Quantifying metal concentration in

Quantifying metal concentration in a hazardous solid waste is critical in evaluating techniques for metal
removal or recovery from the waste. Numerous protocols have been published on the digestion of
hazardous waste, with diverse methods yielding dissimilar extraction efficiencies for different metals,
due to differences in composition of the wastes and chemical forms of the metals. The lack of standard
methods (or failure to state the method used) has resulted in inconsistencies in data reported by different
laboratories, leading to variations in metal recoveries. Using
fly ash as an example, this study compares
11 metal extraction methods including ASTM, USEPA, ultrasonic-assisted and microwave digestion
methods as well as a modified Tessier’s sequential extraction procedure for the extraction of metals
(Al, Cd, Cr, Cu, Fe, Ni, Pb and Zn). The efficacy of acid digestion was metal dependent. ASTM method
D 6357-11 was found to be an effective digestion method for most metals primarily due to the dissolution
of metals bound in silicate matrices, while a microwave digestion technique (which hastened the
digestion process significantly) was effective for Cd and Pb. This study highlights the importance in the
selection of the most appropriate protocol for the digestion of hazardous solid waste.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ปริมาณความเข้มข้นของโลหะในขยะอันตรายเป็นสิ่งสำคัญในการประเมินเทคนิคโลหะถอดถอนหรือการกู้คืนจากขยะ โปรโตคอลจำนวนมากได้รับการตีพิมพ์ในการย่อยอาหารของเสียอันตรายด้วยวิธีการที่หลากหลายที่ให้ผลผลิตประสิทธิภาพการสกัดที่แตกต่างกันสำหรับโลหะที่แตกต่างกันเนื่องจากความแตกต่างในองค์ประกอบของเสียและรูปแบบทางเคมีของโลหะ การขาดมาตรฐานวิธีการ (หรือความล้มเหลวที่จะระบุวิธีการที่ใช้) มีผลในการไม่สอดคล้องกันในข้อมูลที่แตกต่างกันรายงานโดยห้องปฏิบัติการที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในการกลับคืนโลหะ การใช้เถ้าลอยเป็นตัวอย่างการศึกษาครั้งนี้เปรียบเทียบ11 วิธีการสกัดโลหะรวมทั้ง ASTM, USEPA, อัลตราโซนิกช่วยและการย่อยอาหารไมโครเวฟวิธีการเช่นเดียวกับการปรับเปลี่ยนขั้นตอนการสกัดลำดับของTessier การสกัดโลหะ(อัลแคดเมียมโครเมียมทองแดงเฟ นิกเกิลตะกั่วและสังกะสี) ประสิทธิภาพของการย่อยอาหารกรดเป็นโลหะขึ้น วิธี ASTM D 6357-11 ถูกพบว่าเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการย่อยอาหารสำหรับโลหะมากที่สุดสาเหตุหลักมาจากการสลายตัวของโลหะที่ถูกผูกไว้ในเมทริกซ์ซิลิเกตในขณะที่เทคนิคการย่อยอาหารไมโครเวฟ(ซึ่งรีบกระบวนการย่อยอาหารอย่างมีนัยสำคัญ) เป็นที่มีประสิทธิภาพสำหรับซีดีและตะกั่ว การศึกษาครั้งนี้ไฮไลท์สำคัญในการเลือกของโปรโตคอลที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการย่อยอาหารขยะอันตราย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ค่าความเข้มข้นของโลหะในของเสียอันตรายที่เป็นของแข็งเป็นสำคัญในการประเมินเทคนิคโลหะ
การกำจัดหรือการกู้คืนจากของเสีย โปรโตคอลจำนวนมากได้รับการตีพิมพ์ในการย่อย
ของเสียอันตราย ด้วยหลากหลายวิธีแตกต่างกันสำหรับโลหะที่แตกต่างกันประสิทธิภาพการสกัดผลผลิต
เนื่องจากความแตกต่างในองค์ประกอบของของเสีย และรูปทางเคมีของโลหะไม่มีวิธีมาตรฐาน
( หรือความล้มเหลวของรัฐใช้วิธีการ ) ส่งผลให้เกิดความไม่สอดคล้องกันในข้อมูลที่รายงานโดยห้องปฏิบัติการที่แตกต่างกัน
, นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในตลาดโลหะ การใช้เถ้าลอยเป็น

11 ตัวอย่าง โดยเปรียบเทียบวิธีการสกัดโลหะ รวมทั้งกำหนดมาตรฐาน ASTM , ultrasonic ช่วยการย่อยอาหารและ
ไมโครเวฟวิธีการเช่นเดียวกับการเทส เ ร์เป็นลําดับขั้นตอนการสกัดสำหรับการสกัดโลหะ
( อัล แคดเมียม โครเมียม ทองแดง เหล็ก ตะกั่ว และสังกะสี นิ ) ประสิทธิภาพของการย่อยและกรดโลหะขึ้นอยู่กับ ASTM D )
6357-11 พบที่จะเป็นวิธีการย่อยอาหารมีประสิทธิภาพสำหรับโลหะส่วนใหญ่เป็นหลักเนื่องจากการละลายของโลหะผูกมัด
ซิลิเกตเมทริกซ์ในขณะที่เทคนิคไมโครเวฟย่อย ( ซึ่งรีบเร่ง
การย่อยอาหารอย่างมาก ) คือที่มีประสิทธิภาพสำหรับแคดเมียมและตะกั่ว . การศึกษานี้เน้นความสำคัญใน
เลือกโปรโตคอลที่เหมาะสมสำหรับการย่อยขยะมูลฝอยอันตราย