Practice guidelines from the Americ

Practice guidelines from the American Association
for the Study of Liver Diseases recommend surveillance
for patients at high risk for hepatocellular
carcinoma.26 Collectively, the strength of the
evidence supporting the efficacy of surveillance in
high-risk groups is modest. One randomized, controlled
trial of nearly 19,000 HBV-infected patients
in China showed that surveillance consisting of
measurement of serum alpha-fetoprotein levels and
ultrasonographic imaging every 6 months was
associated with a 37% reduction in mortality related
to hepatocellular carcinoma.27 However, another
randomized, controlled trial involving HBVpositive
patients in China showed that surveillance
was not beneficial.28 There are no data from randomized
trials of surveillance in patients with HCV
or in patients with cirrhosis. Several nonrandomized
trials and observational studies have shown
a survival benefit in patients with small hepatocellular
tumors, but these studies had unavoidable
biases.29,30

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แนวทางปฏิบัติจากสมาคมอเมริกันการศึกษาโรคตับแนะนำให้เฝ้าระวังสำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงสำหรับ hepatocellularcarcinoma.26 โดยรวม ความแข็งแรงของการหลักฐานที่สนับสนุนประสิทธิภาพของการรักษาความปลอดภัยในกลุ่มอิกจะเจียมเนื้อเจียมตัว หนึ่ง randomized ควบคุมทดลองของผู้ป่วยติดเชื้อด้วยขั้นเกือบ 19000ในประเทศจีนพบว่าเฝ้าระวังประกอบด้วยวัดระดับ alpha-fetoprotein เซรั่ม และultrasonographic ภาพทุก 6 เดือนได้เกี่ยวข้องกับลด 37% ในการตายที่เกี่ยวข้องการ hepatocellular carcinoma.27 อย่างไรก็ตาม อื่นทดลอง randomized ควบคุมที่เกี่ยวข้องกับ HBVpositiveการเฝ้าระวังพบผู้ป่วยในประเทศจีนมี beneficial.28 ไม่มีไม่มีข้อมูลจาก randomizedการทดลองของการเฝ้าระวังในผู้ป่วยที่มีสายของหรือ ในผู้ป่วยที่มีตับแข็ง หลาย nonrandomizedมีแสดงการทดลองและการศึกษาเชิงสังเกตการณ์สวัสดิการอยู่รอดในผู้ป่วยที่มีขนาดเล็ก hepatocellularเนื้องอก แต่การศึกษานี้ได้หลีกเลี่ยงไม่ได้biases.29,30

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แนวทางการปฏิบัติจากสมาคมอเมริกันเพื่อการศึกษาของโรคตับแนะนำการเฝ้าระวังผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงสำหรับตับcarcinoma.26 เรียกรวมกันว่าความแข็งแรงของหลักฐานประกอบการรับรู้ความสามารถในการเฝ้าระวังในกลุ่มมีความเสี่ยงสูงคือเจียมเนื้อเจียมตัว หนึ่งสุ่มควบคุมการพิจารณาคดีของผู้ป่วยเกือบ 19,000 ไวรัสตับอักเสบบีที่ติดเชื้อในประเทศจีนแสดงให้เห็นว่าการเฝ้าระวังประกอบด้วยการวัดระดับซีรั่มอัลฟาfetoprotein และการถ่ายภาพคลื่นเสียงความถี่สูงทุก6 เดือนได้รับการที่เกี่ยวข้องกับการลดลง 37% ในการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการตับcarcinoma.27 อย่างไรก็ตามอีกสุ่มทดลองควบคุมที่เกี่ยวข้องกับ HBVpositive ผู้ป่วยในประเทศจีนแสดงให้เห็นว่าการเฝ้าระวังไม่ได้มี beneficial.28 ไม่มีข้อมูลจากการสุ่มมีการทดลองในการเฝ้าระวังในผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีหรือในผู้ป่วยที่มีโรคตับแข็ง nonrandomized หลายการทดลองและศึกษาเชิงได้แสดงให้เห็นประโยชน์ความอยู่รอดในผู้ป่วยที่มีตับขนาดเล็กเนื้องอกแต่การศึกษาเหล่านี้หลีกเลี่ยงไม่ได้biases.29,30

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แนวทางการปฏิบัติจากสมาคมอเมริกันเพื่อการศึกษาโรคตับ

แนะนำเฝ้าระวังผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงได้แก่
carcinoma.26 เรียกความแข็งแกร่งของ
หลักฐานที่สนับสนุนประสิทธิภาพของการเฝ้าระวังในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงคือ
เจียมเนื้อเจียมตัว หนึ่งแบบสุ่มควบคุม
ทดลองเกือบ 19 , 000 การศึกษาในจีนพบว่า ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ

การเฝ้าระวังประกอบด้วยการวัดระดับซีรั่มอัลฟ่าฟีโตโปรตีนและภาพ ultrasonographic ทุก 6 เดือน

ที่เกี่ยวข้องกับ 37 % ลดอัตราการตายที่เกี่ยวข้องกับตับ carcinoma.27
แต่แบบอื่น
ทดลองกับผู้ป่วย hbvpositive

ในประเทศจีนพบว่ากล้องวงจรปิดไม่ beneficial.28 ไม่มีข้อมูลจากการทดลองสุ่ม
เฝ้าระวังในผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซี
หรือในผู้ป่วยโรคตับแข็ง การทดลองแบบหลาย nonrandomized

และการศึกษาได้แสดงประโยชน์การอยู่รอดในผู้ป่วยมะเร็งตับ
เนื้องอกขนาดเล็ก แต่การศึกษาเหล่านี้ยังได้ตกแต่งอย่างดี
biases