Ethnicities result from social proc

Ethnicities result from social processes, positive tendencies toward identifying and including
certain individuals in a specific group. What distinguishes an ethnic identity is the way that its
characterization recurs to notions of common origin, history, culture, and even race. Originally,
there were two principle theoretical approaches for defining ethnic groups: one which was
essentialist to the degree that it looked to the substance of cultural and historical patrimony of
certain populations in order to discover the root of ethnic exceptionality, and another more
constructivist that focused on social interactions between groups themselves, noting the boundaries
that in effect divided or bounded ethnic groups whether or not they in fact shared cultural or racial
traits with their neighbors. The second of these approaches became favored. However, it should be
noted that if anthropology now focuses on the social interactions that in effect create ethnic
boundaries for members of different groups, ethnic discourse emphasizes, in the majority of cases,
content, that is, origin, history, culture or race, whether these have been constructed as objects for
discourse in the present for self-representation or for the representation of others.
It is thus important to underline the instrumentality of every cultural trait exhibited by an
ethnic group as a distinguishing feature, that is, as a characteristic cultural and historical trait that
defines them in opposition to other groups. It is important for ethnic groups to carry such marks to
the point that if they do not have them many times they will create them in order to strengthen their
ethnic distinction. Generally speaking, those cultural elements are thought of, treated and effected
as traditions, the notion of which indicates the constitutive substance of a people, which in practice
can be constructed situationally even with respect to the future (Grünewald, 2001, 2002b).
But how does ethnicity relate to tourism? Even though there are innumerable forms of tourism
that have nothing to do with questions of history, culture (strictly speaking), race, or origin, as for
example some kinds of recreational tourism, there are other forms that take up as desired object
aspects of identity or alterity. In the case of identity there is, for example, the historical tourism that
one would do in his or her own town, city, region or country, and in the case of alterity there are
those forms that seek out the exotic or foreign cultures. Van den Berghe (1994) has maintained that
tourism is always a form of ethnic relations, and that would be doubly true, according to van den
Berghe and Keyes (1984), in the case of so-called ethnic tourism, where the ethnic boundary itself
sponsors the touristic attraction. Let’s explore a little more this subject which constitutes the center
of our concern here.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Ethnicities ผลมาจากกระบวนการทางสังคม แนวโน้มในเชิงบวกต่อการระบุ และรวมถึงบางคนในกลุ่มระบุ สิ่งแตกต่างประจำชาติพันธุ์เป็นวิธีการที่เป็นจำแนกเกิดขึ้นอีกเพื่อความเข้าใจแหล่งกำเนิดสินค้าทั่วไป ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และคู่แข่งขัน แต่เดิมมีสองหลักทฤษฎีที่ใช้ในการกำหนดกลุ่มชาติพันธ์: หนึ่งซึ่งessentialist ระดับที่มันมองสาร patrimony วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของประชากรบางอย่างเพื่อค้นพบรากของชนเผ่า exceptionality และอีกมากแบบสร้างสรรค์นิยมที่เน้นการโต้ตอบทางสังคมระหว่างกลุ่มเอง สังเกตขอบเขตที่มีผลหาร หรือล้อมรอบชนว่าพวกเขาในความเป็นจริงร่วมกันทางวัฒนธรรม หรือเชื้อชาติหรือไม่ลักษณะกับบ้านของพวกเขา ที่สองของวิธีเหล่านี้เป็นที่ชื่นชอบ อย่างไรก็ตาม ควรจะสังเกตที่ถ้ามานุษยวิทยาขณะนี้เน้นการโต้ตอบทางสังคมที่มีผลสร้างชาติพันธุ์ขอบเขตสำหรับสมาชิกของกลุ่มต่าง ๆ วาทกรรมเชื้อชาติเน้น ส่วนใหญ่ของกรณีเนื้อหา คือ ต้นกำเนิด ประวัติ วัฒนธรรม หรือเชื้อ ชาติ ว่าเหล่านี้จะถูกสร้างเป็นวัตถุสำหรับวาทกรรมในปัจจุบัน สำหรับแสดงตนเอง หรือตัวแทนของผู้อื่น จึงต้องขีดเส้นใต้ instrumentality ของทุกติดวัฒนธรรมที่จัดแสดงโดยมีกลุ่มชาติพันธุ์เป็นการแยกคุณลักษณะ คือ เป็นติดวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ลักษณะที่กำหนดในกลุ่มอื่น ๆ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับกลุ่มชาติพันธุ์เพื่อดำเนินการดังกล่าวหมายถึงจุดที่ถ้าพวกเขาไม่ได้ให้หลายครั้งพวกเขาจะสร้างขึ้นในใบสั่งเพื่อเสริมสร้าง ความความแตกต่างทางชาติพันธุ์ พูด องค์ประกอบทางวัฒนธรรมเหล่านั้นคิดว่า ถือว่า และผลเป็นประเพณี ความซึ่งบ่งชี้ว่า สารขึ้นคน การปฏิบัติในสามารถสร้าง situationally แม้กับอนาคต (Grünewald, 2001, 2002b)แต่ว่าไม่เชื้อชาติเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ถึงแม้ว่าจะมีรูปแบบนับไม่ถ้วนของการท่องเที่ยวที่มีจะถามประวัติ วัฒนธรรม (เคร่งครัดพูด), การแข่งขัน หรือ มา เป็นการตัวอย่างบางชนิดของการนันทนาการท่องเที่ยว มีแบบฟอร์มอื่น ๆ ที่ใช้เป็นวัตถุที่ต้องด้านเอกลักษณ์หรือ alterity ในกรณีที่ตัว มี ตัวอย่าง การท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่หนึ่งจะทำของเขา หรือคนเมือง เมือง ภูมิภาค หรือประเทศ และในกรณีของ alterity มีฟอร์มเหล่านั้นค้นหาวัฒนธรรมแปลกใหม่ หรือต่างประเทศ Van den Berghe (1994) ได้รับการดูแลรักษาที่ท่องเที่ยวอยู่เสมอแบบฟอร์มความสัมพันธ์ทางเชื้อชาติ และที่จะเป็นสองเหตุการณ์จริง ตามเดนBerghe และ Keyes (1984), กรณีท่องเที่ยวชนเผ่าที่เรียกว่า ที่ขอบชาติพันธุ์ตัวเองให้สนับสนุนสถานที่ท่องเที่ยว สำรวจน้อยเรื่องนี้ซึ่งตัวความกังวลของเราที่นี่

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ชาติพันธุ์เป็นผลมาจากกระบวนการทางสังคมแนวโน้มเชิงบวกต่อการระบุและรวมถึงบางคนในกลุ่มที่เฉพาะเจาะจง สิ่งที่แตกต่างอัตลักษณ์ชาติพันธุ์เป็นวิธีการที่ของตัวละครซ้ำความคิดของการกำเนิดที่พบบ่อย, ประวัติศาสตร์, วัฒนธรรม, และแม้กระทั่งการแข่งขัน แต่เดิมมีสองหลักการวิธีการทางทฤษฎีสำหรับการกำหนดกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่งซึ่งเป็นessentialist ในระดับที่จะมองไปที่สาระสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของประชากรบางอย่างเพื่อที่จะค้นพบรากของexceptionality ชาติพันธุ์และอื่น ๆ มากขึ้นคอนสตรัคติที่เน้นในการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างกลุ่มตัวเองสังเกตขอบเขตที่มีผลบังคับใช้หรือล้อมรอบแบ่งกลุ่มชาติพันธุ์หรือไม่พวกเขาในความเป็นจริงที่ใช้ร่วมกันทางเชื้อชาติวัฒนธรรมหรือลักษณะกับเพื่อนบ้าน ที่สองของวิธีการเหล่านี้กลายเป็นที่ชื่นชอบ แต่ก็ควรจะตั้งข้อสังเกตว่าถ้ามานุษยวิทยาในขณะนี้มุ่งเน้นไปที่การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่มีผลสร้างชาติพันธุ์ขอบเขตสำหรับสมาชิกของกลุ่มที่แตกต่างกันวาทกรรมชาติพันธุ์เน้นในส่วนของกรณีที่เนื้อหาที่เป็นแหล่งประวัติศาสตร์วัฒนธรรมหรือการแข่งขันไม่ว่าจะเป็นเหล่านี้ได้รับการสร้างเป็นวัตถุสำหรับวาทกรรมในปัจจุบันสำหรับการแสดงตัวเองหรือเป็นตัวแทนของคนอื่น ๆ . มันเป็นสิ่งสำคัญจึงจะเน้นใช้เป็นเครื่องมือของทุกลักษณะทางวัฒนธรรมที่แสดงโดยกลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นลักษณะเด่นที่เป็นเป็นลักษณะลักษณะทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่กำหนดให้พวกเขาในการต่อสู้กับกลุ่มอื่น ๆ มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับกลุ่มชาติพันธุ์ที่จะดำเนินการดังกล่าวเพื่อให้เครื่องหมายจุดที่หากพวกเขาไม่ได้พวกเขาหลายต่อหลายครั้งที่พวกเขาจะสร้างพวกเขาเพื่อเสริมสร้างของพวกเขาแตกต่างทางชาติพันธุ์ พูดโดยทั่วไปองค์ประกอบทางวัฒนธรรมที่มีความคิดในการได้รับการรักษาและได้รับผลกระทบเป็นประเพณีความคิดของซึ่งบ่งชี้ว่าสารที่เป็นส่วนประกอบของผู้คนซึ่งในทางปฏิบัติสามารถสร้างsituationally แม้จะมีความเคารพในอนาคต (Grünewald 2001 2002b). แต่ เชื้อชาติไม่ว่าเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว? ถึงแม้ว่าจะมีรูปแบบนับไม่ถ้วนของการท่องเที่ยวที่มีไม่มีอะไรจะทำอย่างไรกับคำถามของประวัติศาสตร์วัฒนธรรม (พูดอย่างเคร่งครัด) เชื้อชาติหรือแหล่งกำเนิดเป็นสำหรับตัวอย่างเช่นบางชนิดของการท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจที่มีรูปแบบอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในขณะที่วัตถุที่ต้องการแง่มุมของตัวตนหรือ alterity ในกรณีที่มีตัวตนเช่นการท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่หนึ่งจะทำในเมืองของเขาหรือเธอเองเมืองภูมิภาคหรือประเทศและในกรณีของ alterity มีรูปแบบที่หาวัฒนธรรมที่แปลกใหม่หรือต่างประเทศ van den Berghe (1994) ได้ยืนยันว่าการท่องเที่ยวอยู่เสมอรูปแบบของความสัมพันธ์ทางชาติพันธุ์และที่จะเป็นจริงเป็นทวีคูณตามvan den Berghe และคีย์ส (1984) ในกรณีของการท่องเที่ยวของกลุ่มชาติพันธุ์ที่เรียกว่าที่เขตแดนชาติพันธุ์ ตัวเองให้การสนับสนุนสถานที่ท่องเที่ยว ให้สำรวจน้อยมากกับเรื่องนี้ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางของความกังวลของเราที่นี่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ชาติพันธุ์ ผลจากกระบวนการทางสังคม บวกแนวโน้มที่มีต่อการระบุและรวมถึง
บางบุคคลในกลุ่มที่เฉพาะเจาะจง สิ่งที่แตกต่าง มีเอกลักษณ์ชาติพันธุ์เป็นวิธีของการเกิดขึ้นอีกในความคิด
ทั่วไป ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และเชื้อชาติ เดิมที
มีสองหลักการทฤษฎีแนวทางสําหรับการกําหนดกลุ่มชาติพันธุ์ที่
:essentialist ไปยังองศามันดูเนื้อหาสาระของวัฒนธรรมและมรดกทางประวัติศาสตร์ของ
ประชากรบางอย่างในการค้นพบรากของ exceptionality ชาติพันธุ์ และอีกมากกว่า
คอนสที่เน้นการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างกลุ่มตัวเอง สังเกตขอบเขต
ที่ผลแบ่งหรือล้อมรอบกลุ่มชาติพันธุ์หรือไม่พวกเขาในความเป็นจริงร่วมกัน วัฒนธรรมหรือ เชื้อชาติ
คุณลักษณะกับเพื่อนบ้านของพวกเขา ที่สองของวิธีการเหล่านี้เป็นสำคัญ แต่มันควรจะสังเกตว่าถ้ามานุษยวิทยา
ตอนนี้เน้นการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่มีผลในการสร้างขอบเขตชาติ
สำหรับสมาชิกของกลุ่มที่แตกต่างกัน วาทกรรมชาติพันธุ์ เน้น ในส่วนใหญ่ของกรณี
เนื้อหา นั่นคือ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม หรือการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นเหล่านี้ได้ถูกสร้างขึ้นเป็นวัตถุสำหรับ
วาทกรรมในปัจจุบันสำหรับการแสดงตนหรือการเป็นตัวแทนของผู้อื่น มันจึงสำคัญ
เพื่อให้วิธีการของทุกวัฒนธรรมมีลักษณะโดย
กลุ่มชาติพันธุ์เป็นคุณลักษณะที่แตกต่าง นั่นคือ เป็นลักษณะทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่กำหนดลักษณะ
พวกเขาในการต่อต้านกลุ่มอื่น ๆ มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับกลุ่มชาติพันธุ์มีเครื่องหมาย

เช่นจุดที่ถ้าพวกเขาไม่ได้พวกเขา หลายครั้งที่พวกเขาจะสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างความแตกต่างชาติพันธุ์

โดยทั่วไปการพูดที่องค์ประกอบทางวัฒนธรรมจะคิด ปฏิบัติ และส่งผลต่อ
เป็นประเพณี ความคิด ซึ่งบ่งชี้ว่า สาร พฤติกรรมของคน ซึ่งในการฝึกซ้อม
สามารถสร้าง situationally แม้แต่เกี่ยวกับอนาคต ( Gr ü newald 2001
2002b )แต่ทำไมชาติพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวครับ ถึงแม้ว่ามีรูปแบบนับไม่ถ้วนของการท่องเที่ยว
ที่ไม่เกี่ยวกับคำถามของประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ( พูด ) , การแข่งขัน , หรือ จุดเริ่มต้นในขณะที่
ตัวอย่างบางชนิดของการท่องเที่ยวนันทนาการ มีรูปแบบอื่น ๆ ที่ใช้เป็นวัตถุที่ต้องการ
ด้านเอกลักษณ์หรือ alterity . ในกรณีของตนนั้น ตัวอย่างเช่นประวัติศาสตร์การท่องเที่ยวที่
หนึ่งจะทำในเมืองของเขา หรือเธอเองเมืองภูมิภาคหรือประเทศ และในกรณีของ alterity มี
แบบฟอร์มผู้ที่แสวงหาวัฒนธรรมต่างถิ่นหรือต่างประเทศ แวนเดน berghe ( 1994 ) ได้มีการรักษาที่
การท่องเที่ยวอยู่เสมอ รูปแบบของความสัมพันธ์ทางชาติพันธุ์ และนั่นก็เป็นความจริงทวีคูณตามแวนเดน
berghe Keyes และ ( 2527 ) ในคดีการท่องเที่ยวกลุ่มชาติพันธุ์ที่เรียกว่า ,ที่ชาติเขตตัวเอง
ผู้สนับสนุนดึงดูดนักท่องเที่ยว . ขอสำรวจหน่อยเรื่องนี้ ซึ่งถือเป็นศูนย์
ความกังวลของเราที่นี่