Purpose– This study aims to clarify

Purpose
– This study aims to clarify the relationship between changes in role ambiguity and turnover intentions. The authors propose that increases in role ambiguity over time can bias employees’ interpretations such that they come to view more relationship conflict at work. Because of the importance of social relationships at work, the authors propose that these increases in perceptions of relationship conflict mediate the positive effect of increases in role ambiguity on turnover intentions.

Design/methodology/approach
– This study is a two-wave longitudinal analysis of survey responses obtained from 146 employees working in the health-care sector over a three-year period. Structural equation modeling of cross-lagged correlations was used to test the hypothesized model.

Findings
– The positive relationship between increases in role ambiguity and turnover intentions over time is mediated by increases in relationship conflict. Results provide an integrative explanation of the phenomenon, uniting role theory, conflict theory and turnover theory.

Research limitations/implications
– Measures were all self-reported, and the non-experimental nature of the research design precludes causal interpretations. Future research should incorporate sources of measurement other than the focal employee and include additional variables presumed to operate in explaining these effects.

Practical implications
– Results highlight the need to monitor changes in employees’ role ambiguity beliefs over time. They also point to conflict management interventions as a potential means of reducing turnover intentions among employees who experience role ambiguity increases.

Originality/value
– The longitudinal examination of changes in these variables yields new insight into the nature of the relationships between role ambiguity, conflict and turnover intentions.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัตถุประสงค์การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อชี้แจงความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงในบทบาทความคลุมเครือและการหมุนเวียน ผู้เขียนเสนอให้ เพิ่มบทบาทคลุมเครือตลอดเวลาสามารถอคติการตีความของพนักงานดังกล่าวว่ามาดูความขัดแย้งความสัมพันธ์เพิ่มเติมในการทำงาน เนื่องจากความสำคัญของความสัมพันธ์ทางสังคมที่ทำงาน ผู้เขียนเสนอว่า เหล่านี้เพิ่มขึ้นในการรับรู้ของความสัมพันธ์เป็นสื่อกลางผลบวกเพิ่มในบทบาทคลุมเครือในความหมุนเวียนออกแบบ/วิธีการ/แนวทางการศึกษานี้เป็นการวิเคราะห์ระยะยาวสองคลื่นของการตอบแบบสำรวจที่ได้รับจาก 146 พนักงานทำงานในภาคการดูแลสุขภาพในช่วงสามปี สร้างโมเดลสมการโครงสร้างของความสัมพันธ์ข้าม lagged ถูกใช้เพื่อทดสอบรุ่น hypothesizedผลการศึกษา– ความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างการเพิ่มบทบาทความคลุมเครือและการหมุนเวียนตลอดเวลาเป็นการส่งต่อ โดยการเพิ่มความขัดแย้งความสัมพันธ์ ผลให้คำอธิบายปรากฏการณ์ รวมบทบาททฤษฎี ทฤษฎีความขัดแย้ง และทฤษฎีการหมุนเวียนแบบบูรณาการข้อจำกัดของงานวิจัย/ผลกระทบ– วัดได้รายงานด้วยตนเองทั้งหมด และธรรมชาติของการออกแบบวิจัยไม่ใช่ทดลองไม่สามารถตีความเชิงสาเหตุ งานวิจัยในอนาคตควรรวมแหล่งที่มาของวัดอื่นที่ไม่ใช่พนักงานโฟกัส และมีตัวแปรเพิ่มเติมคาดว่าจะทำงานในการอธิบายลักษณะพิเศษเหล่านี้ผลทางปฏิบัติ-ผลลัพธ์เน้นจำเป็นต้องตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงความเชื่อคลุมเครือของบทบาทของพนักงานตลอดเวลา เขายังชี้ไปแทรกแซงจัดการความขัดแย้งเป็นวิธีการลดความหมุนเวียนพนักงานที่เพิ่มบทบาทคลุมเครือค่าความคิดริเริ่ม-การตรวจสอบระยะยาวของการเปลี่ยนแปลงในตัวแปรเหล่านี้ทำให้เข้าใจธรรมชาติของความสัมพันธ์ระหว่างความคลุมเครือ ความขัดแย้ง และหมุนเวียนบทบาทใหม่

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัตถุประสงค์
- การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงในบทบาทความคลุมเครือและความตั้งใจของผลประกอบการ ผู้เขียนเสนอว่าการเพิ่มขึ้นของความคลุมเครือในบทบาทในช่วงเวลาที่สามารถตีความพนักงานอคติ 'เช่นที่พวกเขามาเพื่อดูความขัดแย้งความสัมพันธ์ในการทำงานมากขึ้น เพราะความสำคัญของความสัมพันธ์ทางสังคมในที่ทำงานผู้เขียนเสนอว่าการเพิ่มขึ้นของเหล่านี้ในการรับรู้ของความขัดแย้งความสัมพันธ์ไกล่เกลี่ยผลบวกของการเพิ่มขึ้นในบทบาทความคลุมเครือในความตั้งใจของมูลค่าการซื้อขาย. ออกแบบ / วิธีการ / แนวทาง- การศึกษาครั้งนี้คือการวิเคราะห์ตามยาวสองคลื่นของ คำตอบที่ได้รับจากการสำรวจ 146 พนักงานที่ทำงานในภาคการดูแลสุขภาพในช่วงระยะเวลาสามปี การสร้างแบบจำลองสมการโครงสร้างของความสัมพันธ์ข้าม lagged ถูกใช้ในการทดสอบแบบจำลองสมมติฐาน. ผลการวิจัย- ความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างการเพิ่มขึ้นของความคลุมเครือในบทบาทและความตั้งใจของผลประกอบการในช่วงเวลาที่เป็นสื่อกลางโดยการเพิ่มขึ้นของความขัดแย้งในความสัมพันธ์ ผลการให้คำอธิบายแบบบูรณาการของปรากฏการณ์ที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทฤษฎีบทบาททฤษฎีความขัดแย้งและทฤษฎีการหมุนเวียน. วิจัยข้อ จำกัด / ผลกระทบ- มาตรการทั้งหมดที่ตนเองรายงานและลักษณะที่ไม่ใช่การทดลองของการออกแบบการวิจัยติ๊ตีความสาเหตุ การวิจัยในอนาคตควรรวมแหล่งที่มาของวัดอื่นที่ไม่ใช่พนักงานโฟกัสและรวมถึงตัวแปรเพิ่มเติมเชื่อว่าจะดำเนินการในการอธิบายผลกระทบเหล่านี้. แนวทางการนำไปปฏิบัติ- ผลการเน้นถึงความจำเป็นในการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงในพนักงานเชื่อบทบาทคลุมเครือเมื่อเวลาผ่านไป พวกเขายังชี้ไปที่การแทรกแซงการจัดการความขัดแย้งเป็นวิธีการที่มีศักยภาพในการลดความตั้งใจการหมุนเวียนของพนักงานที่มีประสบการณ์บทบาทคลุมเครือเพิ่มขึ้น. Originality / ค่า- การตรวจสอบตามยาวของการเปลี่ยนแปลงในตัวแปรเหล่านี้มีอัตราผลตอบแทนความเข้าใจใหม่ในลักษณะของความสัมพันธ์ระหว่างความคลุมเครือในบทบาทความขัดแย้งและการที่ ความตั้งใจของมูลค่าการซื้อขาย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วัตถุประสงค์และการศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงของความคลุมเครือในบทบาทและความตั้งใจในการหมุนเวียน ผู้เขียนขอเสนอให้เพิ่มความคลุมเครือในบทบาทของพนักงานตลอดเวลา สามารถตั้งค่าการตีความเช่นที่พวกเขามาเพื่อดูความสัมพันธ์ ความขัดแย้งในการทำงาน เพราะความสำคัญของความสัมพันธ์ทางสังคมในที่ทำงาน ผู้เขียนขอเสนอให้เพิ่มการรับรู้ของความขัดแย้งเหล่านี้ในความสัมพันธ์ระหว่างผลในเชิงบวกของความคลุมเครือในบทบาทที่เพิ่มขึ้นของการหมุนเวียนแนวทาง / วิธีการ / ออกแบบโดยการศึกษานี้เป็นสองคลื่นตามยาวการวิเคราะห์การตอบสนองการสำรวจที่ได้จากพวกพนักงานในภาคสุขภาพตลอดระยะเวลา 3 ปี โมเดลสมการโครงสร้างของความสัมพันธ์ข้ามที่ล้าหลัง ถูกใช้ในการทดสอบสมมติฐานแบบข้อมูล- ความสัมพันธ์ระหว่างความคลุมเครือในบทบาท และความตั้งใจที่จะเพิ่มในช่วงเวลาเป็นคนกลาง โดยเพิ่มความขัดแย้งในความสัมพันธ์ ผลให้คำอธิบายเชิงบูรณาการของปรากฏการณ์การทฤษฎีบทบาท ทฤษฎีความขัดแย้ง และการหมุนเวียนของทฤษฎีข้อจำกัดของการวิจัย / ความหมายโดยมาตรการทั้งหมด self-reported และธรรมชาติของการวิจัยแบบไม่ทดลอง precludes การตีความเชิงสาเหตุ วิจัยในอนาคตควรรวมแหล่งของการวัด นอกจากพนักงานโฟกัสและรวมถึงตัวแปรในการอธิบายเพิ่มเติม ซึ่งการใช้งานลักษณะนี้ความหมายในทางปฏิบัติ- เน้นผลลัพธ์ที่ต้องตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงในบทบาทของพนักงานในความเชื่อเหนือกาลเวลา พวกเขายังจุดขัดแย้งแทรกแซงการจัดการเป็นวิธีการลดความตั้งใจที่จะเกิดขึ้นของพนักงานที่มีประสบการณ์ ความคลุมเครือในบทบาทที่เพิ่มขึ้นใหม่เอี่ยม / ค่า- การตรวจสอบระยะยาวของการเปลี่ยนแปลงในตัวแปรผลผลิตใหม่ ความเข้าใจในธรรมชาติของความสัมพันธ์ระหว่างความคลุมเครือในบทบาท ความขัดแย้ง และความตั้งใจของการหมุนเวียน