The mitral valve (between the leaft

The mitral valve (between the leaft atrium and ventricle) is most commonly affected, although 25 per cent of people with RHD have mitral and aortic valve involvement. Valves in the right side of the heart are only rarely involved. As the aotic valve becomes increasingly dysfunctional, the left atrium becomes progressively dilated and atrial fibrillation (AF) develops. The combination of stagnation of flow and AF may generate thrombosis, leading to strokes. It also causes increasing pressure in the pulmonary circulation and ventricular hypertrophy that eventually leads to heart failure.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วาล์ว mitral (ระหว่างเอเทรียม leaft และอวัยวะกลวง) จะมีผลกระทบ บ่อยที่สุดแม้ว่าร้อยละ 25 ของคนที่มี RHD มีวาล์ว mitral และเอออร์ตามีส่วนร่วม วาล์วทางด้านขวาของหัวใจเท่านั้นไม่ค่อยเกี่ยวข้องกัน เป็นวาล์ว aotic จะขึ้นนบา เอเทรียมซ้ายกลายเป็นขยายความก้าวหน้า และพัฒนาหัวใจเต้นผิดจังหวะ (AF) การรวมกันของความซบเซาของกระแสและ AF อาจสร้างเลือด ขัดจังหวะ มันยังทำให้ความดันเพิ่มขึ้นในการไหลเวียนของระบบทางเดินหายใจและ hypertrophy โพรงสมองซึ่งนำไปสู่ภาวะหัวใจวายในที่สุด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

mitral วาล์ว (ระหว่างห้องโถง leaft และช่อง) ได้รับผลกระทบมากที่สุดถึงแม้ว่าร้อยละ 25 ของคนที่มี RHD มีส่วนร่วมของ mitral วาล์วและหลอดเลือด วาล์วในด้านขวาของหัวใจเท่านั้นไม่ค่อยมีส่วนร่วม ในฐานะที่เป็นวาล์ว aotic จะกลายเป็นความผิดปกติมากขึ้นเทรียมซ้ายจะกลายเป็นพองก้าวหน้าและ atrial เส้นใย (AF) พัฒนา การรวมกันของความเมื่อยล้าของการไหลและ AF อาจสร้างลิ่มเลือดอุดตันที่นำไปสู่​​จังหวะ นอกจากนี้ยังทำให้เกิดการเพิ่มความดันในการไหลเวียนของปอดและกระเป๋าหน้าท้องยั่วยวนว่าในที่สุดจะนำไปสู่​​ภาวะหัวใจล้มเหลว

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ลิ้นหัวใจ ( ระหว่าง leaft และห้องโถงห้องล่าง ) คือ ผลกระทบมากที่สุด ถึงร้อยละ 25 ของคนที่มีเลือดกรุ๊ป RhD Negative มี mitral วาล์วตัวของหลอดเลือดและการมีส่วนร่วม . วาล์วหัวใจด้านขวาจะไม่ค่อยยุ่ง เป็นวาล์ว aotic กลายเป็นแตกแยกยิ่งขึ้น ห้องซ้ายเป็นผู้ขยายกระตุก ( AF ) พัฒนาการรวมกันของความซบเซาของการไหลและ AF อาจสร้างการอุดตัน ส่งผลให้จังหวะ มันยังทำให้เกิดความดันในปอดเพิ่มขึ้น และการไหลเวียนของที่ในที่สุดจะนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว