This research study analyzes the de

This research study analyzes the determinants of capital adequacy ratio in banking sector of Pakistan. Empirical analyses were conducted by applying statistical tool such as weighted average least square on the penal data from banking sector of Pakistan. Analyses reveal that explanatory variables which used in study, explains why banks hold capital beyond the regulatory requirements. Analyses were conducted based on the study of Financial Statements of 12 sample banks from banking sector of Pakistan; bank-level annual data were used for the period 2005-2009. The results have revealed that average capital ratio (r = -0.09), capital ratio requirement (r = -0.13), and portfolio risk level (r = -0.07) shows weak correlation while share of deposits (r = -0.77) and return on equity (r = -0.32) are strongly but negatively correlated with Capital Adequacy Ratio. Results of model at first instance represent the coefficients of correlation (R) and coefficients of determination (R2) and the results shown the strong power of the co-relational degree among the descriptive variables of about 53.1 % (Multiple R = 0.531) and the independent variables in the selected model are explaining the behavior of the research model at approx. 28.25 (R-squared = 0.282).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วิจัยวิเคราะห์ดีเทอร์มิแนนต์อัตราส่วนเงินกองทุนในภาคการธนาคารของประเทศปากีสถาน ได้ดำเนินการวิเคราะห์เชิงประจักษ์ โดยการใช้เครื่องมือทางสถิติเช่นถัวเฉลี่ยอย่างน้อยตารางข้อมูลอาญาจากภาคธนาคารของประเทศปากีสถาน วิเคราะห์เปิดเผยว่า เรื่องตัวแปรที่ใช้ในการศึกษา อธิบายทำไมธนาคารค้างทุนนอกเหนือจากที่ระเบียบ วิเคราะห์ได้ดำเนินการตามการศึกษาของงบการเงินของธนาคารตัวอย่าง 12 จากภาคธนาคารของปากีสถาน ใช้ข้อมูลประจำธนาคารระดับช่วง 2005-2009 ผลลัพธ์ได้เปิดเผยว่า อัตราส่วนเงินทุนเฉลี่ย (r =-0.09), ความต้องการทุน (r =-0.13), และระดับความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอ (r =-0.07) แสดงสัมพันธ์อ่อนในขณะที่ส่วนแบ่งของเงินฝาก (r =-0.77) และอัตราผลตอบแทน (r =-0.32) มีให้ขอ แต่ลบความสัมพันธ์ได้กับอัตราส่วนเงินกองทุน ผลของรูปแบบที่แรกแสดงความสัมพันธ์ของสัมประสิทธิ์ (R) และสัมประสิทธิ์การกำหนด (R2) และผลลัพธ์ที่แสดงพลังแข็งแกร่งระดับ co-relational ระหว่างตัวแปรอธิบายเกี่ยวกับ 53.1% (หลาย R = 0.531) และตัวแปรอิสระในแบบจำลองที่เลือกจะอธิบายลักษณะการทำงานของรูปแบบการวิจัยที่ประมาณ 28.25 (ลอการิทึม = 0.282)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาวิจัยนี้วิเคราะห์ปัจจัยของอัตราส่วนความเพียงพอของเงินทุนในภาคการธนาคารของประเทศปากีสถาน การวิเคราะห์เชิงประจักษ์ได้ดำเนินการโดยการใช้เครื่องมือทางสถิติเช่นถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักน้อยตารางกับข้อมูลอาญาจากภาคการธนาคารของปากีสถาน การวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่าการอธิบายตัวแปรที่ใช้ในการศึกษาอธิบายว่าทำไมธนาคารถือทุนเกินกว่าข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ วิเคราะห์ได้ดำเนินการบนพื้นฐานของการศึกษาของงบการเงินของธนาคาร 12 ตัวอย่างจากภาคการธนาคารของปากีสถาน; ข้อมูลประจำปีของธนาคารที่ระดับถูกนำมาใช้สำหรับรอบระยะเวลา 2005-2009 ผลที่ได้เปิดเผยว่าอัตราส่วนเงินเฉลี่ย (r = -0.09) เมืองหลวงต้องการอัตราส่วน (r = -0.13) และผลงานระดับความเสี่ยง (r = -0.07) แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ที่อ่อนแอขณะที่ส่วนแบ่งของเงินฝาก (r = -0.77) และผลตอบแทน ผู้ถือหุ้น (r = -0.32) อย่างยิ่งในเชิงลบ แต่มีความสัมพันธ์กับกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง ผลของรูปแบบที่ตัวอย่างแรกแทนค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (R) และค่าสัมประสิทธิ์ของการตัดสินใจ (R2) และผลที่แสดงให้เห็นถึงพลังที่แข็งแกร่งของการศึกษาระดับปริญญาร่วมสัมพันธ์ในหมู่ตัวแปรอธิบายเกี่ยวกับ 53.1% (หลาย r = 0.531) และ ตัวแปรอิสระในรูปแบบที่เลือกจะอธิบายพฤติกรรมของรูปแบบการวิจัยที่ประมาณ 28.25 (R-Squared = 0.282)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

งานวิจัยนี้ศึกษาวิเคราะห์ปัจจัยกำหนดอัตราส่วนความเพียงพอของเงินทุนในภาคธนาคารของปากีสถาน การวิเคราะห์เชิงประจักษ์ที่เกิดจากการใช้เครื่องมือทางสถิติ เช่น ถัวเฉลี่ยกำลังสองน้อยที่สุดในการลงโทษจากข้อมูลภาคการธนาคารของปากีสถาน การวิเคราะห์พบว่าตัวแปรที่ใช้ในการศึกษา อธิบาย อธิบายเหตุผลที่ธนาคารถือทุนเกินความต้องการด้านกฎระเบียบ การวิจัยครั้งนี้ดำเนินการตามผลการศึกษาของงบการเงินของธนาคาร 12 ตัวอย่างจากภาคการธนาคารของปากีสถาน ; ระดับธนาคารข้อมูลที่ใช้สำหรับช่วงปี 2005-2009 . ผลลัพธ์ที่ได้พบว่า อัตราส่วนทุนเฉลี่ย ( r = - 0.09 ) ความต้องการอัตราส่วนทุน ( r = 0.13 ) และระดับความเสี่ยงของกลุ่มหลักทรัพย์ ( r = - 0.07 ) แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่อ่อนแอ ขณะที่ส่วนแบ่งของเงินฝาก ( r = 0.77 ) และอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ( r = 0.32 ) ขอแต่มีความสัมพันธ์กับ อัตราส่วนความเพียงพอของเงินทุน . ผลของรูปแบบในตัวอย่างแรกแสดงสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ ( r ) และค่าสัมประสิทธิ์ตัวกำหนด ( R ) และผลลัพธ์ที่แสดงที่แข็งแกร่งของความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรเชิง Co . ประมาณ 53.1 % ( Multiple R = 0.531 ) และตัวแปรอิสระในรูปแบบ ที่อธิบายพฤติกรรมของรูปแบบการวิจัยที่ ประมาณ 28.25 ( r-squared = 0.282 )