There are two major forms of diabet

There are two major forms of diabetes: Type 1 and Type 2. Although they have different causes, patients with either form are unable to produce sufficient insulin in the beta cells of the pancreas to prevent hyperglycaemia.
Type 1 diabetes comprises about 10% of all diabetes cases in Europe, and is characterised by the loss of the pancreatic beta cells, usually by autoimmune destruction. Since Type 1 diabetes often affects patients at a young age, it is also named juvenile diabetes. It is the more severe form of the disease because there is no treatment. Instead, patients must adjust their lifestyles, for example by improving their diet, taking regular exercise and monitoring their blood sugar levels. Additionally, subcutaneous injections or the continuous delivery of insulin by a pump into the blood circulation system are necessary to avoid coma or death.Type 2 diabetes is due to insulin resistance or reduced insulin sensitivity in the target tissues, combined with insufficient insulin secretion. The lowered response of the body tissues to insulin almost certainly involves the insulin receptors in cell membranes. This causes the body to need abnormally high amounts of insulin to maintain normal blood sugar levels, and diabetes develops when the beta cells cannot meet this demand. Type 2 diabetes, commonly known as adult-onset diabetes, usually appears after the age of 30. In most cases, it is connected with obesity and too little physical exercise; changing to a healthier lifestyle can improve the condition or in some cases even cure it. See Dugi (2006) for more details of diabetes.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มีสองรูปแบบที่สำคัญของโรคเบาหวาน: ประเภท 1 และประเภท 2 แม้ว่าจะมีสาเหตุแตกต่างกัน ผู้ป่วยที่ มีแบบฟอร์มไม่สามารถผลิตอินซูลินเพียงพอในเบต้าเซลล์ของตับอ่อนเพื่อป้องกันไม่ให้ hyperglycaemia.
โรคเบาหวานประเภท 1 ประมาณ 10% ของกรณีโรคเบาหวานทั้งหมดในยุโรปประกอบด้วย และมีประสบการ์ โดยการสูญเสียของเบต้าเซลล์ที่ตับอ่อน มักทำลายผิดปกติ เนื่องจากโรคเบาหวานชนิดที่ 1 มักจะมีผลกระทบต่อผู้ป่วยที่อายุยังน้อย มันมีชื่อว่าโรคเบาหวานของเยาวชน เป็นโรคแบบรุนแรงมากขึ้นเพราะรักษาไม่ แทน ผู้ป่วยต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของพวกเขา เช่นปรับปรุงอาหารของพวกเขา การออกกำลังกายสม่ำเสมอ และตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดของพวกเขา นอกจากนี้ ฉีดใต้หรือจัดส่งอย่างต่อเนื่องของอินซูลินโดยการปั๊มเข้าสู่ระบบไหลเวียนเลือดจำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงการหมดสติหรือเสียชีวิตโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เนื่องจากความไวของอินซูลินลดลงในเนื้อเยื่อเป้าหมาย รวมกับการหลั่งอินซูลินไม่เพียงพอหรืออินซูลินต้านทานได้ การตอบสนองลดลงของเนื้อเยื่อร่างกายอินซูลินเกือบแน่นอนเกี่ยวข้องกับ receptors อินซูลินในเยื่อหุ้มเซลล์ ทำให้ร่างกายต้องการอินซูลินเพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดปกติจำนวนสูงผิดปกติ และโรคเบาหวานพัฒนาเมื่อเบต้าเซลล์ไม่ตอบสนองความต้องการนี้ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดยทั่วไปเรียกว่าผู้ใหญ่–เริ่มมีอาการโรคเบาหวาน มักปรากฏขึ้นหลังจากอายุ 30 ในกรณีส่วนใหญ่ มันเชื่อมโยงกับโรคอ้วนและกายน้อยเกินไป การเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตที่มีสุขภาพดีสามารถปรับปรุงเงื่อนไข หรือในบางกรณีแม้รักษามัน ดู Dugi (2006) สำหรับรายละเอียดของโรคเบาหวาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มีสองรูปแบบที่สำคัญของโรคเบาหวานมี. ชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 แม้ว่าพวกเขาจะมีสาเหตุที่แตกต่างกันผู้ป่วยที่มีรูปแบบการอย่างใดอย่างหนึ่งไม่สามารถที่จะผลิตอินซูลินเพียงพอในเบต้าเซลล์ของตับอ่อนเพื่อป้องกันไม่ให้ hyperglycaemia
โรคเบาหวานประเภท 1 ประกอบด้วยประมาณ 10% ของทั้งหมด กรณีโรคเบาหวานในยุโรปและโดดเด่นด้วยการสูญเสียของเบต้าเซลล์ตับอ่อนมักจะโดยการทำลายภูมิ ตั้งแต่โรคเบาหวานชนิดที่ 1 มักจะมีผลกระทบต่อผู้ป่วยที่อายุยังน้อยก็ยังเป็นชื่อเด็กและเยาวชนโรคเบาหวาน มันเป็นรูปแบบที่รุนแรงมากขึ้นของโรคเนื่องจากมีการรักษาไม่มี แต่ผู้ป่วยที่ต้องปรับวิถีชีวิตของพวกเขาเช่นโดยการปรับปรุงอาหารของพวกเขาที่จะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและการตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดของพวกเขา นอกจากนี้การฉีดใต้ผิวหนังหรือการส่งมอบอย่างต่อเนื่องของอินซูลินโดยเครื่องสูบน้ำเข้าไปในระบบไหลเวียนโลหิตมีความจำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงอาการโคม่าหรือโรคเบาหวาน death.Type 2 เกิดจากการดื้อต่ออินซูลินหรือความไวของอินซูลินลดลงในเนื้อเยื่อเป้าหมายรวมกับหลั่งอินซูลินไม่เพียงพอ การตอบสนองต่อการลดลงของเนื้อเยื่อของร่างกายที่จะอินซูลินเกือบจะแน่นอนที่เกี่ยวข้องกับตัวรับอินซูลินในเยื่อหุ้มเซลล์ นี้เป็นสาเหตุทำให้ร่างกายต้องการในปริมาณที่สูงผิดปกติของอินซูลินในการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดปกติและโรคเบาหวานพัฒนาเมื่อเบต้าเซลล์ไม่สามารถตอบสนองความต้องการนี้ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นโรคเบาหวานผู้ใหญ่ที่เริ่มมีอาการมักจะปรากฏขึ้นหลังจากอายุ 30 ในกรณีส่วนใหญ่มีการเชื่อมต่อกับโรคอ้วนและออกกำลังกายน้อยเกินไป. เปลี่ยนวิถีชีวิตสุขภาพสามารถปรับปรุงสภาพหรือในบางกรณีแม้รักษามัน ดู Dugi (2006) สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมของโรคเบาหวาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มีสองรูปแบบหลักของโรคเบาหวานประเภท 1 และประเภทที่ 2 ถึงแม้ว่าพวกเขามีสาเหตุต่างกัน ผู้ป่วย ด้วยฟอร์มที่ไม่สามารถผลิตอินซูลินเพียงพอในเบต้าเซลล์ของตับอ่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ hyperglycaemia
โรคเบาหวานชนิดที่ 1 ประกอบด้วยประมาณ 10% ของผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมด ในยุโรป และเป็นภาวะการสูญเสียเซลล์ตับอ่อนเบต้ามักจะโดยการทำลายภูมิต้านทาน .เนื่องจากโรคเบาหวานชนิดที่ 1 มักส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยที่อายุยังน้อย ก็ยังชื่อว่าโรคเบาหวาน . มันเป็นรูปแบบที่รุนแรงมากขึ้นของการเกิดโรค เพราะไม่มีการรักษา แต่ผู้ป่วยต้องปรับวิถีการดำเนินชีวิต เช่น การปรับปรุงอาหารของพวกเขา การออกกำลังกายเป็นประจำและการตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดของพวกเขา นอกจากนี้การฉีดใต้ผิวหนังหรืออย่างต่อเนื่องส่งมอบอินซูลินโดยกระตุ้นระบบหมุนเวียนโลหิตเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงโคม่าหรือเสียชีวิตได้ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เนื่องจากความต้านทานต่ออินซูลินหรือลดความไวต่ออินซูลินในเนื้อเยื่อเป้าหมาย รวมกับการหลั่งอินซูลินไม่เพียงพอการลดการตอบสนองของร่างกาย เนื้อเยื่ออินซูลินเกือบแน่นอนเกี่ยวข้องกับตัวรับอินซูลินในเยื่อหุ้มเซลล์ นี้เป็นสาเหตุทำให้ร่างกายต้องการปริมาณสูงผิดปกติของอินซูลินในการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดปกติ และเบาหวานเมื่อพัฒนาเซลล์เบต้าไม่สามารถตอบสนองความต้องการนี้ได้ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า โรคเบาหวานที่เกิดกับผู้ใหญ่ มักจะปรากฏหลังจากอายุ 30 ในกรณีส่วนใหญ่มันเกี่ยวข้องกับโรคอ้วนและการออกกำลังกายน้อยเกินไป การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตมีสุขภาพดีสามารถปรับปรุงเงื่อนไข หรือในบางกรณีแม้รักษามัน เห็น Dugi ( 2006 ) สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมของโรคเบาหวาน