The Thai Autumn Festival, falling o

The Thai Autumn Festival, falling on the last day of the 10th Thai lunar month, roughly corresponding to late September, is a tradition of the Indian culture brought to Siam by Indian priests and has survived to this day, even though the Thais do not have the autumn season. The heart of this custom is that the people make merit by taking the usual food, a small species of banana called kluai khai (egg bananas) and a special kind of sweetmeat called kraya sat to a nearby temple to be offered to the Buddhist monks.
Kraya sat is a mixture of shredded rice grains, popped rice, beans, sesame and coconut meat, ground into meal and boiled with sugar until it is very thick and forms into a sticky cake, then cut into portions.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ฤดูใบไม้ร่วงไทยเทศกาล ตกวันสุดท้าย 10 ไทยค่ำเดือน ตรงประมาณปลายกันยายน เป็นประเพณีของวัฒนธรรมอินเดียมาสู่ประเทศสยามโดยพระสงฆ์อินเดีย และมีชีวิตรอดจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าคนไทยไม่มีฤดูกาลฤดูใบไม้ร่วง แห่งนี้เองคือ ว่า คนที่ทำบุญด้วยอาหารปกติ พันธุ์กล้วยไข่กล้วย (กล้วยไข่) และขนมบัวลอยที่เรียกว่า kraya ชนิดพิเศษที่เรียกว่าเล็กเสาร์วัดใกล้เคียงให้ได้รับพระพุทธศาสนา
Kraya เสาร์เป็นส่วนผสมของข้าวหยองธัญพืช popped ข้าว ถั่ว งา และมะพร้าวเนื้อ พื้นดินอาหาร และต้มกับน้ำตาลจนกว่ามันจะหนามาก และรูปแบบเป็นเค้กเหนียวแล้ว ตัดเป็นบางส่วน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ไทยฤดูใบไม้ร่วงเทศกาลลงในวันสุดท้ายของเดือนที่ 10 ตามจันทรคติของไทยสอดคล้องกับประมาณปลายเดือนกันยายนเป็นประเพณีของวัฒนธรรมอินเดียมาถึงสยามโดยนักบวชอินเดียและรอดมาได้จนถึงวันนี้แม้คนไทยจะได้ไม่ต้อง ฤดูใบไม้ร่วง หัวใจสำคัญของประเพณีนี้คือคนที่ทำบุญโดยการรับประทานอาหารตามปกติสายพันธุ์ที่มีขนาดเล็กที่เรียกว่ากล้วยไข่กล้วย (กล้วยไข่) และชนิดพิเศษของขนมหวานที่เรียกว่า kraya นั่งไปยังวัดใกล้เคียงที่จะนำเสนอให้กับพระสงฆ์
Kraya นั่งเป็นส่วนผสมของเมล็ดข้าวหั่นโผล่ข้าวถั่วงาและเนื้อมะพร้าวบดเป็นอาหารและต้มกับน้ำตาลจนเป็นอย่างหนาและรูปแบบเป็นเค้กเหนียวแล้วตัดเป็นส่วน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ไทยเทศกาลฤดูใบไม้ร่วง อยู่ในวันสุดท้ายของเดือนที่ 10 ไทยประมาณปลายเดือนกันยายน เป็นประเพณีของวัฒนธรรมอินเดียที่นำโดยพระสงฆ์สยามอินเดียและรอดชีวิตมาได้จนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้คนไทยไม่มีฤดูฤดูใบไม้ร่วง หัวใจนี้เองคือ คนที่ทำบุญ โดยการใช้อาหารปกติขนาดเล็กชนิดที่เรียกว่า กล้วยไข่ กล้วย ( กล้วยไข่ ) และเป็นชนิดพิเศษของขนมกระยาสารท เพื่อเรียกวัดใกล้เคียง ที่จะนำไปถวายพระสงฆ์ .
กระยาสารทเป็นส่วนผสมของธัญพืช ข้าว เป็นข้าวตอก ถั่ว งา และมะพร้าว เนื้อดินเป็นอาหารและต้มกับน้ำตาลจนเป็น หนามากและรูปแบบเป็นเค้กเหนียว แล้วตัดเป็นส่วน