Beauveria bassianaKelly HerringtonB

Beauveria bassiana
Kelly Herrington
Beauveria bassiana is a fungal pathogen that was discovered by Agostino Bassi de Lodi in 1835. Bassi was researching the heavy decline in larval silkworms, which are used to produce silk. He determined that the “muscardine” was caused by a fungus that multiplied in and on the host (Mahr). This was actually the first reported microorganism to be recognized as a contagious agent of animal disease. This pathogen was later named after Agostino Bassi himself, who was also deemed the “Father of Insect Pathology.”

Beauveria bassiana has a variety of characteristics that make it unique to other pathogens. It occurs naturally in soils throughout the world. It produces sexually and asexually. It is usually filamentous and has definite cell walls. The growth rate is moderately rapid. The colonies can reach a diameter of 3 cm following an incubation time of seven days at 27 degrees Celsius on potato glucose agar. It possesses many strains that exhibit considerable variation in virulence, pathogenicity and host range. Beauveria bassiana also has no preference as to its host’s stage in life; it will attack larvae and adults. A very unique characteristic is that it affects its host upon contact, unlike many other pathogens that need to be consumed to cause infection. Upon contact the pathogen kills the host from the inside out. It produces spores, known as conidia (asexual form), that directly infect through the outside of the insect’s skin; it then proceeds to germinate. From the spores it secretes enzymes that attack and dissolve the cuticle. It also produces Beauvericin, a toxin that weakens the host’s immune system. At this point, the fungus is replicating and feeding on the host’s internal organs and blood-like fluids. The host dies within three to seven days after contact. The time variance depends upon the size and complexity of the host. It was generally reported that high humidity and high temperatures are required for the fungus to germinate, but again, it depends upon the host. After death occurs, the fungus proceeds to grow off the host producing a “white bloom” effect. The insect is covered by a white to yellowish cottony/mealy mold layer. The conidia spores are then released into the environment and the life cycle is complete.

Beauveria bassiana is currently being used as an insecticide to control pest populations. A few of these pests include termites, fire ants, whiteflies, aphids and various beetles; the host range list goes way beyond the examples listed here. This fungal pathogen is also under current research and its affects upon the malaria spreading mosquitoes. They intend to spray the mosquito nets with Beauveria bassiana in an insecticide form, therefore upon contact with the nets the mosquitoes will die shortly thereafter; and the hope is to have an eventual decline in malaria. I was unable to find any results with experiment; however I do hope it proves to be successful.

Since Beauveria bassiana is a fungal pathogen, it does not harm humans. One study did show that it may cause keratitis in humans, which is a form of the herpes simplex virus, but no other articles mentioned any side effects. The Beauvericin toxin also proved to show no infections or side effects in laboratory animals.

I was very intrigued by my pathogen after researching it. I find it hard to believe that such a tiny microorganism can cause death to such a wide variety of hosts in such a short amount of time. I have never seen anything like the “white bloom” affect, the pictures I provided in the presentation give more credit to it rather than a simple description. I was also interested in the fact that it could prove to be a positive affect on malaria.

References

Doctor Fungus. “Beauveria bassiana” http://www.doctorfungus.org/thefungi/beauv eria.htm

IPM of Alaska. “Microbial Insecticide: Beauveria bassiana http://ipmofalaska.homestead.com/files/bea uveria.html

Mahr, Susan. “The Entomopathogen Beauveria bassiana” Midwest Biological Control News. http://www.entomolgy.wisc.edu/mbcn/kyf410.html

Technical Bulletin 218 - Fungal Diseases. http://msucares.com/pubs/techbulletins/tb218funga l.htm

Wikipedia .http://en.wikipedia.org/wiki/Beauveria_bassiana

*Disclaimer - This report was written by a student participaring in a microbiology course at the Missouri University of Science and Technology. The accuracy of the contents of this report is not guaranteed and it is recommended that you seek additional sources of information to verify the contents.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Beauveria bassiana
Kelly Herrington
Beauveria bassiana ได้ศึกษาเชื้อราที่ถูกค้นพบ โดยอากอ Bassi de โรงเรียนโลดี้ในปีค.ศ. 1835 Bassi ถูกวิจัยลดลงหนัก larval silkworms ซึ่งใช้ในการผลิตผ้าไหม เขากำหนดว่า "muscardine" ที่เกิดจากเชื้อราที่คูณใน และโฮสต์ (Mahr) นี้เป็นจริงแรกรายงานจุลินทรีย์เพื่อการรับรู้เป็นตัวแทนติดต่อโรคสัตว์ การศึกษานี้ในภายหลังชื่อว่าหลังจากที่อากอ Bassi ตัวเอง ที่ยังถือว่า "บิดาของพยาธิแมลง"

Beauveria bassiana มีหลากหลายลักษณะที่ให้เฉพาะโรคอื่น ๆ มันเกิดตามธรรมชาติในดินเนื้อปูนทั่วโลก มันสร้างทางเพศ และ asexually มันเป็นปกติ filamentous และมีผนังเซลล์ที่แน่นอน อัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วปานกลางได้ อาณานิคมสามารถเข้าถึงต่อเวลาการฟักตัวของเจ็ดวันที่ 27 องศาเซลเซียสในมันฝรั่งน้ำตาลใน agar 3 ซม.เส้นผ่านศูนย์กลาง มันมีหลายสายพันธุ์ที่แสดงการเปลี่ยนแปลงมากใน virulence, pathogenicity และช่วงโฮสต์ Beauveria bassiana มีไม่ชอบเป็นขั้นตอนการโฮสต์ในชีวิต มันจะโจมตีตัวอ่อนและผู้ใหญ่ ลักษณะที่พักเป็นที่มีผลต่อของโฮสต์เมื่อผู้ติดต่อ ซึ่งแตกต่างจากโรคอื่น ๆ มากมายที่ต้องใช้ทำให้เกิดการติดเชื้อ เมื่อผู้ติดต่อ การศึกษาฆ่าโฮสต์จากภายในออก มันผลิตเพาะเฟิร์น เรียกว่า conidia (asexual ฟอร์ม), ที่ติดเชื้อโดยตรงผ่านด้านนอกของผิวหนังของแมลง แล้วดำเนินการ germinate การเพาะเฟิร์น มัน secretes เอนไซม์ที่โจมตี และละลายกำพร้า นอกจากนี้มันยังผลิต Beauvericin พิษที่อ่อนระบบภูมิคุ้มกันของโฮสต์ จุดนี้ เชื้อราเป็นสถานการณ์ และอาหารบนอวัยวะภายในของโฮสต์และของเหลวเช่นเลือด โฮสต์ตายภายใน 3-7 วันหลังจากติดต่อ ผลต่างของเวลาขึ้นอยู่กับขนาดและความซับซ้อนของโฮสต์ นั้นโดยทั่วไปรายงานว่า ความชื้นสูงและอุณหภูมิสูงจำเป็นสำหรับเชื้อราเพื่อ germinate แต่อีก มันขึ้นอยู่กับโฮสต์ หลังจากตายเกิด เชื้อราดำเนินจะเติบโตออกจากโฮสต์ที่ผลิตผล "บลูมสีขาว" แมลงครอบคลุม โดยขาวชั้นแม่พิมพ์ cottony/ป่น สีเหลือง เพาะเฟิร์น conidia ถูกนำออกใช้แล้วในสภาพแวดล้อม และวงจรชีวิตของการทำงานเสร็จ

Beauveria bassiana กำลังถูกใช้เป็นตัวกำจัดแมลงเพื่อควบคุมประชากรศัตรูพืช ของศัตรูพืชเหล่านี้ได้แก่ปลวก มดไฟ whiteflies, aphids และ ด้วงต่าง ๆ รายการช่วงโฮสต์ไปวิธีนอกเหนือจากตัวอย่างที่แสดงที่นี่ การศึกษาเชื้อรานี้ยังอยู่ภายใต้การวิจัยปัจจุบันและผลกระทบที่ตามมาลาเรียแพร่กระจายยุง ต้องการพ่นมุ้งกันยุงกับ Beauveria bassiana ในแบบยาฆ่าแมลง ดังนั้นเมื่อติดต่อกับมุ้งยุงจะตายในไม่ช้าหลังจากนั้น และหวังจะมีการลดลงในโรคมาลาเรีย ผมไม่พบผลลัพธ์ใด ๆ ด้วยการทดลอง อย่างไรก็ตาม หวังจะพิสูจน์ให้ประสบความสำเร็จ

เนื่องจาก Beauveria bassiana ได้ศึกษาเชื้อรา มันไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ หนึ่งการศึกษาไม่ได้แสดงว่า มันอาจทำให้เกิด keratitis ในมนุษย์ ซึ่งเป็นรูปแบบของไวรัสเริม แต่ไม่มีบทความกล่าวถึงผลข้างเคียงใด ๆ พิษ Beauvericin ยังพิสูจน์การแสดงไม่มีการติดเชื้อหรือผลข้างเคียงในห้องปฏิบัติการสัตว์

ผมมาก intrigued โดยศึกษาของฉันหลังจากการวิจัยก็ ฉันค้นหายากที่จะเชื่อว่า จุลินทรีย์ขนาดเล็กสามารถทำตายเป็นเช่นความหลากหลายของโฮสต์ในจำนวนดังกล่าวเป็นระยะเวลา ฉันไม่เคยเห็นอะไรเช่น "ไวท์บลูม" มีผลต่อ รูปภาพที่ผมให้ไว้ในงานนำเสนอให้สินเชื่อเพิ่มเติมให้มันแทนคำอธิบายง่าย ๆ ผมยังสนใจในความเป็นจริงที่จะสามารถพิสูจน์ให้ ผลบวกในมาลาเรีย

อ้างอิง

แพทย์เชื้อรา Eria.htm

IPM http://www.doctorfungus.org/thefungi/beauv "Beauveria bassiana" ของอะแลสกา "ยาฆ่าแมลงจุลินทรีย์: Beauveria bassiana http://ipmofalaska.homesteaduveria.html

Mahr com/แฟ้ม/บดินทร์ ซูซาน "การ Entomopathogen Beauveria bassiana" เชลซีควบคุมข่าวสาร http://www.entomolgy.wisc.edu/mbcn/kyf410.html

เทคนิคนการ 218 - โรคเชื้อรา http://msucares.com/pubs/techbulletins/tb218funga l.htm

Wikipedia .http://en.wikipedia.org/wiki/Beauveria_bassiana

* สงวนสิทธิ์ - รายงานนี้ถูกเขียน โดย participaring นักเรียนในหลักสูตรจุลชีววิทยาที่มหาวิทยาลัยมิสซูรีของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไม่รับประกันความถูกต้องของเนื้อหาของรายงานนี้ และขอแนะนำที่ คุณแสวงหาแหล่งข้อมูลเพื่อตรวจสอบเนื้อหาเพิ่มเติม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บิวเวอเรียบาเซียน่า

เคลลี่แฮร์ริ่งเติ้นบิวเวอเรียบาเซียน่าเป็นเชื้อโรคเชื้อราที่ถูกค้นพบโดยกุสติโน เดอ โลใน Bassi 1835 เคยทำวิจัยเกี่ยวกับ Bassi ลดลงหนักในดักแด้หนอนไหม ซึ่งใช้ในการผลิตผ้าไหม เขาตั้งใจว่า " muscardine " เกิดจากเชื้อราที่ขึ้นในและบนโฮสต์ ( มาร์ )นี้เป็นครั้งแรกที่รายงานจุลินทรีย์ที่จะได้รับการยอมรับว่าเป็นเจ้าหน้าที่ติดต่อของโรคสัตว์ เชื้อโรคนี้ภายหลังถูกตั้งชื่อตาม Bassi อกอสติโน ตัวเองก็ยังถือว่าเป็น " บิดาของโรคแมลง "

บิวเวอเรียบาเซียน่ามีความหลากหลายของลักษณะที่ทำให้มันไม่ซ้ำกับเชื้อโรคอื่นๆ มันเกิดขึ้นตามธรรมชาติในดินทั่วโลกผลิต และ asexually ทางเพศ . มันมักจะเป็น และมีผนังเซลล์ที่แน่นอน อัตราการขยายตัวอย่างรวดเร็วมาก อาณานิคมสามารถเข้าถึง เส้นผ่าศูนย์กลาง 3 ซม. ตามระยะเวลา 7 วัน ที่ 27 องศาเซลเซียส บนอาหารวุ้นในมันฝรั่ง มันมีหลายสายพันธุ์ ที่แสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงมากในช่วงการ virulence และโฮสต์บิวเวอเรียบาเซียน่า ยังไม่มีความต้องการที่จะเป็นโฮสต์ของเวทีในชีวิต มันจะโจมตีหนอนและผู้ใหญ่ เอกลักษณ์มากคือว่ามันมีผลต่อโฮสต์เมื่อสัมผัส แตกต่างจากเชื้อโรคอื่น ๆอีกมากมายที่ต้องใช้ในการก่อให้เกิดการติดเชื้อ เมื่อสัมผัสเชื้อโรคฆ่าโฮสต์จากภายในออก จะสร้างสปอร์เรียกว่าเดีย ( แป้นพิมพ์ MIDI )ที่ตรงติดผ่านด้านนอกของผิวของแมลง มันก็เริ่มงอก จากสปอร์มันหลั่งเอนไซม์ที่โจมตี และละลายพร้า . มันยังสร้างบิวเวอริซิน พิษที่อ่อนตัวระบบภูมิคุ้มกันของโฮสต์ ณจุดนี้ , เป็นเชื้อราที่ประสบความสำเร็จและการให้อาหารบนโฮสต์ของอวัยวะภายในและเลือดเหมือนของเหลวโฮสต์จะตายภายในสามถึงเจ็ดวันหลังจากที่ติดต่อ เวลาแปรปรวนขึ้นอยู่กับขนาดและความซับซ้อนของโฮสต์ ก็มักจะมีความชื้นสูงและอุณหภูมิสูง เป็นเชื้อราจะงอก แต่อีกครั้งก็ขึ้นอยู่กับโฮสต์ หลังจากความตายเกิดขึ้น เชื้อรา ซึ่งเจริญเติบโตจากโฮสต์ที่ผลิต " บานสีขาว " ผลแมลงที่ถูกปกคลุมด้วยสีขาวแกมเหลือง ที่เหมือนผ้าฝ้าย / แป้งปั้นชั้น การสร้างสปอร์แล้วปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม และวงจรชีวิตสมบูรณ์

บิวเวอเรียบาเซียน่ากำลังถูกใช้เป็นยาฆ่าแมลงในการควบคุมประชากรของศัตรูพืช ไม่กี่ของศัตรูพืชเหล่านี้ ได้แก่ ปลวก มด เพลี้ยและแมลงต่าง ๆ whiteflies , , ;รายชื่อพืชอาศัยไปนอกเหนือจากตัวอย่างที่แสดงไว้ที่นี่ เชื้อราสาเหตุโรคนี้ยังอยู่ภายใต้การวิจัยในปัจจุบันและผลกระทบของการแพร่กระจายบนมาลาเรียยุง พวกเขาตั้งใจที่จะพ่นมุ้งกับบิวเวอเรียบาเซียน่าในยาฆ่าแมลง รูปแบบ ดังนั้นเมื่อสัมผัสกับมุ้งยุงจะตายหลังจากนั้นไม่นาน และหวังว่า จะได้ลดลงในที่สุดในมาลาเรียฉันไม่สามารถที่จะหาผลลัพธ์ใด ๆ กับการทดลอง แต่ผมหวังว่า มันพิสูจน์ให้ประสบความสำเร็จ

เพราะบิวเวอเรียบาเซียน่าเป็นเชื้อโรค เชื้อรา มันไม่ทำอันตรายมนุษย์ หนึ่งการศึกษาได้แสดงให้เห็นว่ามันอาจทำให้กระจกตาอักเสบในมนุษย์ ซึ่งเป็นรูปแบบของเริม แต่ไม่มีบทความอื่น ๆที่กล่าวถึงผลข้างเคียงใดส่วนบิวเวอริซินซินก็พิสูจน์แล้วว่าไม่มีเชื้อหรือผลข้างเคียงในสัตว์ทดลอง

ฉัน intrigued โดยเชื้อโรคของฉันหลังจากการค้นคว้ามัน ฉันพบว่ามันยากที่จะเชื่อว่าเป็นจุลินทรีย์เล็ก ๆสามารถทำให้ตายได้เช่นที่หลากหลายของโฮสต์ในเวลาสั้นๆ . ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ " บาน " สีขาว ส่งผลกระทบต่อภาพที่ผมให้ไว้ในการนำเสนอให้เครดิตเพิ่มเติมได้มากกว่าคำอธิบายง่ายๆ ฉันยังสนใจในความจริงที่ว่ามันอาจพิสูจน์จะส่งผลบวกต่อโรคมาลาเรีย

อ้างอิง

หมอเห็ดรา " บิวเวอเรียบาเซียน่า " http://www.doctorfungus.org/thefungi/beauv ชีวภาพ . htm

IPM ของอลาสก้า " แมลงจุลินทรีย์ : บิวเวอเรียบาเซียน่า http://ipmofalaska.homestead .ดอทคอม / ไฟล์ / บี uveria . html

มาร์ ซูซาน " entomopathogen บิวเวอเรียบาเซียน่า " มิดเวสต์ที่ควบคุมทางชีวภาพข่าว http : / / www.entomolgy . wisc . edu / mbcn / kyf410 . html

เทคนิคประกาศ 218 - เชื้อราโรค http://msucares.com/pubs/techbulletins/tb218funga l.htm

วิกิพีเดีย http : / / en . wikipedia . org / wiki / beauveria_bassiana

* หมายเหตุ - รายงานนี้ถูกเขียนขึ้นโดยนักเรียน participaring ในจุลชีววิทยาหลักสูตรที่มหาวิทยาลัยมิสซูรีของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความถูกต้องของเนื้อหาของรายงานนี้จะไม่รับประกัน และขอแนะนำให้คุณค้นหาแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบเนื้อหา