกลยุทธ์ปรับ 6 ผลิตพัฒนา เพิ่มมูลค่าเพิ่มสำหรับข้าว ปรับปรุงประสิทธิภาพโลจิสติกส์ นวัตกรรมใหม่ และ เทคโนโลยีใหม่ การทบทวนนโยบายของรัฐบาลในข้าว และพันธมิตรในการส่งเสริมการส่งออกและการเติบโตในนาข้าวRatanaprayul เบญจวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานทางการค้าและนโยบายเศรษฐกิจ กระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า รัฐบาลต้องพิจารณากลยุทธ์เพื่อเสริมสร้างการส่งออกข้าวไทยและผลิตภัณฑ์อื่น ๆนอกจากภาคข้าว การศึกษานอกจากนี้ยังเน้นในการเพิ่มโอกาสการส่งออกผลไม้ไทย เสื้อผ้า และท่อง เที่ยว ผลิตภัณฑ์และบริการที่ไทยมีศักยภาพสูงในการเพิ่มการค้า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เกษตรกรและผู้ค้ายืนที่จะสูญเสียธุรกิจที่พวกเขาต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างรุนแรงจาก บริษัท ต่างชาติหลายสิงคโปร์ส่วนใหญ่ซึ่งมีการตั้งค่าการดำเนินการซื้อขายข้าวและสวนที่นี่ภายใต้การค้าอาเซียนอย่างราบรื่น.
"แม้ว่าการปลูกข้าวและการค้าจะถูก จำกัด ให้คนไทยภายใต้ต่างประเทศ พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจชาวต่างชาติจำนวนมากที่สามารถเช่าได้อย่างง่ายดายหรือที่ดินของตัวเองสำหรับการเพิ่มข้าวและการทำธุรกิจข้าวซื้อขายในราชอาณาจักร "ผู้ประกอบการค้าข้าวกล่าวว่าเมื่อวานนี้. ที่กระทรวงพาณิชย์จัดงานสัมมนาเกี่ยวกับการสร้างกลยุทธ์การเชื่อมโยงธุรกิจในท้องถิ่นและทั่วโลก, ผู้ส่งออกข้าวไทย เรียกร้องให้รัฐบาลที่จะปกป้องพื้นที่การเพาะปลูกข้าวไทยและธุรกิจการค้าจากประชาชนคนต่างด้าวโดยเร่งด่วนในการตรวจสอบความเป็นเจ้าของของพื้นที่เพาะปลูกข้าวและใบรับรองสำหรับการดำเนินธุรกิจการค้า. แหล่งที่มากล่าวว่าหลายสิงคโปร์และบางผู้ค้าต่างประเทศอื่น ๆ ที่มีในขณะนี้การใช้ประโยชน์จาก ช่องโหว่ในกฎหมายไทยที่จะซื้อที่ดินที่เหมาะสมสำหรับนาข้าวและเริ่มต้นขึ้นบ้านข้าวการค้าในประเทศไทย บรรดานักลงทุนต่างชาติมีแนวโน้มที่จะสิงคโปร์เช่นที่พวกเขาสามารถมาที่นี่เพื่อทำธุรกิจตั้งแต่ประเทศของพวกเขาเป็นหนึ่งในสมาชิกอาเซียน, แหล่งข่าวกล่าว hasnow ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนสร้างความท้าทายให้กับเกษตรกรข้าวไทยและผู้ค้า นักลงทุนสิงคโปร์จะใช้ประโยชน์จากการค้าเสรีภายในอาเซียนที่จะจัดการในเมล็ดข้าวซึ่งควรจะ จำกัด ให้คนไทยเขากล่าวว่า. สองปีที่ผ่านมากระทรวงต่างประเทศรายงานว่านักลงทุนบางส่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากตะวันออกกลางได้พยายามที่จะซื้อนาข้าวในประเทศไทย อย่างไรก็ตามรัฐบาลผ่านกรมสอบสวนคดีพิเศษและกรมพัฒนาธุรกิจการค้ายังไม่ได้มีการจัดการที่ยังไม่ได้ตรวจสอบสถานการณ์. Korbsook เอี่ยมสุรีย์นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยกล่าวว่าผู้ส่งออกบางส่วนข้าวไทยอยู่ในขณะนี้ไทยไม่ได้ในขณะที่ต่างประเทศบางส่วน ผู้ส่งออกข้าวที่ต้องการที่จะเข้าร่วมในฐานะสมาชิกสมาคม. เธอกล่าวว่าการรวมอาเซียนเป็นดาบสองคมสำหรับอุตสาหกรรมข้าวไทยตามที่ได้รับการสนับสนุนผู้ส่งออกไทยจะขยายไปยังประเทศอาเซียนอื่น ๆ ในขณะที่ผู้ค้าต่างประเทศสามารถเจาะตลาดที่นี่. การศึกษาโดยการพัฒนาประเทศไทย Research Institute (TDRI) พบว่าขาดการพัฒนาห่วงโซ่มูลค่าในการเพาะปลูกข้าวและความร่วมมือระหว่างหลวมหน่วยงานภาครัฐและผู้ค้าข้าวได้ออกจากการผลิตข้าวไทยและอุตสาหกรรมการแข่งขันน้อยลงและที่พัฒนาน้อยกว่าในทศวรรษที่ผ่านมา. เกษตรกร จะทำรายได้น้อยและต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาลของทุกปีในขณะที่การส่งออกข้าวไทยยังคงลดลง การศึกษาได้รับทุนจากกระทรวงพาณิชย์พบว่าอุตสาหกรรมข้าวไทยจะถูกบีบจากการแข่งขันที่ยากลำบากในตลาดโลกและการพัฒนาของการผลิตข้าวไทยและการค้าที่ถูกปกคลุมด้วยวัตถุฉนวน. สมชัยจิตสุชนผู้อำนวยการวิจัยของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยกล่าวว่าต้องมีการกำหนดที่ชัดเจน กลยุทธ์ช่องมือในการพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวจากการทำการเกษตรเพื่อการตลาดตั้งแต่ข้าวสามารถในการแข่งขันการค้าไทยได้ปรับตัวลดลงในปีที่ผ่านมา ผลการศึกษาพบว่าภาคข้าวจะพิการโดยปัญหามากมายเช่นธัญพืชที่มีคุณภาพต่ำ, พื้นที่ปลูกไม่เหมาะสมสำหรับชนิดของข้าวแต่ละความคืบหน้าช้าในระบบชลประทานการพัฒนาที่น่าเบื่อของสายพันธุ์ข้าวและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นของการผลิตในขณะที่อัตราผลตอบแทนอยู่ในระดับต่ำ หน่วยงานภาครัฐรวมทั้งกระทรวงเกษตรและพาณิชย์และผู้ส่งออกข้าวได้คลำยังมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในการเชื่อมต่อการผลิตข้าวและการพัฒนาซื้อขาย. "ท่ามกลางการพัฒนาซบเซาของการผลิตข้าวไทยและการค้าข้าวไทยได้รับการยกสูงกว่าคู่แข่งข้าวโดยการ US $ 100 [3,200] ต่อตันเนื่องจากราคาอุดหนุนสูงชั้นนำของประเทศไทยที่จะสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดไปยังประเทศอื่น ๆ และทำลายโอกาสสำหรับข้าวไทยในการเจาะตลาดส่งออกใหม่ "เขากล่าว. รัฐบาลควรพิจารณาตรวจสอบการรับจำนำข้าวนโยบาย เพื่อลดผลกระทบจากราคาเงินอุดหนุนมากเกินไปในการแข่งขันการส่งออกของประเทศ นอกจากนี้ยังควรให้ความสำคัญมากขึ้นในอาเซียนข้อตกลงการค้าเสรีและอย่างชัดเจนประเภทมาตรฐานข้าวไทยเพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของแต่ละประเทศที่บริโภคข้าวเขากล่าวว่า. การศึกษายังแสดงให้เห็นว่าผลผลิตของข้าวหลักได้ลดลงจากร้อยละ 17.26 overthe ทศวรรษที่ผ่านมาเหลือเพียง 326 กิโลกรัมต่อไร่ในปีนี้ ปีที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนที่เป็น 394kg ในขณะที่ในปี 2010 มันเป็น 404kg. จัดส่งของข้าวไทยได้ลดลงอย่างรวดเร็วโดยปีร้อยละ 44 เมื่อเทียบกับปีจาก 5,480,000 ตันเป็น 3,040,000 ตันจาก 1 มกราคม - 8 มิถุนายน. สมชายกล่าวว่ารัฐบาลควรจะทำงาน กับภาคเอกชนในการแก้ปัญหาเร่งด่วนของประสิทธิภาพที่ลดลงในการผลิตและการค้าข้าว. เขาแนะนำกลยุทธ์หกง่ามของการพัฒนาการผลิตที่เพิ่มขึ้นมีมูลค่าเพิ่มข้าวไทยที่มีประสิทธิภาพโลจิสติกที่ดีขึ้น, นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ , การตรวจสอบของ นโยบายของรัฐบาลในข้าวและพันธมิตรในการส่งเสริมการส่งออกและการเจริญเติบโตในการปลูกข้าว. เบญจวรรณรัตนผู้อำนวยการของกระทรวงพาณิชย์สำนักงานการค้าและนโยบายเศรษฐกิจกล่าวว่ารัฐบาลจะพิจารณากลยุทธ์เพื่อเสริมสร้างการส่งออกของข้าวไทยและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ . นอกจากนี้ ภาคข้าวการศึกษายังมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มโอกาสในการส่งออกผลไม้ไทย, เสื้อผ้าและการท่องเที่ยวซึ่งเป็นสินค้าและบริการที่ไทยมีขีดความสามารถสูงในการที่จะเพิ่มการซื้อขาย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เกษตรกรและผู้ค้ายืนที่จะสูญเสียทางธุรกิจ ตามที่พวกเขาเผชิญกับความท้าทายที่ร้ายแรงจาก บริษัท ต่างประเทศจำนวนมากส่วนใหญ่เป็นชาวสิงคโปร์ ซึ่งมีการตั้งค้าข้าวและสวนที่นี่ภายใต้การค้าราบรื่นอาเซียน .
" แม้ว่าการทำนาข้าวและการค้า จำกัด เพื่อคนไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ,ชาวต่างชาติมากมายสามารถเช่าหรือเป็นเจ้าของที่ดินสำหรับเลี้ยง ข้าว และดำเนินการธุรกิจการค้าข้าวในราชอาณาจักร " เป็นผู้ประกอบการค้าข้าวบอกว่าเมื่อวาน

ในงานสัมมนาของกระทรวงพาณิชย์ในการสร้างกลยุทธ์การเชื่อมโยงธุรกิจท้องถิ่นและสากลผู้ส่งออกข้าวไทย เรียกร้องให้รัฐบาลปกป้องไทย ปลูกข้าว และพื้นที่ธุรกิจการค้าจากผู้อยู่อาศัยต่างด้าวโดยเร่งด่วนตรวจสอบความเป็นเจ้าของของพื้นที่เพาะปลูกข้าวและใบรับรองสำหรับการทำธุรกิจการค้า .

แหล่งข่าวกล่าวว่า ชาวสิงคโปร์จำนวนมากและบางผู้ค้าต่างประเทศอื่น ๆ ตอนนี้ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ใน กฎหมายไทยซื้อที่ดินเหมาะสำหรับ นาข้าว และเริ่มต้นการซื้อขายข้าวบ้านในประเทศไทย นักลงทุนต่างชาติเหล่านั้นมักจะเป็นชาวสิงคโปร์ ตามที่พวกเขาสามารถมาทำธุรกิจ เพราะประเทศของพวกเขาเป็นหนึ่งในสมาชิกอาเซียน แหล่งข่าวกล่าวประชาคมอาเซียนเศรษฐกิจ hasnow สร้างความท้าทายสำหรับชาวนาไทย และผู้ค้า นักลงทุนสิงคโปร์ exploiting การค้าเสรีอาเซียนที่จะจัดการในเมล็ดข้าว ซึ่งควรจะถูก จำกัด ให้กับคนไทย เขาบอกว่า

เมื่อสองปีที่แล้ว กระทรวงฯ ได้รายงานว่า มีนักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะจากตะวันออกกลางได้พยายามที่จะซื้อข้าวไทย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลผ่านทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ และกรมพัฒนาธุรกิจ ยังไม่ได้จัดการเพื่อตรวจสอบสถานการณ์

นายชูเกียรติ iamsuri นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ส่งออกข้าวไทยไม่ไทย ในขณะที่ผู้ส่งออกข้าวต่างประเทศต้องการเข้าร่วมสมาคมสมาชิก

เธอกล่าวว่า อาเซียนรวมเป็นสองคมดาบสำหรับอุตสาหกรรมข้าวไทย เพราะมีการสนับสนุนให้ผู้ส่งออกไทยที่จะขยายไปยังประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ขณะที่ผู้ค้าต่างชาติสามารถเจาะตลาด

ที่นี่เลยการศึกษาโดยสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ( ทีดีอาร์ไอ ) พบว่า การขาดการพัฒนาห่วงโซ่มูลค่าในการทำนาข้าว และความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและผู้ค้าข้าวหลวมเหลือน้อยกว่าการผลิตและอุตสาหกรรมข้าวไทยแข่งขันและพัฒนาน้อยกว่าในทศวรรษที่ผ่านมา

เกษตรกรรายได้น้อย และต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือทุกๆ ปี ,ในขณะที่การส่งออกข้าวไทยจะยังคงลดลง การศึกษาได้รับการสนับสนุนโดยกระทรวงพาณิชย์ พบว่า อุตสาหกรรมข้าวไทยถูกบีบโดยการแข่งขันที่ยากในตลาดโลกและพัฒนาการของการผลิตและการค้าข้าวไทยล่า

สมชาย jitsuchon กรรมการวิจัยของ TDRI , ,กล่าวว่า ประเทศไทยต้องกำหนดกลยุทธ์ที่ชัดเจนที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวจากเกษตรเพื่อการตลาดตั้งแต่การแข่งขันการค้าข้าวไทยได้ปรับตัวลดลงในปีที่ผ่านมา ผลการศึกษาพบว่าภาคข้าวพิการโดยหลายปัญหาเช่นธัญพืชที่มีคุณภาพต่ำ พื้นที่ปลูกไม่เหมาะสมสำหรับแต่ละชนิดของข้าว ความคืบหน้าช้าในระบบการชลประทานการพัฒนาที่น่าเบื่อของสายพันธุ์ข้าวและค่าใช้จ่ายสูงในการผลิต ในขณะที่ผลผลิตยังคงต่ำ หน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กระทรวงการเกษตรและการค้า และผู้ส่งออกข้าวยังเงอะงะกับการร่วมมืออย่างใกล้ชิดเพื่อเชื่อมต่อการผลิตข้าวและการพัฒนาการซื้อขาย .
" ท่ามกลางการพัฒนาซบเซาการซื้อขายข้าว การผลิตและข้าวไทยสูงกว่าคู่แข่งข้าวถูกยกมาโดย US $ 100 [ bt3200 ] ต่อตัน เพราะขอเงินอุดหนุนราคาาไทยสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้ประเทศอื่น ๆ และทำลายโอกาสของข้าวไทยที่จะบุกตลาดส่งออกใหม่

" เขากล่าวรัฐบาลควรพิจารณาทบทวนนโยบายรับจำนำข้าว เพื่อลดผลกระทบจากเงินอุดหนุนราคาสุดเหวี่ยงกับความสามารถในการส่งออกของประเทศ นอกจากนี้ยังควรมุ่งเน้นเพิ่มเติมเกี่ยวกับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน และชัดเจนจัดมาตรฐานข้าวไทยเพื่อตอบสนองความต้องการของแต่ละประเทศที่บริโภคข้าว

, เขากล่าวว่า .การศึกษายังพบว่า ผลผลิตของพืชหลักข้าวได้ลดลงจากร้อยละ 17.26 จากทศวรรษที่ผ่านมาเพียง 325 กิโลกรัมต่อไร่ ในปีนี้ เมื่อปีที่แล้ว ผลผลิตก็ 394kg ในขณะที่ในปี 2010 มันเป็น 404kg .
การจัดส่งข้าวไทยลดลงอย่างรวดเร็ว โดย 44 เปอร์เซ็นต์ต่อปีจาก 4.88 ล้านตันเพื่อ 3.04 ล้านตัน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง มิถุนายน 8 .

นายสมชาย กล่าวว่า รัฐบาลควรทำงานกับภาคเอกชนอย่างเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาจากการลดลงของประสิทธิภาพในการผลิตและการค้าข้าว
เขาแนะนำหกง่ามกลยุทธ์ของการพัฒนาการผลิต การเพิ่มมูลค่าข้าวไทย การปรับปรุงประสิทธิภาพโลจิสติกส์นวัตกรรมใหม่และเทคโนโลยีใหม่ รีวิว ของนโยบายของรัฐบาลที่เกี่ยวกับข้าวและพันธมิตรเพื่อการส่งเสริมการส่งออกและการเติบโตในการทำนาข้าว

เบญจวรรณ ratanaprayul ผู้อำนวยการของกระทรวงพาณิชย์ สำนักนโยบายการค้าและเศรษฐกิจ กล่าวว่า รัฐบาลจะพิจารณากลยุทธ์เพิ่มการส่งออกของข้าวไทยและผลิตภัณฑ์อื่น ๆนอกจากข้าว
ภาคการศึกษายังเน้นเพิ่มโอกาสการส่งออกผลไม้ไทย เสื้อผ้าและการท่องเที่ยวซึ่งเป็นสินค้าและบริการที่ไทยมีศักยภาพสูงในการเพิ่มการค้า