Want to protect your heart? You can

Want to protect your heart? You can start by pumping up your potassium intake. Consuming more potassium helps lower your blood pressure if you have hypertension, and it’s also associated with a lower risk of stroke, according to a new study published in the British Medical Journal.

Researchers reviewed and analyzed 33 trials and studies on how increased potassium intake affects blood pressure, all-cause mortality, cardiovascular disease, stroke, and coronary heart disease. What they found: A higher potassium intake slashed stroke risk by 24 percent. In people with hypertension, it also reduced systolic blood pressure by 3.49 millimeters of mercury (the units used to measure blood pressure) and lowered diastolic blood pressure by 1.96 millimeters of mercury.

Those numbers might sound small, but they can lead to major results: If everyone in the U.S. lowered their diastolic blood pressure by about 2 millimeters of mercury, it could prevent around 67,000 incidences of coronary heart disease and 34,000 strokes each year, according to the study.

Potassium helps relax the walls of the blood vessels that lead to your heart. Relaxed blood vessels reduces blood flow resistance, and helps your body get rid of sodium—all of which helps regulate blood pressure, says Elena Kuklina, MD, PhD, nutritional epidemiologist at the Centers for Disease Control and Prevention and adjunct professor of nutrition at Emory University.

That’s why the World Health Organization now suggests that adults and children consume at least 3,510 mg of potassium each day (that’s about the amount you’d find in five to six servings of fruits and vegetables). The good news? Adding potassium to your diet can be really easy, says study author Nancy Aburto, PhD, a nutritional advisor at the United Nations World Food Programme and a former scientist at the World Health Organization. Beans and peas; nuts; vegetables like spinach, cabbage, and parsley; and fruits like bananas, papayas, kiwis, strawberries, and dates are all loaded with potassium. It’s also a good idea to stay away from processed foods, which contain less potassium than their unprocessed counterparts and account for around 75 percent of sodium intake in industrialized countries, says Aburto.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ต้องการที่จะปกป้องหัวใจของคุณหรือไม่ คุณสามารถเริ่มต้นด้วยการสูบน้ำขึ้นปริมาณโพแทสเซียมของคุณ เสียโพแทสเซียมมากขึ้นจะช่วยลดความดันโลหิตของคุณหากคุณมีความดันโลหิตสูงและก็ยังเกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองตามการศึกษาใหม่ที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์อังกฤษ.

นักวิจัยการทบทวนและวิเคราะห์ 33 การทดลองและการศึกษาเกี่ยวกับวิธีการเพิ่มโพแทสเซียม ส่งผลกระทบต่อปริมาณความดันโลหิตทุกสาเหตุการตายโรคหัวใจและหลอดเลือดโรคหลอดเลือดสมองและโรคหลอดเลือดหัวใจ สิ่งที่พวกเขาพบปริมาณโพแทสเซียมสูงเฉือนเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองโดย 24 เปอร์เซ็นต์ ในผู้ที่มีความดันโลหิตสูงก็ยังช่วยลดความดันโลหิตโดย 3.49 มิลลิเมตรปรอท (หน่วยที่ใช้ในการวัดความดันโลหิต) และลดความดันโลหิตโดย 1.96 มิลลิเมตรปรอท.

ตัวเลขเหล่านี้อาจเสียงเล็ก ๆ แต่พวกเขาสามารถนำไปสู่​​ผลลัพธ์ที่สำคัญถ้าทุกคนอยู่ในเรา ลดความดันโลหิตของพวกเขาโดยประมาณ 2 มิลลิเมตรปรอทก็สามารถป้องกันไม่ให้รอบ 67,000 อุบัติการณ์ของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและ 34,000 จังหวะในแต่ละปีตามการศึกษา.

โพแทสเซียมช่วยผ่อนคลายผนังของหลอดเลือดที่นำไปสู่​​หัวใจของคุณหลอดเลือดผ่อนคลายช่วยลดความต้านทานการไหลเวียนของเลือดและช่วยให้ร่างกายของคุณได้รับการกำจัดโซเดียมซึ่งทั้งหมดช่วยควบคุมความดันโลหิตกล่าวว่า elena kuklina, MD, PhD, ระบาดวิทยาทางโภชนาการที่ศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคและผู้ช่วยศาสตราจารย์ของโภชนาการที่ emory มหาวิทยาลัย.

ที่ว่าทำไมองค์การอนามัยโลกขณะนี้แสดงให้เห็นว่าเด็กและผู้ใหญ่ใช้เวลาอย่างน้อย 3,510 มิลลิกรัมของโพแทสเซียมในแต่ละวัน (ที่เกี่ยวกับจำนวนเงินที่คุณจะหาได้ใน 5-6 เสิร์ฟของผักและผลไม้) ข่าวดี? เพิ่มโพแทสเซียมในอาหารของคุณอาจเป็นเรื่องง่ายที่ผู้เขียนศึกษา nancy Aburto, PhD, ที่ปรึกษาทางโภชนาการที่สหประชาชาติโปรแกรมอาหารของโลกและอดีตนักวิทยาศาสตร์ที่องค์การอนามัยโลกกล่าวว่า ถั่วและถั่ว; ถั่ว; ผักเช่นผักโขมกะหล่ำปลีและผักชีฝรั่งและผลไม้เช่นกล้วย, มะละกอ, กีวี, สตรอเบอร์รี่และวันที่จะเต็มไปด้วยโพแทสเซียม มันยังเป็นความคิดที่ดีที่จะอยู่ห่างจากอาหารแปรรูปซึ่งมีโพแทสเซียมน้อยกว่าคู่ที่ยังไม่ได้ของพวกเขาและบัญชีสำหรับประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ของการบริโภคโซเดียมในประเทศอุตสาหกรรม, Aburto กล่าวว่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ต้องการปกป้องหัวใจของคุณหรือไม่ คุณสามารถเริ่มต้น ด้วยการปั๊มน้ำค่าปริมาณของโพแทสเซียม ใช้เพิ่มเติมโพแทสเซียมช่วยลดความดันโลหิตของคุณถ้าคุณมีความดันโลหิตสูง และมันยังมีสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่ต่ำกว่าของจังหวะ ตามการศึกษาใหม่ที่เผยแพร่ในทางการแพทย์อังกฤษสมุด

นักวิจัยตรวจสอบ และวิเคราะห์การทดลอง 33 และศึกษาวิธีเพิ่มปริมาณโพแทสเซียมมีผลต่อความดันโลหิต การตายทุกสาเหตุ โรคหลอดเลือดหัวใจ จังหวะ และโรค สิ่งที่พวกเขาพบ: บริโภคโพแทสเซียมสูงเฉือนความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองร้อยละ 24 ในคนที่มีความดันโลหิตสูง มันยังลดความดันโลหิต systolic โดย 3.49 มิลลิเมตรปรอท (หน่วยที่ใช้วัดความดันโลหิต) และลดลงความดันโลหิต diastolic 1.96 มิลลิเมตรปรอท

หมายเลขดังกล่าวอาจเสียงเล็ก ๆ แต่พวกเขาสามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ใหญ่: ถ้าทุกคนในสหรัฐการลดลงของความดันโลหิต diastolic โดยประมาณ 2 มิลลิเมตรปรอท มันไม่ incidences 67,000 รอบน่าโรค 34,000 จังหวะในแต่ละปี ตามการศึกษา

โพแทสเซียมช่วยผ่อนคลายผนังของหลอดเลือดที่หัวใจของคุณได้ หลอดเลือดผ่อนคลายลดความต้านทานการไหลของเลือด และช่วยร่างกายกำจัดโซเดียม — ซึ่งช่วยควบคุมความดันโลหิต กล่าวว่า เอเลนา Kuklina, MD ปริญญาเอก epidemiologist โภชนาการที่ศูนย์ป้องกัน ควบคุมโรค และศาสตราจารย์ adjunct ของโภชนาการที่ Emory มหาวิทยาลัย

ที่ว่าทำไมองค์การอนามัยโลกตอนนี้แนะนำให้ ผู้ใหญ่และเด็กกินน้อย 3,510 มก.โพแทสเซียมแต่ละวัน (ซึ่งไม่เกี่ยวกับจำนวนเงินที่คุณจะพบได้ใน 5-6 กระปุกของผักและผลไม้) ข่าวดี เพิ่มโพแทสเซียมเพื่ออาหารของคุณได้อย่างง่ายมาก ๆ กล่าวว่า การศึกษาผู้แต่ง Nancy Aburto ดร. ปรึกษาโภชนาการที่โครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติและเป็นอดีตนักวิทยาศาสตร์ที่องค์การอนามัยโลก ถั่วและถั่วลันเตา ถั่ว ผักเช่นผักโขม กะหล่ำปลี และผักชี ฝรั่ง ผลไม้เช่นกล้วย papayas, kiwis สตรอเบอร์รี่ และทั้งหมดโหลดกับโพแทสเซียมที่ต้องการ มีความคิดที่ดีจากอาหารแปรรูป ที่ประกอบด้วยโพแทสเซียมน้อยกว่าการประมวลผลคู่และบัญชีสำหรับประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณโซเดียมในประเทศอุตสาหกรรม กล่าวว่า Aburto

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ต้องการปกป้องหัวใจของคุณ คุณสามารถเริ่มต้นได้ด้วยการปั๊มเพิ่มขึ้นการ บริโภค ,โปแตสเซียมของคุณ โปแตสเซียม บริโภค มากขึ้นช่วยลดความดันโลหิตของคุณหากคุณมี ภาวะ ความดันโลหิตสูงและเป็นที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่ต่ำจากการตียังจากการศึกษาใหม่ที่เผยแพร่ในวารสารทางการแพทย์ของอังกฤษที่.

นักวิจัยของผลการดำเนินงานและมีการวิเคราะห์ 33 การศึกษาและการทดลองในการ บริโภค เพิ่มขึ้นมีผลต่อโปแตสเซียมความดันโลหิตอัตราการตายของทั้งหมดที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง. สิ่งที่พวกเขาพบว่าการ บริโภค ,โปแตสเซียมสูงขึ้นคงจะนำมาความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองแตกโดยร้อยละ 24 ในผู้ที่มีความดันสูงนอกจากนี้ยังลดความดันเลือด abdominal thrusts 3.49 มิลลิเมตรโดยสารปรอท(ชุดที่ใช้ในการวัดความดันโลหิต)และลดความดันโลหิตปากโดย 1.96 มิลลิเมตรของสารปรอท.

หมายเลขผู้ที่อาจจะเสียงขนาดเล็กแต่สามารถนำไปสู่การให้เกิดผลลัพธ์สำคัญถ้าทุกคนในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ลดลงความดันโลหิตปากของเขาโดยประมาณ 2 มิลลิเมตรของสารปรอทซึ่งอาจจะป้องกันไม่ให้รอบ 67,000 จัดหาอาหารของโรคหลอดเลือดหัวใจและ 34,000 แต้มแต่ละปีจากการศึกษาที่.

โปแตสเซียมช่วยให้ผ่อนคลายผนังของหลอดเลือดที่นำไปสู่บริเวณใจกลางของคุณเลือดที่ผ่อนคลายช่วยลดการต่อต้านการไหลเวียนของโลหิตและช่วยให้ร่างกายของคุณให้กำจัดของโซเดียม - ทั้งหมดซึ่งจะช่วยควบคุมความดันโลหิตกล่าวว่า Elena kuklina ปริญญาเอก MD epidemiologist คุณค่าทาง โภชนาการ ที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคและศาสตราจารย์ด้าน โภชนาการ ของบุคลากรทางการแพทย์ที่มหาวิทยาลัย Emory .

ที่เป็นเหตุผลว่าทำไมองค์กรอนามัยโลกที่ได้แนะนำให้ผู้ใหญ่และเด็ก บริโภค อย่างน้อย 3โปแตสเซียม 510 มก.ในแต่ละวัน(ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับจำนวนเงินที่คุณจะพบได้ในห้าถึงหกรับประทานผักและผลไม้) ข่าวดีหรือไม่? การเพิ่มสารโปแตสเซียมการรับประทานอาหารของคุณได้อย่างง่ายดายจริงๆบอกว่าแนนซี่ aburto ผู้เขียนโปรแกรมช่วยแนะนำการศึกษาปริญญาเอกด้าน โภชนาการ ที่โลกอาหารโปรแกรมสหประชาชาติและนักวิทยาศาสตร์อดีตที่องค์กรอนามัยโลกได้ ถั่วลันเตาและเมล็ดถั่วผักเช่นกะหล่ำปลีผักโขมและผักชีฝรั่งและผลไม้เช่นวันที่และสตรอเบอรี่กีวีมะละกอกล้วยทั้งหมดมาพร้อมกับโปแตสเซียม. ก็เป็นความคิดที่ดีด้วยเช่นกันเพื่อการเข้าพักที่อยู่ห่างออกไปในระยะทางจากอาหารสำเร็จรูปที่มีน้อยกว่าโปแตสเซียมต่ำกว่าผู้ที่ยังไม่ได้ประมวลผลและแอคเคาท์สำหรับประมาณร้อยละ 75 ของการ บริโภค โซเดียมที่อยู่ในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมกล่าวว่า aburto