ถ้าพูดถึงวัฒนธรรม ในความหมายของดิฉัน ถ้าพูดถึงวัฒนธรรม นั้นหมายถึงสัญลักษณ์ประจำชาติ ที่ผู้คนส่วนใหญ่ในประเทศนั้นๆ ถือฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน และถือเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ อย่างเช่นประเทศไทย ถ้าพูดถึงเมืองไทย เมืองไทยมีชื่อเดิมแต่ก่อนอยู่แล้วว่าประเทศสยาม หรือ สยามเมืองยิ้ม เพราะฉะนั้นประเทศไทยเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นมิตร เมื่อผู้คนมาพบเจอกัน เราจะยิ้มให้กัน ไม่ว่าจะรู้จักกันหรือไม่ก็ตาม และอีกอย่างนึงที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทยที่เด่นชัดที่สุด คือการไหว้ การไหว้เป็นการทำความเคารพที่คนไทยถือ ปฎิบัติกันมาอย่างช้านานและ พร้อมกับกล่าวคำว่าสวัสดีแล้วไม่ลืมที่จะยิ้มให้เสมอ วัฒนธรรมยังทําหน้าที่เป็นเครื่องหมายหรือสัญลักษณที่แสดงว่า สังคมหนึ่งแตกต่างไปจากอีกสังคมหนึ่ง วัฒนธรรมเป็นสัญลักษณ์ของสังคมเช่นเดียวกันกับบุคลิกภาพของบุคคลแต่ละคนส่วนที่เป็นนามธรรมของบุคลิกภาพก็คือ ความเชื่อ ความสนใจ ทัศนคติความรู้ความสามารถความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเปรียบได้กับวัฒนธรรมแบบไม่ใช่วัตถุของสังคม ส่วนที่มองเห็นได้ของบุคลิกภาพ เช่น รูปลักษณ์ สวมใส่เสื้อผ้า ตลอดจนท่าทางการเดิน การพูด เป็นเสมือนวัฒนธรรมประเภทวัตถุธรรมของสังคม
เอกลักษณ์ของแต่ละประเทศจะมีจุดที่แตกต่างกัน ที่เป็นตัวบ่งชี้เฉพาะเมื่อเรากล่าวถึงสิ่งๆนี้ จะทำให้เรานึกถึงประเทศนี้ได้ขึ้นมาทันที คือ ภาษาพูดที่ใช้สื่อสารกันแต่ละประเทศจะมีภาษาที่แตกต่างกัน แต่จะมีบางประเทศที่ใช้ภาษาเดียวกัน แต่ก็ยังมีสิ่งที่ยังแตกต่างกันอยู่นั้นคือสำเนียงที่แตกต่างกัน การแต่งกาย ในปัจจุบันการแต่งกายในการเข้าพิธีต่างๆของแต่ละประเทศยังมีการใส่ชุดประจำชาติเข้าพิธีกันอยู่ อย่างเช่นในพิธีการแต่งงาน แต่ละประเทศก็ยังคงมีการอนุรักษ์ในการใส่ชุดประจำชาติอยู่ อย่างในประเทศไทยเราก็จะมีการส่วมใส่ชุดไทยในพิธีแต่งงาน และประเทศเกาหลีก็มีการใส่ชุดฮันบกเข้าพิธีกันอยู่ในปัจจุบัน สถาปัตยกรรม ประติมากรรม เห็นได้จากชิ้นงานที่ปรากฏในศาสนสถาน โบสถ์ วิหาร ปราสาทราชวัง และบ้านเรือน และอย่างสุดท้ายคือ การแสดงความเคารพ อย่างที่ยกตัวอย่างไปตามด้านบนแล้ว แต่ละประเทศจะมีการแสดงความเคารพที่แตกต่างกัน อย่างในประเทศไทยนั้น การแสดงความเคารพเราแสดงโดยการไหว้ซึ้งกันและกัน แต่ในประเทศตะวันตกนั้น เราจะทักทายโดยการจับมือ ดังนั้นเมื่อเราจะเดินทางท่องเที่ยวไม่ว่าจะไปประเทศไหนก็ตามเราควรที่จะเตรียมความพร้อม และศึกษาวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ ว่าประเทศนั้นเขามีวัฒนธรรมการใช้ชีวิตอย่างไร เพื่อเป็นการไปเรียนรู้วิถีชีวิตและไปศึกษาวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ ถ้าเราไปรับวัฒนธรรมที่ดี เราก็สามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันเราได้อีกด้วย
และส่วนในเนื้อเรื่องของการอคติ การที่ได้ดูภาพยนต์ มันทำให้เราตระหนักได้ว่าทุกๆคนถ้ามองกันจากภายนอก เราจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนนั้นๆเค้าเป็นคนดีมั้ย บางคนมีฐานะที่ร่ำรวย ก็ไม่ได้แปลว่าเค้าดี บางคนที่ฐานะยากจนก็ไม่ได้แปลว่าเค้าต้องเลวร้าย คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้เลือกที่จะมองดูและเลือกคบกันจาก ฐานะ และหน้าตา เพราะฉะนั้นดิฉันได้เรียนรู้และได้ข้อคิดจากภาพยนต์ จึงมีมุมมองที่เปลี่ยนไปว่า บางทีคนเราที่ต่างเชื้อชาติ ต่างศาสนา ต่างภาษา ก็ไม่ได้หน้ากลัวอย่างที่คิด และคนที่เป็นคนเชื้อชาติเดียวกับเรา พูดภาษาเหมือนๆกับเราก็ไม่ได้ดีกับเราไปทุกคน ดังนั้นเราไม่ควรตัดสินใครจากภายนอก ถ้าเราไม่ได้รู้จัก ไม่เคยพูดคุยกับเขามาก่อน อย่าเอาคติแรกเห็นมาตัดสินคนที่เรายังไม่ได้ศึกษา.