1. IntroductionThe United States (U

1. Introduction
The United States (US) is one of the major producers of eggs worldwide. According to the USDA Economics, Statistics, and Market Information System (USDA, 2013), the US production of table eggs in 2012 was 6.68 billion dozen compared to 6.60 billion dozen in 2011. Eggs are highly susceptible to internal quality deterioration mainly due to loss of moisture and, to a lesser extent, carbon dioxide through the eggshell pores, causing undesirable quality changes in albumen and yolk, and the overall weight loss (Stadelman, 1995b). In the US, eggs are required to be refrigerated at 7 °C or below to preserve the albumen and yolk quality, and to retard weight loss (Jirangrat et al., 2010 and ∗Wardy et al., 2011). Refrigeration can effectively reduce by half the weight loss of eggs compared to room temperature storage, and refrigerated eggs can maintain a quality grade of AA for at least 4 weeks ( Biladeau & Keener, 2009). However, in many countries (such as Thailand, Republic of Korea, and Brazil), refrigeration of eggs is not required by law ( Hong et al., 2012 and Mizumoto and Zylbersztajn, 2004) and may be seldom practiced. Therefore, coating is alternatively an effective method to preserve egg internal quality, and may help to reduce energy cost incurred by refrigeration of eggs during storage.

Coating materials have been applied to the eggshell surface for preserving the internal quality of eggs. These materials include synthetic polymers (Meyer & Spencer, 1973), polysaccharides (Bhale et al., 2003 and ∗Wardy et al., 2014), proteins (Rhim, Weller, & Gennadios, 2004) and oils (∗Obanu and Mpieri, 1984 and Waimaleongora-Ek et al., 2009). Our preliminary work demonstrated that an emulsion coating prepared from mineral oil (MO) and chitosan solution (CH) at a ratio of 25:75 was able to extend egg shelf-life longer than was chitosan solution coating alone. Additionally, the drying time of the emulsion on the eggshell is considerably reduced compared to MO alone.

In addition to emulsion coating materials, initial albumen quality of eggs, emulsifier types used in emulsion preparation, and egg storage conditions may affect internal quality of eggs; however, very few studies have been done in this area. Sabrani and Payne (1978) observed a significant interaction (P < 0.05) between age of hens (eggs from younger vs. older hens, having different initial albumen qualities) and coating material (linseed oil) on internal egg quality during 24 days of storage at 28 °C. From the published literature, there is no information available on the interaction between the emulsifier types used for preparing emulsion coating and the initial albumen qualities (expressed as Haugh unit) before coating and their combined effects on shelf-life of eggs during storage.

Therefore, the objective of this study was to evaluate the effects of MO:CH (25:75) emulsion coatings prepared with four different emulsifiers (2 water- and 2 oil-miscible) in preserving the internal quality of coated eggs (with two different initial albumen qualities before coating) during 5 weeks storage at 25 ± 2 °C and during 20 weeks of storage at 4 ± 2 °C.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

1. บทนำสหรัฐอเมริกา (สหรัฐอเมริกา) เป็นหนึ่งในผู้ผลิตหลักของไข่ทั่วโลก ตามจากเศรษฐศาสตร์ สถิติ และ ระบบข้อมูลการตลาด (จาก 2013), ที่สหรัฐอเมริกาผลิตไข่ตารางในปี 2012 มี 6.68 พันล้านโหลเมื่อเทียบกับ 6.60 ล้านโหลใน 2011 ไข่จะไวต่อสูงคุณภาพเสื่อมสภาพเนื่องจากขาดทุนส่วนใหญ่ของความชื้น และ ขอบ เขตน้อยกว่า ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านทางรูขุมขนเปลือกไข่ เกิดการเปลี่ยนแปลงคุณภาพที่พึงประสงค์ใน albumen และแดง และสูญเสียน้ำหนักโดยรวม (Stadelman, 1995b) ในสหรัฐอเมริกา ไข่จะต้องมี refrigerated ที่ 7 ° C หรือต่ำกว่า เพื่อรักษาคุณภาพ albumen และแดง และการถ่วงน้ำหนัก (Jirangrat et al., 2010 และ ∗Wardy et al., 2011) เครื่องทำความเย็นสามารถลดได้ โดยสูญเสียน้ำหนักครึ่งของไข่เมื่อเปรียบเทียบกับอุณหภูมิห้องเก็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไข่พร้อมตู้เย็นสามารถเก็บรักษาคุณภาพเกรดของ AA อย่างน้อย 4 สัปดาห์ (Biladeau & Keener, 2009) อย่างไรก็ตาม ในประเทศ (เช่นประเทศไทย เกาหลี และบราซิล), แช่แข็งไข่ไม่จำเป็นต้องตามกฎหมาย (Hong et al., 2012 และ Mizumoto และ Zylbersztajn, 2004) และอาจจะไม่ใคร่ฝึกฝน ดังนั้น เคลือบเป็นอีกวิธีมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาคุณภาพไข่ และอาจช่วยลดต้นทุนของพลังงานที่เกิดจากไข่แช่แข็งระหว่างการเก็บรักษามีการใช้วัสดุเคลือบพื้นผิวเปลือกไข่สำหรับรักษาคุณภาพภายในของไข่ วัสดุเหล่านี้ได้แก่โพลิเมอร์สังเคราะห์ (Meyer & สเปนเซอร์ 1973), polysaccharides (Bhale et al., 2003 และ ∗Wardy et al., 2014), โปรตีน (ริมธาร เวลเลอร์ & Gennadios, 2004) และน้ำมัน (∗Obanu และ Mpieri, 1984 และเอก Waimaleongora et al., 2009) ทำงานเบื้องต้นแสดงว่า เป็นอิมัลชันเคลือบเตรียมจากน้ำมัน (MO) และไคโตซานโซลูชั่น (CH) ที่อัตราส่วนของ 25:75 ได้ขยายไข่อายุการเก็บนานกว่าถูกไคโตซานโซลูชั่นเคลือบเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ เวลาแห้งของอิมัลชันบนเปลือกไข่เป็นอย่างมากลดลงเมื่อเทียบกับหมอคนเดียวนอกจากอิมัลชันเคลือบวัสดุ albumen เริ่มต้นคุณภาพของไข่ ชนิดของอิมัลซิใช้เตรียมอิมัลชัน และสภาพการจัดเก็บไข่อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพภายในของไข่ อย่างไรก็ตาม การศึกษาน้อยมากได้ในพื้นที่นี้ Sabrani และ Payne (1978) สังเกตการโต้ตอบอย่างมีนัยสำคัญ (P < 0.05) ระหว่างอายุของไก่ (ไข่จากวัยเทียบกับไก่เก่า มีคุณภาพ albumen เริ่มต้นแตกต่างกัน) และการเคลือบวัสดุ (น้ำมันเมล็ดฝ้าย) คุณภาพของไข่ภายในระหว่างวันที่ 24 ของการจัดเก็บที่ 28 องศาเซลเซียส จากเอกสารประกอบการเผยแพร่ มีไม่มีข้อมูลในการโต้ตอบระหว่างชนิดอิมัลซิใช้สำหรับเตรียมอิมัลชันเคลือบและคุณภาพเริ่มต้น albumen (แสดงเป็นหน่วย Haugh) ก่อนการเคลือบและผลรวมอายุของไข่ระหว่างการเก็บรักษาดังนั้น วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้คือการ ประเมินผลของ MO:CH (25:75) อิมัลชันเคลือบพร้อม emulsifiers สี่แตกต่างกัน (2 น้ำและ 2 น้ำมัน miscible) ในการรักษาคุณภาพภายในของไข่เคลือบ (ด้วยคุณภาพระดับสอง albumen อื่นเริ่มก่อนเคลือบ) ระหว่างการเก็บรักษา 5 สัปดาห์ที่ 25 ± 2 องศาเซลเซียส และใน ช่วง สัปดาห์ที่ 20 ของการจัดเก็บที่ 4 ± 2 องศาเซลเซียส

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

1.
บทนำสหรัฐอเมริกา(US) เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรายใหญ่ของไข่ทั่วโลก ตาม USDA เศรษฐศาสตร์สถิติและตลาดระบบสารสนเทศ (USDA 2013) การผลิตของสหรัฐไข่ตารางในปี 2012 เป็น 6680000000 โหลเมื่อเทียบกับ 6.60 พันล้านดอลลาร์ในปี 2011 โหลไข่เป็นอย่างสูงที่ไวต่อการเสื่อมสภาพคุณภาพภายในส่วนใหญ่เนื่องจากการสูญเสีย ของความชื้นและในระดับที่น้อยกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านรูขุมขนเปลือกไข่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่มีคุณภาพที่ไม่พึงประสงค์ในไข่ขาวและไข่แดงและการสูญเสียน้ำหนักโดยรวม (Stadelman, 1995b) ในสหรัฐอเมริกาไข่จะต้องได้รับในตู้เย็นที่ 7 องศาเซลเซียสหรือต่ำกว่าเพื่อรักษาไข่ขาวไข่แดงและคุณภาพและเพื่อชะลอการสูญเสียน้ำหนัก (Jirangrat et al., 2010 และ * WARDY et al., 2011) เครื่องทำความเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถลดลงครึ่งหนึ่งการสูญเสียน้ำหนักของไข่เมื่อเทียบกับการจัดเก็บที่อุณหภูมิห้องและไข่ในตู้เย็นสามารถรักษาระดับคุณภาพของเอเอเป็นเวลาอย่างน้อย 4 สัปดาห์ (Biladeau และเฉียบคม 2009) อย่างไรก็ตามในหลายประเทศ (เช่นไทยจีนเกาหลีและบราซิล), เครื่องทำความเย็นของไข่ไม่ได้ตามที่กฎหมายกำหนด (Hong et al., 2012 และ Mizumoto และ Zylbersztajn, 2004) และอาจจะไม่ค่อยได้รับการฝึกฝน ดังนั้นการเคลือบเป็นอีกทางเลือกหนึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพเพื่อรักษาคุณภาพของไข่ภายในและอาจจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่เกิดขึ้นโดยการทำความเย็นของไข่ระหว่างการเก็บรักษา. วัสดุเคลือบผิวที่ได้รับนำไปใช้กับพื้นผิวเปลือกไข่ในการรักษาที่มีคุณภาพภายในของไข่ วัสดุเหล่านี้รวมถึงโพลิเมอร์สังเคราะห์ (เมเยอร์ & Spencer, 1973), polysaccharides (Bhale et al., 2003 และ * WARDY et al., 2014), โปรตีน (Rhim, เวลเลอร์และ Gennadios, 2004) และน้ำมัน (* Obanu และ Mpieri, ปี 1984 และ Waimaleongora เอก et al., 2009) ทำงานเบื้องต้นของเราแสดงให้เห็นว่าการเคลือบอิมัลชันที่เตรียมจากน้ำมันแร่ (MO) และโซลูชั่นการไคโตซาน (CH) ในอัตราส่วน 25:75 ก็สามารถที่จะขยายไข่อายุการเก็บรักษาได้นานกว่าการแก้ปัญหาคือการเคลือบไคโตซานเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้เวลาที่การอบแห้งของอิมัลชันบนเปลือกไข่จะลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับ MO เพียงอย่างเดียว. นอกจากวัสดุเคลือบอิมัลชันที่มีคุณภาพไข่ขาวเริ่มต้นของไข่ชนิดอิมัลซิใช้ในการเตรียมอิมัลชันและสภาพการเก็บรักษาไข่อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพภายในของไข่; แต่การศึกษาน้อยมากที่ได้รับการดำเนินการในพื้นที่นี้ Sabrani และเพน (1978) ตั้งข้อสังเกตปฏิสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญ (P <0.05) อายุระหว่างไก่ (ไข่จากแม่ไก่ที่อายุน้อยกว่าเมื่อเทียบกับรุ่นเก่าที่มีไข่ขาวเริ่มต้นที่แตกต่างกันคุณภาพ) และวัสดุเคลือบผิว (น้ำมันลินสีด) ต่อคุณภาพไข่ภายในช่วง 24 วันของการจัดเก็บ วันที่ 28 ° C จากวรรณกรรมตีพิมพ์ไม่มีข้อมูลที่มีอยู่ในการทำงานร่วมกันระหว่างชนิดอิมัลชันที่ใช้สำหรับการเตรียมการเคลือบอิมัลชันและคุณภาพไข่ขาวเริ่มต้น (แสดงเป็นหน่วย Haugh) ก่อนที่จะเคลือบและผลรวมของพวกเขาในอายุการเก็บรักษาของไข่ระหว่างการเก็บรักษา. ดังนั้น วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้เพื่อประเมินผลกระทบของ MO นี้: CH (25:75) เคลือบเตรียมอิมัลชันที่มีสี่ emulsifiers ที่แตกต่างกัน (2 น้ำและ 2 น้ำมันผสมกัน) ในการรักษาที่มีคุณภาพภายในของไข่เคลือบ (สองไข่ขาวเริ่มต้นที่แตกต่างกัน คุณภาพก่อนที่จะเคลือบ) ในช่วง 5 สัปดาห์การเก็บรักษาที่ 25 ± 2 องศาเซลเซียสและในช่วง 20 สัปดาห์ของการเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 4 ± 2 องศาเซลเซียส

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

1 . บทนำ
สหรัฐอเมริกา ( US ) เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรายใหญ่ของไข่ทั่วโลก ตาม USDA เศรษฐศาสตร์ สถิติ และ ระบบข้อมูลทางการตลาด ( USDA , 2013 ) , เราผลิตไข่ตารางใน 2012 เป็น 6.68 ล้านโหล โหล เทียบกับ 6.60 พันล้านในปี 2011 ไข่จะมีความรู้สึกไวต่อภายในเสื่อมคุณภาพ ส่วนใหญ่เนื่องจากการสูญเสียความชื้นและในระดับที่น้อยกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านเปลือกไข่รู ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคุณภาพที่ไม่พึงประสงค์ในไข่ขาวและไข่แดง และโดยรวมของการสูญเสียน้ำหนัก ( stadelman 1995b , ) ในสหรัฐอเมริกา ไข่จะต้องแช่เย็นที่ 7 ° C หรือด้านล่าง เพื่อรักษาคุณภาพและไข่ขาว ไข่แดง และชะลอการสูญเสียน้ำหนัก ( jirangrat et al . , 2010 และ∗ Wardy et al . , 2011 )ทำความเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถลดโดยครึ่งน้ำหนักของไข่ เปรียบเทียบกับการเก็บรักษาที่อุณหภูมิห้อง และไข่ในตู้เย็นสามารถเก็บรักษาคุณภาพเกรด AA สำหรับอย่างน้อย 4 สัปดาห์ ( biladeau &ในปี 2009 ) อย่างไรก็ตาม ในหลายประเทศ เช่น ไทย เกาหลีใต้ และบราซิล ) , แช่แข็งไข่ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ( Hong et al . , 2012 และ Mizumoto zylbersztajn และ ,2004 ) และอาจจะไม่ค่อยได้ซ้อมเลย ดังนั้นการเคลือบผิวเป็นอีกวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรักษาคุณภาพไข่ภายใน และอาจช่วยลดต้นทุนพลังงานที่เกิดจากความเย็นของไข่ในช่วงกระเป๋า

มีการใช้วัสดุเคลือบผิวเปลือกไข่เพื่อรักษาคุณภาพภายในของไข่ วัสดุเหล่านี้รวมถึงโพลิเมอร์สังเคราะห์ ( Meyer &สเปนเซอร์ , 1973 )พอลิแซ็กคาไรด์ ( bhale et al . , 2003 และ∗ Wardy et al . , 2010 ) , โปรตีน ( rhim เวลเลอร์& gennadios , 2004 ) และน้ำมัน ( ∗ obanu และ mpieri 1984 และ waimaleongora EK , et al . , 2009 ) งานเบื้องต้นของเราพบว่าสารเคลือบที่เตรียมจากน้ำมันแร่ ( MO ) และสารละลายไคโตแซน ( CH ) ในอัตราส่วน 25:75 สามารถยืดอายุการเก็บรักษาไข่นานกว่าการเคลือบสารละลายไคโตซานคนเดียวนอกจากนี้ เวลาแห้งของอิมัลชันบนเปลือกไข่ที่ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับโมคนเดียว

นอกจากวัสดุเคลือบอิมัลชัน , คุณภาพไข่ขาวเริ่มต้นของไข่ อิมัลซิไฟเออร์ชนิดที่ใช้ในการเตรียมอิมัลชัน และเงื่อนไขการเก็บไข่ อาจมีผลต่อคุณภาพภายในของไข่ อย่างไรก็ตาม การศึกษาน้อยมากได้รับการทำในพื้นที่นี้และ sabrani เพย์น ( 1978 ) สังเกตปฏิสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญ ( p < 0.05 ) ระหว่างอายุของไก่ ( ไข่จากแม่ไก่น้องกับพี่ชายมีคุณภาพไข่ขาวเริ่มต้นที่แตกต่างกัน ) และวัสดุเคลือบผิว ( น้ำมันลินสีด ) ต่อคุณภาพไข่ภายในช่วง 24 วันของกระเป๋าที่ 28 องศา จากการตีพิมพ์วรรณกรรมไม่มีข้อมูลในการปฏิสัมพันธ์ระหว่างอิมัลซิไฟเออร์ชนิดที่ใช้สำหรับการเตรียมอิมัลชันเคลือบผิวและคุณภาพไข่ขาวเริ่มต้น ( แสดงเป็นหน่วยต่างๆ ก่อนเคลือบและรวมผลในการเก็บรักษาไข่ในระหว่างกระเป๋า

ดังนั้น การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโม : CH ( 25 :75 ) เคลือบอิมัลชันที่มีสี่อิมัลซิไฟเออร์ที่แตกต่างกัน ( น้ำ 2 - 2 น้ำมันได้ ) ในการรักษาคุณภาพภายในของไข่ ( ไข่ขาวเคลือบสองคุณภาพที่แตกต่างกันเริ่มต้นก่อนเคลือบ ) ระหว่างการเก็บรักษา 5 สัปดาห์ที่ 25 ° C และ± 2 ช่วง 20 สัปดาห์ เก็บที่ 4 ± 2 องศา