CFCs, or Chlorofluorocarbon, are on

CFCs, or Chlorofluorocarbon, are one of many chemical substances that have been invented during the 19th century. At the end of world War II, an American engineer named Thomas Midgely discovered CFCs.
CFCs were created to replace Ammonia, Chlomelthane, and Sulfurdioxide which is use for refrigerants, propellants, and cleaning solvents. These three substances are more toxic to human and animals then CFCs.
Nowadays people can find CFCs in many products, such as spray cans, electronic cleaners, air-conditioners, refrigerators, and in medical supplies which use air pressure for asthma patients.
In 1970, Sherwood Roland and Mario discovered that CFCs have damaged the world's atmosphere, particularly the stratosphere which is 10-30 kilometers above the ground. It helps protect the world from 70-90% of ultraviolet(UV) rays. If too much ultraviolet radiation passes through the atmosphere it can cause skin cancer in humans. It also affects the world's temperature. CFCs will rise into the atmosphere and react with UV rays, becoming a chorine radical which is toxic and can destroy the atmosphere. One atom of chorine can damage about one thousand ozone molecules. The reduction of ozone by noly 1% could possibly increase the cases of skin cancer by about ten thousand per year and it could change the habitats of living creatures all over the world.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ผ่าน หรือ Chlorofluorocarbon เป็นหนึ่งในสารที่มีการคิดค้นในช่วงศตวรรษ 19 เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง วิศวกรชาวอเมริกันชื่อ Thomas Midgely พบผ่าน
สร้างผ่านแทนแอมโมเนีย Chlomelthane และ Sulfurdioxide ซึ่งใช้น้ำมัน propellants และทำความสะอาดหรือสารทำละลาย สารสามเหล่านี้มีพิษเพิ่มมากขึ้นให้มนุษย์ และสัตว์ นั้นผ่าน
Nowadays คนสามารถค้นหาผ่านหลาย ผลิตภัณฑ์ กระป๋องสเปรย์ น้ำยาอิเล็กทรอนิกส์ อากาศ ตู้ เย็น และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ความดันอากาศสำหรับผู้ป่วยโรคหอบหืดได้
ใน 1970 โรแลนด์เชอร์และ Mario พบว่า ผ่านได้รับความเสียหายที่บรรยากาศของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง stratosphere ที่ 10-30 กิโลเมตรเหนือพื้นดิน ช่วยปกป้องโลกจาก 70-90% ของรังสี ultraviolet(UV) ถ้ารังสีรังสีอัลตราไวโอเลตมากเกินไปผ่านบรรยากาศ ก็สามารถทำให้โรคมะเร็งผิวหนังในมนุษย์ มันยังมีผลต่ออุณหภูมิของโลก ผ่านจะขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ และทำปฏิกิริยากับรังสี กลาย เป็น chorine รุนแรงที่มีพิษ และสามารถทำลายบรรยากาศ อะตอมหนึ่งของ chorine สามารถทำลายโมเลกุลโอโซนประมาณหนึ่งพัน การลดลงของโอโซน noly 1% อาจเพิ่มกรณีโรคมะเร็งผิวหนัง โดยประมาณหนึ่งหมื่นต่อปี และมันสามารถเปลี่ยนอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตที่อยู่อาศัยโลก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

CFCs หรือ Chlorofluorocarbon เป็นหนึ่งในสารเคมีจำนวนมากที่ได้รับการคิดค้นในช่วงศตวรรษที่ 19 ในตอนท้ายของสงครามโลกครั้งที่สอง, วิศวกรชาวอเมริกันชื่อโทมัส Midgely ค้นพบ CFCs
CFCs ถูกสร้างขึ้นเพื่อแทนที่แอมโมเนีย Chlomelthane และซัลเฟอร์ไดออกไซด์ซึ่งเป็นสารทำความเย็นที่ใช้สำหรับขับเคลื่อนและตัวทำละลายในการทำความสะอาด ทั้งสามสารเป็นพิษต่อมนุษย์และสัตว์แล้ว CFCs
ปัจจุบันคนสามารถหา CFCs ในผลิตภัณฑ์เป็นจำนวนมากเช่นกระป๋องสเปรย์น้ำยาทำความสะอาดอิเล็กทรอนิกส์เครื่องปรับอากาศและตู้เย็นในอุปกรณ์การแพทย์ที่ใช้แรงดันอากาศสำหรับผู้ป่วยโรคหอบหืด
ในปี 1970 เชอร์วูดโรและมาริโอค้นพบว่ามีความเสียหาย CFCs บรรยากาศของโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งตราโตสเฟีซึ่งเป็น 10-30 กิโลเมตรเหนือพื้นดิน มันจะช่วยปกป้องโลก 70-90% จากรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) รังสี ถ้ารังสีอัลตราไวโอเลตมากเกินไปผ่านชั้นบรรยากาศของมันสามารถก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังในมนุษย์ นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่ออุณหภูมิของโลก CFCs จะเพิ่มขึ้นสู่บรรยากาศและตอบสนองกับรังสียูวีกลายเป็นคลอรีนรุนแรงซึ่งเป็นพิษและสามารถทำลายชั้นบรรยากาศ อะตอมของคลอรีนสามารถสร้างความเสียหายประมาณหนึ่งพันโมเลกุลโอโซน การลดลงของโอโซนโดย Noly 1% อาจจะเพิ่มขึ้นกรณีของโรคมะเร็งผิวหนังโดยประมาณหมื่นต่อปีและมันสามารถเปลี่ยนแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตทั่วโลก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

คลอโรฟลูโอโรคาร์บอน หรือ คลอโรฟลูออโรคาร์บอน เป็นหนึ่งในสารเคมีมากมายที่ได้ถูกคิดค้นในช่วงศตวรรษที่ 19 เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง วิศวกรชาวอเมริกันชื่อ โทมัส midgely ค้นพบสาร CFCs .
ถูกสร้างขึ้นเพื่อแทนที่ chlomelthane แอมโมเนีย และซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ซึ่งใช้สำหรับ refrigerants ขับเคลื่อน และการทำความสะอาดตัวทำละลาย .ทั้งสามสารมีความเป็นพิษต่อมนุษย์และสัตว์แล้วยัง .
ปัจจุบัน ผู้คนสามารถค้นหา CFCs ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น กระป๋อง สเปรย์ทำความสะอาดแอร์ , ตู้เย็น , อิเล็กทรอนิกส์ , และเวชภัณฑ์ที่ใช้แรงดันอากาศสำหรับผู้ป่วยโรคหอบหืด
ใน 1970 , เชอร์วูด โรแลนด์ และมาริโอ ค้นพบว่า สารทำลายชั้นบรรยากาศโลกโดยเฉพาะชั้นสตราโตสเฟียร์ที่ 10-30 กิโลเมตรเหนือพื้นดิน จะช่วยปกป้องโลกจาก 70-90% ของรังสีอัลตราไวโอเลต ( UV ) . ถ้ารังสีอัลตราไวโอเลตมากเกินไปผ่านบรรยากาศมันสามารถก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังในมนุษย์ มันยังมีผลต่ออุณหภูมิของโลก CFCs จะลอยขึ้นสู่บรรยากาศ และทำปฏิกิริยากับรังสียูวีเป็น chorine หัวรุนแรงซึ่งเป็นสารพิษ และสามารถทำลายบรรยากาศ หนึ่งอะตอมของ chorine สามารถทำลายโมเลกุลโอโซนประมาณหนึ่งพัน . การลดลงของโอโซนโดยมี 1% อาจจะเพิ่มกรณีของโรคมะเร็งผิวหนังประมาณหมื่นต่อปี และสามารถเปลี่ยนแหล่งที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตทั่วโลก