Ernest Rutherford, 1st Baron Ruther

Ernest Rutherford, 1st Baron Rutherford of Nelson, OM, FRS[1] (30 August 1871 – 19 October 1937) was a New Zealand-born British physicist who became known as the father of nuclear physics.[2] Encyclopædia Britannica considers him to be the greatest experimentalist since Michael Faraday (1791–1867).[2]

In early work he discovered the concept of radioactive half-life, proved that radioactivity involved the transmutation of one chemical element to another, and also differentiated and named alpha and beta radiation.[3] This work was done at McGill University in Canada. It is the basis for the Nobel Prize in Chemistry he was awarded in 1908 "for his investigations into the disintegration of the elements, and the chemistry of radioactive substances",[4] for which he remains the first Canadian and Oceanian Nobel laureate, and the only laureate born in the South Island.

Rutherford moved in 1907 to the Victoria University of Manchester (today University of Manchester) in the UK, where he and Thomas Royds proved that alpha radiation is helium nuclei.[5][6] Rutherford performed his most famous work after he became a Nobel laureate.[4] In 1911, although he could not prove that it was positive or negative,[7] he theorized that atoms have their charge concentrated in a very small nucleus,[8] and thereby pioneered the Rutherford model of the atom, through his discovery and interpretation of Rutherford scattering in his gold foil experiment. He is widely credited with first "splitting the atom" in 1917 in a nuclear reaction between nitrogen and alpha particles, in which he also discovered (and named) the proton.[9]

Rutherford became Director of the Cavendish Laboratory at the University of Cambridge in 1919. Under his leadership the neutron was discovered by James Chadwick in 1932 and in the same year the first experiment to split the nucleus in a fully controlled manner, performed by students working under his direction, John Cockcroft and Ernest Walton. After his death in 1937, he was honoured by being interred with the greatest scientists of the United Kingdom, near Sir Isaac Newton's tomb in Westminster Abbey. The chemical element rutherfordium (element 104) was named after him in 1997.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เออร์เนสต์รูเทอร์ฟอร์ด บารอนรูเทอร์ฟอร์ดที่ 1 ของเนลสัน ออม FRS [1] (30 1871 สิงหาคม – 19 1937 ตุลาคม) ได้เกิดนิวซีแลนด์อังกฤษ physicist ที่กลายเป็นที่รู้จักเป็นพ่อของฟิสิกส์นิวเคลียร์ [2] Encyclopædia Britannica พิจารณาเขา experimentalist สุดตั้งแต่ฟาราเดย์ Michael (ค.ศ. 1791-1867) [2]ในการทำงานก่อน เขาค้นพบแนวคิดของ half-life กัมมันตรังสี พิสูจน์ radioactivity ที่เกี่ยวข้องกับการแปลงร่างของธาตุหนึ่งไปยังอีก และยังแตกต่างกัน และตั้งชื่อรังสีแอลฟาและเบต้า [3] ทำงานนี้ที่มหาวิทยาลัย McGill ประเทศแคนาดา เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับรางวัลโนเบลในสาขาเคมีที่เขาได้รับรางวัลในค.ศ. 1908 "เขาสืบสวนเป็นการสลายตัวของธาตุ และเคมีของสารกัมมันตรังสี", [4] สำหรับการ ที่เขายังคงแรกแคนาดาและ Oceanian โนเบลลอรีเอตอวอร์ด และเฉพาะผู้ได้รับเกิดในเกาะใต้รูเทอร์ฟอร์ดย้ายในเศษ ๆ วิคตอเรียวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ (วันนี้วิทยาลัยแมนเชสเตอร์) ในสหราชอาณาจักร ที่เขาและ Thomas Royds พิสูจน์ว่าอัลฟารังสีแอลฟาฮีเลียม [5] [6] รูเทอร์ฟอร์ดดำเนินการงานของเขามีชื่อเสียงมากที่สุดหลังจากที่เขากลายเป็น laureate โนเบล [4] พ.ศ. 2454 แม้ว่าเขาไม่สามารถพิสูจน์ว่า เป็นบวก หรือ ลบ, [7] เขา theorized ว่า อะตอมมีค่าความเข้มข้นในนิวเคลียสขนาดเล็กมาก, [8] แล้วจึงเป็นผู้บุกเบิกแบบจำลองรัทเทอร์ฟอร์ดของอะตอม เขาค้นพบและตีความรูเทอร์ฟอร์ด scattering ในการทดลองของเขาทองคำเปลว เขาเป็นเครดิตกับแรก "แยกอะตอม" กันอย่างแพร่หลายใน 1917 ในปฏิกิริยานิวเคลียร์ระหว่างไนโตรเจนและอนุภาคอัลฟา ซึ่งเขายังค้นพบ (และชื่อ) โปรตอน [9]รูเทอร์ฟอร์ดเป็น ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการคาเวนดิชที่มหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ใน 1919 ภายใต้การนำของเขา นิวตรอนถูกค้นพบ โดยแชดวิก James ใน 1932 และ ในปีเดียวกันแรกทดลองแบ่งนิวเคลียสในลักษณะควบคุมเต็ม ดำเนินการ โดยนักเรียนที่ทำงานภายใต้ทิศทางของเขา Cockcroft จอห์นเออร์เนสต์วัลตัน หลังจากเขาตายในปีค.ศ. 1937 เขาเป็นเกียรติ โดยการ interred กับนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักร ใกล้หลุมฝังศพของเซอร์ไอแซคนิวตันในแอบบีเวสต์มินสเตอร์ Rutherfordium ธาตุ (องค์ประกอบ 104) ถูกตั้งชื่อหลังจากเขาในปี 1997

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เออร์เนสรัทเธอร์ 1 บารอนรัทเธอร์เนลสัน, อ้อม FRS [1] (30 สิงหาคม 1871 - 19 ตุลาคม 1937) เป็นนิวซีแลนด์เกิดนักฟิสิกส์ชาวอังกฤษที่เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นบิดาแห่งฟิสิกส์นิวเคลียร์ [2] สารานุกรม Britannica คิดว่าเขาไป. เป็น experimentalist ยิ่งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ไมเคิลฟาราเดย์ (1791-1867). [2] ในงานแรกที่เขาค้นพบแนวคิดของกัมมันตรังสีครึ่งชีวิตที่พิสูจน์ให้เห็นว่ากัมมันตภาพรังสีที่เกี่ยวข้องกับการแปลงร่างขององค์ประกอบทางเคมีที่หนึ่งไปยังอีกและยังมีความแตกต่างและตั้งชื่ออัลฟาและเบต้า รังสี. [3] งานนี้ได้ทำที่มหาวิทยาลัย McGill ในแคนาดา มันเป็นพื้นฐานสำหรับผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีเขาได้รับรางวัลในปี 1908 "สำหรับการตรวจสอบของเขาในการสลายตัวขององค์ประกอบและคุณสมบัติทางเคมีของสารกัมมันตรังสี" [4] ซึ่งเขายังคงอยู่ในแคนาดาและโอเชียเนียได้รับรางวัลโนเบลสาขาแรกและ ได้รับรางวัลเพียงเกิดในเกาะใต้. รัทเธอร์ย้ายในปี 1907 กับวิกตอเรียแห่งมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ (วันนี้มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์) ในสหราชอาณาจักรที่เขาและโทมัส Royds พิสูจน์ให้เห็นว่ารังสีอัลฟาเป็นนิวเคลียสของฮีเลียม. [5] [6] Rutherford ดำเนินการ งานที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขาหลังจากที่เขากลายเป็นรางวัลโนเบล. [4] ในปี 1911 แม้ว่าเขาจะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นบวกหรือลบ [7] เขามหาเศรษฐีที่อะตอมได้ค่าใช้จ่ายของพวกเขารวมอยู่ในนิวเคลียสขนาดเล็กมาก [8] และ จึงเป็นหัวหอกในรูปแบบของอะตอมรัทเธอร์ที่ผ่านการค้นพบและการตีความของรัทเธอร์กระเจิงในการทดลองของเขาฟอยล์สีทอง เขาให้เครดิตกันอย่างแพร่หลายกับครั้งแรก "แยกอะตอม" ในปี 1917 ในการเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ระหว่างไนโตรเจนและอนุภาคแอลฟาซึ่งเขายังค้นพบ (และชื่อ) โปรตอน. [9] รัทเธอร์เป็นผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการคาเวนดิชที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ในปี 1919 ภายใต้การนำของเขานิวตรอนถูกค้นพบโดยเจมส์ Chadwick ในปี 1932 และในปีเดียวกันการทดสอบครั้งแรกที่จะแยกนิวเคลียสในลักษณะที่ควบคุมอย่างเต็มที่ดำเนินการโดยนักเรียนทำงานภายใต้การดูแลของเขาจอห์น Cockcroft และเออร์เนสวอลตัน หลังจากการตายของเขาในปี 1937 เขาได้รับเกียรติจากการถูกฝังอยู่กับนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักรที่อยู่ใกล้เซอร์ไอแซกนิวตันหลุมฝังศพใน Westminster Abbey สารเคมีรัทเทอร์ฟอร์เดียมองค์ประกอบ (องค์ประกอบ 104) ได้รับการตั้งชื่อตามเขาในปี 1997

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

รัทเธอร์ฟอร์ด , 1st Baron Rutherford ของเนลสัน , โอม , FRS [ 1 ] ( 30 สิงหาคม 2414 – 19 ตุลาคม 1937 ) เป็นนิวซีแลนด์เกิดนักฟิสิกส์ชาวอังกฤษซึ่งกลายเป็นที่รู้จักในฐานะบิดาแห่งนิวเคลียร์ฟิสิกส์ [ 2 ] สารานุกรมบริตานิกาพิจารณาว่าเขาเป็นสุดยอด experimentalist ตั้งแต่ไมเคิล ฟาราเดย์ ( 1791 – 1867 ) [ 2 ]

ในงานเขาค้นพบแนวคิดของสารกัมมันตรังสีครึ่งชีวิตพิสูจน์แล้วว่า รังสีที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนรูปขององค์ประกอบทางเคมีอื่นและยังแตกต่างและชื่ออัลฟ่าและเบต้ารังสี [ 3 ] งานนี้เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในแคนาดา มันเป็นพื้นฐานสำหรับรางวัลโนเบลสาขาเคมีเขาได้รับรางวัลในปี 1908 " การสืบสวนของเขาในการสลายตัวของธาตุ และเคมีของสารกัมมันตรังสี "[ 4 ] ซึ่งเขายังคงแคนาดาก่อน และ Oceanian รางวัลโนเบลและเฉพาะผู้ที่เกิดในเกาะใต้

รัทเธอร์ฟอร์ดย้ายใน 1907 กับวิคตอเรียมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ( วันนี้มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ) ในอังกฤษ ซึ่งเขาและโทมัสรอยดึสพิสูจน์ว่า รังสีแอลฟาคือนิวเคลียสของฮีเลียม [ 5 ] 6 ] รัทเทอร์ฟอร์ดทำการงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขาหลังจากที่เขากลายเป็นรางวัลโนเบล [ 4 ] ใน 1911 ,แม้ว่าเขาจะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นบวกหรือลบ , [ 7 ] เขา theorized ที่อะตอมมีประจุในนิวเคลียสของพวกเขามีขนาดเล็กมาก [ 8 ] และจึงบุกเบิก Rutherford แบบจำลองของอะตอม ผ่านการค้นพบและการตีความของรัทเทอร์ฟอร์ดการฟอยล์ทองของเขา การทดลองเขาเป็นเครดิตอย่างกว้างขวางกับแรก " แยกอะตอม " ในปี 1917 ในปฏิกิริยานิวเคลียร์ระหว่างไนโตรเจนและอนุภาคแอลฟา ซึ่งเขายังได้ค้นพบ ( และชื่อ ) - [ 9 ]

Rutherford เป็นผู้อำนวยการของห้องทดลองคาเวนดิชที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ในปี 1919ภายใต้การนำของเขานิวตรอนถูกค้นพบโดยเจมส์ แชดวิก ในปี 1932 และในปีเดียวกัน การทดลองแรกที่แยกนิวเคลียสในการควบคุมอย่างเต็มที่ลักษณะ แสดงโดย นักศึกษาทำงานภายใต้ทิศทางของเขา จอห์นและคอกครอฟต์เนสต์ วอลตัน . หลังจากการตายของเขาในปี 1937 เขาได้รับเกียรติด้วยการฝังกับนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักรเซอร์ ไอแซค นิวตัน ใกล้สุสานในเวสต์มินสเตอร์แอบบี้ องค์ประกอบทางเคมีรัทเทอร์ฟอร์เดียม ( ธาตุที่ 104 ) คือชื่อหลังจากเขาในปี 1997