Nowadays climate change is the bigg

Nowadays climate change is the biggest problem of the human being. It is already happening and represents one of the greatest environmental, social and economic threats facing the planet.

The warming of the climate system is unequivocal, as is now evident from observations of increases in global average air and ocean temperatures, widespread melting of snow and ice, and rising global mean sea level. The Earth’s average surface temperature has risen by 0.76° C since 1850. Most of the warming that has occurred over the last 50 years is very likely to have been caused by human activities. In its Fourth Assessment Report projects that, without further action to reduce greenhouse gas emissions, the global average surface temperature is likely to rise by a further 1.8-4.0°C this century, and by up to 6.4°C in the worst case scenario. Even the lower end of this range would take the temperature increase since pre-industrial times above 2°C – the threshold beyond which irreversible and possibly catastrophic changes become far more likely.

The climate can affect every person and our health directly through increases in temperature. Such increases may lead to more extreme heat waves during the summer while producing less extreme cold spells during the winter. Particular segments of the population such as those with heart problems, asthma, the elderly, and the very young can be especially vulnerable to extreme heat. There can be extreme floods and droughts, hurricanes.

Nowadays there are so many factories that exhale really destructive substances and pollute the air. We all know very well that air is something we can’t live without. When we breathe the polluted air, we can get seriously ill. Ground-level ozone can damage lung tissue, and is especially harmful for those with asthma and other chronic lung diseases. Sunlight and high temperatures, combined with other pollutants such as nitrogen oxides and volatile organic compounds, can cause the ground-level ozone to increase. We cannot escape from the polluted air-it’s everywhere, even in our homes and we are breathing it non-stop. This can cause cancer and other serious diseases.

As a conclusion, I think that when it can not do both, The UN should prioritize combating climate change over reducing poverty. Of course, poverty is a big issue, which needs a solution but have you ever asked yourself why the poor countries like Bangladesh, Gambia, Zambia are poor and why so many people die? It’s because the climate doesn’t allow them to grow food and they can’t afford to buy it from other countries. The climate is a very important thing and if we don’t stop the changes soon, more and more plants and trees are going to die, we won’t have enough food and then not only will the third world countries suffer from hunger but so will the whole world. I think it is better to first stop the changes in climate and then gradually reduce the hunger in the poor countries. Because if we stop the changes, we are going to be healthier and everything around us will be cleaner and it will be how it actually should be. I believe harmony between nature and human beings will return.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของมนุษย์ มันกำลังเกิด และแสดงถึงหนึ่งในบรรดาสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจภัยคุกคามเผชิญโลกร้อนของระบบภูมิอากาศเป็นบัญญัติและ เป็นตอนนี้เห็นได้จากข้อสังเกตของที่เพิ่มขึ้นในอากาศเฉลี่ยทั่วโลกและอุณหภูมิมหาสมุทร อย่างกว้างขวางการละลายของหิมะและน้ำแข็ง และเพิ่มขึ้นทั่วโลกหมายถึง ระดับน้ำทะเล อุณหภูมิพื้นผิวเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นจาก 0.76° C ตั้งแต่ 1850 ส่วนใหญ่ของความร้อนที่เกิดขึ้นในช่วงปี 50 มีแนวโน้มมากที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ ในโครงการรายงานการประเมินฉบับที่สี่ว่า ไม่ต้องการดำเนินการเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก อุณหภูมิพื้นผิวเฉลี่ยทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเพิ่มเติม 1.8-4.0 องศาศตวรรษนี้ และถึง 6.4° C ในสถานการณ์สมมติกรณีที่แย่ที่สุด แม้ปลายล่างของช่วงนี้จะใช้อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ยุคก่อนอุตสาหกรรมข้างต้น 2 ° C – ขีดจำกัดเกินกว่าที่กลับไม่ได้และการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงอาจจะกลายเป็นแนวโน้มมากขึ้นสภาพภูมิอากาศมีผลต่อทุกคน และสุขภาพของเราโดยตรงผ่านเพิ่มอุณหภูมิ เพิ่มขึ้นดังกล่าวอาจทำให้คลื่นความร้อนรุนแรงมากขึ้นในช่วงฤดูร้อนในขณะผลิตคาถาเย็นน้อยลงมากในช่วงฤดูหนาว เฉพาะส่วนของประชากรเช่นผู้ที่มีปัญหาหัวใจ หอบหืด ผู้สูงอายุ และหนุ่มมากได้ยังความร้อน อาจมีน้ำท่วมรุนแรง และภัยแล้ง พายุเฮอริเคนปัจจุบันมีโรงงานมากมายที่หายใจออกจริง ๆ ทำลายสาร และก่อให้เกิดมลพิษอากาศ เรารู้ดีว่า อากาศเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่ต้อง เมื่อเราหายใจอากาศเสีย เราได้ป่วยอย่างจริงจัง ชั้นโอโซนสามารถทำลายเนื้อเยื่อปอด และเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีโรคหอบหืดและโรคปอดเรื้อรังอื่น ๆ แสงแดดและอุณหภูมิสูง รวมกับสารมลพิษอื่น ๆ เช่นไนโตรเจนออกไซด์และสารประกอบอินทรีย์ระเหย อาจทำให้เกิดโอโซนระดับพื้นดินเพื่อเพิ่ม เราไม่สามารถหนีจากมลพิษอากาศ-it ของทุกที่ แม้กระทั่งในบ้านของเรา และเราจะหายใจไม่หยุด นี้สามารถทำให้เกิดโรคมะเร็งและโรคร้ายแรงอื่น ๆเป็นข้อสรุป ผมคิดว่า เมื่อมันไม่สามารถทำทั้งสอง The UN ควรจัดลำดับความสำคัญการต่อต้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศผ่านการลดความยากจน แน่นอน ความยากจนเป็นปัญหาใหญ่ ที่ต้องการแก้ไขปัญหา แต่คุณเคยถามตัวเองทำไมประเทศยากจนเช่นบังกลาเทศ แกมเบีย แซมเบียยากจนและทำไมคนตาย มันเป็น เพราะสภาพภูมิอากาศไม่อนุญาตให้พวกเขาเติบโตอาหาร และพวกเขาไม่สามารถจะซื้อจากประเทศอื่น ๆ สภาพภูมิอากาศเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และถ้าเราไม่หยุดการเปลี่ยนแปลงเร็ว ๆ นี้ มาก ขึ้นพืช และต้นไม้จะตาย เราจะไม่มีอาหารเพียงพอแล้วไม่เพียงจะประเทศโลกสามที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากความหิว แต่ก็ทั้งโลก ผมคิดว่า ดีกว่าที่จะหยุดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นครั้งแรก และค่อย ๆ ลดความหิวในประเทศยากจน เพราะถ้าเราหยุดการเปลี่ยนแปลง เราจะมีสุขภาพดี และทุกอย่างรอบตัวเราจะ ทำความสะอาดและมันจะถูกวิธีจริงควร ผมเชื่อว่า จะกลับมาสามัคคีระหว่างธรรมชาติและมนุษย์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของมนุษย์ มันมีอยู่แล้วที่เกิดขึ้นและเป็นหนึ่งในภัยคุกคามด้านสิ่งแวดล้อมสังคมและเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหันหน้าไปทางโลก

ภาวะโลกร้อนของระบบภูมิอากาศเป็นที่ชัดเจนตามที่เป็นอยู่ในขณะนี้เห็นได้ชัดจากการสังเกตของการเพิ่มขึ้นในโลกโดยเฉลี่ยของอากาศและมหาสมุทรอุณหภูมิหลอมละลายอย่างแพร่หลายของหิมะและน้ำแข็งและการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลทั่วโลกเฉลี่ย อุณหภูมิพื้นผิวโลกเฉลี่ยได้เพิ่มขึ้น 0.76 องศาเซลเซียสนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1850 ส่วนใหญ่ของภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นในช่วง 50 ปีที่ผ่านมากน่าจะมีสาเหตุมาจากกิจกรรมของมนุษย์ ในโครงการที่สี่รายงานการประเมินที่โดยไม่ต้องดำเนินการต่อไปเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอุณหภูมิพื้นผิวเฉลี่ยทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีก 1.8-4.0 องศาเซลเซียสในศตวรรษนี้และได้ถึง 6.4 องศาเซลเซียสในสถานการณ์กรณีที่เลวร้ายที่สุด แม้ปลายล่างของช่วงนี้จะใช้เวลาเพิ่มขึ้นอุณหภูมิตั้งแต่สมัยก่อนยุคอุตสาหกรรมมากกว่า 2 ° C - เกณฑ์เกินกว่าที่การเปลี่ยนแปลงกลับไม่ได้และอาจจะกลายเป็นภัยพิบัติไกลมีโอกาสมากขึ้น

สภาพภูมิอากาศที่จะมีผลต่อทุกคนและสุขภาพของเราได้โดยตรงผ่านการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิ การเพิ่มขึ้นดังกล่าวอาจนำไปสู่คลื่นความร้อนที่รุนแรงมากขึ้นในช่วงฤดูร้อนขณะที่การผลิตที่หนาวมากน้อยในช่วงฤดูหนาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มของประชากรเช่นผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ, หอบหืด, ผู้สูงอายุและเด็กมากสามารถโดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงที่จะร้อนมาก อาจมีน้ำท่วมและภัยแล้งที่รุนแรงพายุเฮอริเคน

ปัจจุบันมีโรงงานจำนวนมากเพื่อให้หายใจออกสารทำลายจริงๆและก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ เราทุกคนรู้ดีว่าอากาศเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่ต้อง เมื่อเราหายใจอากาศเสียเราจะได้รับป่วยอย่างจริงจัง ระดับพื้นดินโอโซนสามารถทำลายเนื้อเยื่อปอดและเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีโรคหอบหืดและโรคปอดเรื้อรังอื่น ๆ แสงแดดและอุณหภูมิสูงรวมกับสารอื่น ๆ เช่นไนโตรเจนออกไซด์และสารอินทรีย์ระเหยสามารถก่อให้เกิดโอโซนระดับพื้นดินเพื่อเพิ่ม เราไม่สามารถหนีออกมาจากการปนเปื้อนในอากาศมันทุกที่แม้จะอยู่ในบ้านของเราและเรากำลังหายใจมันไม่หยุด นี้อาจทำให้เกิดโรคมะเร็งและโรคร้ายแรงอื่น ๆ

เป็นข้อสรุปผมคิดว่าเมื่อมันไม่สามารถทำทั้งสองแห่งสหประชาชาติควรจัดลำดับความสำคัญการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากกว่าการลดความยากจน แน่นอนความยากจนเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องการแก้ปัญหา แต่คุณเคยถามตัวเองว่าทำไมประเทศที่ยากจนเช่นบังคลาเทศ, แกมเบีย แซมเบียยากจนและทำไมผู้คนจำนวนมากตาย? มันเป็นเพราะสภาพอากาศไม่อนุญาตให้พวกเขาเติบโตอาหารและพวกเขาไม่สามารถที่จะซื้อมันจากประเทศอื่น ๆ สภาพภูมิอากาศเป็นสิ่งที่สำคัญมากและถ้าเราไม่หยุดการเปลี่ยนแปลงในเร็ว ๆ นี้พืชมากขึ้นและมากขึ้นและต้นไม้กำลังจะตายเราจะไม่ได้มีอาหารเพียงพอและจากนั้นไม่เพียง แต่จะประเทศโลกที่สามต้องทนทุกข์ทรมานจากความหิว แต่เพื่อให้ จะทั่วโลก ฉันคิดว่ามันจะดีกว่าครั้งแรกที่หยุดการเปลี่ยนแปลงในสภาพภูมิอากาศแล้วค่อยๆลดความหิวในประเทศที่ยากจน เพราะถ้าเราหยุดการเปลี่ยนแปลงเราจะมีสุขภาพดีและทุกอย่างรอบตัวเราจะทำความสะอาดและมันจะเป็นวิธีการที่มันควรจะเป็นจริง ผมเชื่อว่าความสามัคคีระหว่างธรรมชาติและมนุษย์จะกลับมา สภาพภูมิอากาศเป็นสิ่งที่สำคัญมากและถ้าเราไม่หยุดการเปลี่ยนแปลงในเร็ว ๆ นี้พืชมากขึ้นและมากขึ้นและต้นไม้กำลังจะตายเราจะไม่ได้มีอาหารเพียงพอและจากนั้นไม่เพียง แต่จะประเทศโลกที่สามต้องทนทุกข์ทรมานจากความหิว แต่เพื่อให้ จะทั่วโลก ฉันคิดว่ามันจะดีกว่าครั้งแรกที่หยุดการเปลี่ยนแปลงในสภาพภูมิอากาศแล้วค่อยๆลดความหิวในประเทศที่ยากจน เพราะถ้าเราหยุดการเปลี่ยนแปลงเราจะมีสุขภาพดีและทุกอย่างรอบตัวเราจะทำความสะอาดและมันจะเป็นวิธีการที่มันควรจะเป็นจริง ผมเชื่อว่าความสามัคคีระหว่างธรรมชาติและมนุษย์จะกลับมา สภาพภูมิอากาศเป็นสิ่งที่สำคัญมากและถ้าเราไม่หยุดการเปลี่ยนแปลงในเร็ว ๆ นี้พืชมากขึ้นและมากขึ้นและต้นไม้กำลังจะตายเราจะไม่ได้มีอาหารเพียงพอและจากนั้นไม่เพียง แต่จะประเทศโลกที่สามต้องทนทุกข์ทรมานจากความหิว แต่เพื่อให้ จะทั่วโลก ฉันคิดว่ามันจะดีกว่าครั้งแรกที่หยุดการเปลี่ยนแปลงในสภาพภูมิอากาศแล้วค่อยๆลดความหิวในประเทศที่ยากจน เพราะถ้าเราหยุดการเปลี่ยนแปลงเราจะมีสุขภาพดีและทุกอย่างรอบตัวเราจะทำความสะอาดและมันจะเป็นวิธีการที่มันควรจะเป็นจริง ผมเชื่อว่าความสามัคคีระหว่างธรรมชาติและมนุษย์จะกลับมา ฉันคิดว่ามันจะดีกว่าครั้งแรกที่หยุดการเปลี่ยนแปลงในสภาพภูมิอากาศแล้วค่อยๆลดความหิวในประเทศที่ยากจน เพราะถ้าเราหยุดการเปลี่ยนแปลงเราจะมีสุขภาพดีและทุกอย่างรอบตัวเราจะทำความสะอาดและมันจะเป็นวิธีการที่มันควรจะเป็นจริง ผมเชื่อว่าความสามัคคีระหว่างธรรมชาติและมนุษย์จะกลับมา ฉันคิดว่ามันจะดีกว่าครั้งแรกที่หยุดการเปลี่ยนแปลงในสภาพภูมิอากาศแล้วค่อยๆลดความหิวในประเทศที่ยากจน เพราะถ้าเราหยุดการเปลี่ยนแปลงเราจะมีสุขภาพดีและทุกอย่างรอบตัวเราจะทำความสะอาดและมันจะเป็นวิธีการที่มันควรจะเป็นจริง ผมเชื่อว่าความสามัคคีระหว่างธรรมชาติและมนุษย์จะกลับมา