II. CURRENT USE OF IT IN HEALTHCARE

II. CURRENT USE OF IT IN HEALTHCARE

Current literature on the deployment of information systems

in the health care sector shows that most organizations are al-
locating a relatively small amount of resources toward informa-
tion systems. In fact, one study showed that the health care in-
dustry was generally spending only about 2% of its revenues

on technology, while other industries generally average around

10% [1]. This study was echoed by another article [2] showing

that the health care sector still lagged behind the financial in-
dustry, the telecommunication industry, and the airline industry

in terms of the implementation of information technology.

Spinning off of the lack of resource allocation is the finding

that the health care industry is lagging behind in terms of

e-commerce applications. One study of American health care

providers showed that while 92% of health care professionals

surveyed had informational Web sites, only 20% were partic-
ipating in extranets or supply chain networks, and only 15%

were currently offering enterprise portals [3]. The general

reluctance of the health care industry to adopt IT change, is also

highlighted in a study of health care in the United Kingdom [4].

This study shows that while general practitioners were using

computers as a part of their daily routine, only 19% of general

practitioners in the U.K. were currently linked to NHSnet, a

government sponsored network that can be used to link all of

the country’s general practitioners into central databases via

voice, data, and mobile communication media [4]. Although the

current use of information systems in the health care industry

is minimal, there has been a push to allow information systems

to play a more intricate role in health care. This is evidenced

by research showing that the percentage of resources allocatedto IT is increasing from the before mentioned 2% to more like

5%–7% [5].

The increase is mainly attributed to those organizations that

utilize information technology from a primarily administrative

perspective, using transaction processing systems and manage-
ment information systems, to support billing processes and pa-
tient records [6]. This trend is changing as many health care or-
ganizations are now starting to use information systems for clin-
ical purposes to improve patient care [7]. The various clinical

purposes involve physician-to-physician communication to dis-
cuss difficult treatments, and share common knowledge. Also,

more and more physicians are beginning to directly communi-
cate with their patients via e-mail. An AOL survey revealed that

33% of surveyed physicians were currently using e-mail to com-
municate directly with their patients [8].

In addition to utilizing administrative systems and some

clinical communication, current health care organizations are

also using the Web to disseminate information about their orga-
nizations. Most of these sites are simply used as an information

medium, and are not highly interactive or personalized, but

some are being used in disease management, to reach out and

monitor patients diagnosed with chronic illnesses [9].

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ครั้งที่สองปัจจุบันใช้มันในการดูแลสุขภาพวรรณกรรมปัจจุบันในการใช้ระบบสารสนเทศในการดูแลสุขภาพ ภาคแสดงว่า องค์กรส่วนใหญ่เป็นอัล-ค้นหาจำนวนทรัพยากรต่อ informa - เล็กระบบสเตรชัน ในความเป็นจริง การศึกษาหนึ่งพบว่าการดูแลสุขภาพในdustry โดยทั่วไปมีค่าใช้จ่ายเพียงประมาณ 2% ของรายได้ของเทคโนโลยี ในขณะที่อุตสาหกรรมอื่น ๆ โดยทั่วไปเฉลี่ยสถาน10% [1] การศึกษานี้ไม่ได้พูดย้ำ โดยบทความอื่น [2] แสดงที่ภาคสุขภาพ lagged ยังคงอยู่เบื้องหลังทางการเงิน ในdustry อุตสาหกรรมโทรคมนาคม และอุตสาหกรรมการบินในแง่ของการใช้งานของเทคโนโลยีสารสนเทศปั่นออกจากการขาดการจัดสรรทรัพยากรคือ การค้นหาว่า อุตสาหกรรมดูแลสุขภาพที่เป็น lagging หลังในแง่ของโปรแกรมประยุกต์อีคอมเมิร์ซ หนึ่งการศึกษาดูแลสุขภาพอเมริกันผู้ให้บริการพบว่าในขณะที่ 92% ของผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสำรวจได้ทำเว็บไซต์ เพียง 20% partic-ipating เดิลแวร์ หรือเครือข่ายห่วงโซ่อุปทาน และเพียง 15%ในปัจจุบันได้ให้บริการพอร์ทัลขององค์กร [3] โดยทั่วไปรายการอาหารของอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพเพื่อนำมาใช้มันเปลี่ยน ยังเป็นเน้นการศึกษาในสหราชอาณาจักร [4]การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าในขณะที่ใช้ทั่วไปผู้คอมพิวเตอร์เป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวัน ทั่วไปเพียง 19%ผู้ในอังกฤษถูกเชื่อมโยงอยู่กับ NHSnet การรัฐบาลสนับสนุนเครือข่ายที่สามารถใช้เพื่อเชื่อมโยงทั้งหมดผู้ทั่วไปของประเทศที่เป็นฐานข้อมูลกลางผ่านเสียง ข้อมูล และสื่อโทรศัพท์มือถือ [4] แม้ว่าการปัจจุบันใช้ระบบข้อมูลในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพมีน้อยที่สุด มีการผลักดันให้ระบบข้อมูลการเล่นบทบาทที่ซับซ้อนมากขึ้นในการดูแลสุขภาพ นี้เป็นหลักฐานโดยงานวิจัยที่แสดงเปอร์เซ็นต์ของ allocatedto ทรัพยากรที่ มันเพิ่มจากก่อนที่จะกล่าวถึง 2% เพื่อเพิ่มเติมเช่น5 – 7% [5]ส่วนใหญ่มีบันทึกเพิ่มให้องค์กรเหล่านั้นที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศจากผู้ดูแลเป็นหลักมุมมอง การใช้ธุรกรรมระบบการประมวลผล และจัดการ-ระบบข้อมูลติดขัด การสนับสนุนการเรียกเก็บเงินกระบวนและป่า-tient ระเบียน [6] แนวโน้มนี้กำลังเปลี่ยนแปลงดูแลสุขภาพมาก หรือ -ganizations ตอนนี้จะเริ่มใช้ระบบข้อมูลสำหรับ clinวัตถุประสงค์ที่ ical เพื่อปรับปรุงการดูแลผู้ป่วย [7] ทางคลินิกต่าง ๆวัตถุประสงค์เกี่ยวข้องกับการสื่อสารแพทย์แพทย์ไปหรือไม่??-cuss รักษายาก และความรู้ทั่วไป ยังแพทย์มาก ขึ้นจะเริ่มตรงฮาวายชุดสื่อสาร-cate มีผู้ที่ป่วยทางอีเมล สำรวจการ AOL เปิดเผยที่33% ของแพทย์ที่สำรวจได้ใช้อีเมลการ com-municate โดยตรงกับผู้ป่วยของพวกเขา [8]นอกจากการใช้ระบบจัดการและบางมีองค์กรดูแลสุขภาพปัจจุบันการสื่อสารทางคลินิกใช้เว็บฟุ้งข้อมูลเกี่ยวกับ orga ของ-nizations ส่วนใหญ่ของเว็บไซต์เหล่านี้ก็ใช้เป็นข้อมูลการปานกลาง และจะไม่สูง หรือแบบโต้ตอบส่วน ตัว แต่บางส่วนใช้ในการจัดการโรค การเข้าถึง และตรวจสอบผู้ป่วยวินิจฉัยกับโรคเรื้อรัง [9]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ครั้งที่สอง ปัจจุบันใช้ไอทีในการดูแลสุขภาพวรรณกรรมปัจจุบันในการใช้งานของระบบสารสนเทศในภาคการดูแลสุขภาพที่แสดงให้เห็นว่าองค์กรส่วนใหญ่จะอัลตำแหน่งเป็นจำนวนเงินที่ค่อนข้างเล็กของทรัพยากรข้อมูลที่มีต่อระบบการ ในความเป็นจริงการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการดูแลสุขภาพหดัสทรีได้โดยทั่วไปการใช้จ่ายเพียงประมาณ 2% ของรายได้ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีในขณะที่อุตสาหกรรมอื่นๆ โดยทั่วไปเฉลี่ยประมาณ10% [1] การศึกษาครั้งนี้ได้รับเสียงสะท้อนจากบทความอื่น [2] แสดงให้เห็นว่าภาคการดูแลสุขภาพยังคงรั้งอยู่เบื้องหลังin-การเงินดัสทรี, อุตสาหกรรมโทรคมนาคมและอุตสาหกรรมการบินในแง่ของการดำเนินงานของเทคโนโลยีสารสนเทศ. ปั่นออกจากการขาดการจัดสรรทรัพยากร คือการค้นพบว่าอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพจะล้าหลังในแง่ของการใช้งานe-Commerce การศึกษาชิ้นหนึ่งของการดูแลสุขภาพชาวอเมริกันผู้ให้บริการแสดงให้เห็นว่าในขณะที่ 92% ของผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพที่สำรวจมีเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลเพียง20% เป็น partic- ipating ในเอ็กซ์ทราเน็ตหรือเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานและมีเพียง 15% ที่ถูกนำเสนอพอร์ทัลขององค์กร [3] ทั่วไปไม่เต็มใจของอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพที่จะนำไอทีเปลี่ยนแปลงนอกจากนี้ยังเน้นในการศึกษาการดูแลสุขภาพในสหราชอาณาจักร[4]. การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าในขณะที่ผู้ปฏิบัติงานทั่วไปได้ใช้คอมพิวเตอร์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของพวกเขาเพียง 19 % ของทั่วไปผู้ปฏิบัติงานในสหราชอาณาจักรได้รับการเชื่อมโยงกับNHSnet ที่รัฐบาลให้การสนับสนุนเครือข่ายที่สามารถใช้ในการเชื่อมโยงทั้งหมดของประเทศที่ปฏิบัติงานทั่วไปลงในฐานข้อมูลกลางผ่านทางเสียงข้อมูลและสื่อการสื่อสารเคลื่อนที่[4] แม้ว่าปัจจุบันใช้ระบบสารสนเทศในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพน้อยที่สุดได้มีการผลักดันในการช่วยให้ระบบสารสนเทศที่จะมีบทบาทที่ซับซ้อนมากขึ้นในการดูแลสุขภาพ นี่คือหลักฐานจากการวิจัยแสดงให้เห็นว่าร้อยละของทรัพยากร allocatedto ไอทีเพิ่มขึ้นจากก่อนที่จะกล่าวถึง 2% มากขึ้นเช่น 5% -7% [5]. เพิ่มขึ้นเป็นส่วนใหญ่ประกอบกับองค์กรที่ใช้เทคโนโลยีข้อมูลจากการบริหารหลักมุมมองโดยใช้ระบบการประมวลผลธุรกรรมและการจัดการระบบสารสนเทศ ment เพื่อสนับสนุนกระบวนการเรียกเก็บเงินและ Pa- บันทึก tient [6] แนวโน้มนี้มีการเปลี่ยนแปลงการดูแลสุขภาพมากเป็นสีganizations ขณะนี้เริ่มที่จะใช้ระบบสารสนเทศสำหรับ clin- วัตถุประสงค์ iCal ในการปรับปรุงการดูแลผู้ป่วย [7] คลินิกต่างๆวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารแพทย์เพื่อแพทย์จะปนการรักษายากคนโง่และแบ่งปันความรู้ทั่วไป นอกจากนี้แพทย์มากขึ้นมีการเริ่มต้นที่จะสื่อสารโดยตรงCate กับผู้ป่วยของพวกเขาผ่านทาง e-mail การสำรวจเอโอแอลเปิดเผยว่า33% ของแพทย์ได้รับการสำรวจใช้อีเมลในการสั่งmunicate โดยตรงกับผู้ป่วยของพวกเขา [8]. นอกจากการใช้ระบบการบริหารและการสื่อสารทางคลินิกองค์กรด้านการดูแลสุขภาพในปัจจุบันจะยังมีการใช้เว็บเพื่อเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับของพวกเขา orga- nizations ส่วนใหญ่ของเว็บไซต์เหล่านี้จะใช้เป็นเพียงข้อมูลกลางและสูงไม่ได้โต้ตอบหรือส่วนบุคคลแต่บางส่วนจะถูกนำมาใช้ในการบริหารจัดการโรคที่จะเข้าถึงและผู้ป่วยที่ตรวจสอบการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเรื้อรัง[9]