3.2 Possibilities of cost reduction

3.2 Possibilities of cost reduction 3.2.1 Farm cost Tracing back to farm cost, to make ethanol ex-refinery price drop below Bt 16.95 in order to be competitive with gasoline, cassava roots should be available at a market price of no more than Bt 736 per tonne. As a result, production cost for cassava farming has to drop to Bt 553 a tonne, assuming that the profit for farmer is fixed at Bt 183 a tonne. If farming cost remains the same, increasing cassava crop yield is one option for reducing farm cost per tonne of cassava. As shown in Fig. 5, the breakpoint of cassava yield at which the cost per tonne of cassava could drop to Bt 553 is 6.6 tonnes/rai, i.e., nearly double current yield of 3.4 tonnes/rai. In the short term, this seems neither feasible nor practical. During the past decade (1995-2004), the national average yield of cassava in Thailand has remained the same or increased slightly, about 5.5% a year [8]. Yield stagnation has resulted from soil losses due to erosion and inappropriate fertilizer application [13]. A combination of cost reduction in crop maintenance (fertilizer/herbicide application) and yield increase would be more practical. The straight line in Fig. 6

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

3.2 เพื่อลดต้นทุน 3.2.1 ฟาร์มต้นทุนติดตามกลับไปยังต้นทุนฟาร์ม ต้องการเอทานอลโรงกลั่นอดีตราคาด้านล่าง 16.95 บาทเพื่อสามารถแข่งขันกับน้ำมัน รากมันสำปะหลังควรมีราคาตลาดของไม่มากกว่า 736 บาทต่อ tonne ดังนั้น ต้นทุนการผลิตสำหรับการเพาะปลูกมันสำปะหลังได้ปล่อย 553 บาทเป็น tonne สมมติว่า กำไรสำหรับเกษตรกรเป็นแบบคงที่ 183 บาท tonne เป็น ถ้าต้นทุนการทำฟาร์มยังคงเหมือนเดิม ผลผลิตการเพาะปลูกมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลือกหนึ่งในการลดต้นทุนฟาร์มต่อ tonne ของมันสำปะหลัง แสดงใน Fig. 5 จุดเปลี่ยนของผลผลิตมันสำปะหลังซึ่งต้นทุนต่อ tonne ของมันสำปะหลังสามารถปล่อยเพื่อ 553 บาทเป็น 6.6 ตัน/ไร่ เช่น ผลตอบแทนปัจจุบันเกือบสองไร่ละ 3.4 ตัน ในระยะสั้น นี้ดูเหมือนว่าไม่เป็นไปได้ หรือการปฏิบัติ ในช่วงทศวรรษ (1995-2004), ผลผลิตเฉลี่ยชาติของมันสำปะหลังในประเทศไทยมีอยู่เหมือนกัน หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ประมาณ 5.5% ต่อปี [8] ผลผลิตความซบเซามีผลจากการสูญเสียดินพังทลายและใช้ปุ๋ยไม่เหมาะสม [13] ทั้งการลดต้นทุนในการบำรุงรักษาพืช (การประยุกต์ใช้ปุ๋ย/สารกำจัดวัชพืช) และเพิ่มผลตอบแทนจะมากขึ้นปฏิบัติการ เส้น 6 Fig.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

3.2 ความเป็นไปได้ของการลดต้นทุนค่าใช้จ่าย 3.2.1 ฟาร์มติดตามกลับไปที่ค่าใช้จ่ายในฟาร์มที่จะทำให้ราคาลดลงเอทานอลโรงกลั่นต่ำกว่า 16.95 บาทในการที่จะแข่งขันกับน้ำมันมันสำปะหลังควรจะมีในราคาตลาดไม่เกิน 736 บาท ต่อตัน เป็นผลให้ต้นทุนการผลิตสำหรับการเลี้ยงมันสำปะหลังที่มีการลดลง 553 บาทต่อตันสมมติว่าผลกำไรให้เกษตรกรได้รับการแก้ไขที่ 183 บาทต่อตัน หากค่าใช้จ่ายการทำการเกษตรยังคงเหมือนเดิม, การเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังพืชเป็นทางเลือกหนึ่งในการลดค่าใช้จ่ายในฟาร์มต่อตันมันสำปะหลัง ดังแสดงในรูป 5, เบรกพอยต์ของผลผลิตมันสำปะหลังที่ค่าใช้จ่ายต่อตันมันสำปะหลังอาจลดลง 553 ล้านบาทเป็น 6.6 ตัน / ไร่คือผลตอบแทนในปัจจุบันเกือบสองเท่าของ 3.4 ตัน / ไร่ ในระยะสั้นนี้ดูเหมือนว่าเป็นไปได้หรือไม่ในทางปฏิบัติ ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา (1995-2004), อัตราผลตอบแทนเ​​ฉลี่ยของชาติมันสำปะหลังในประเทศไทยได้ยังคงเหมือนเดิมหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 5.5% ต่อปี [8] อัตราผลตอบแทนจากความเมื่อยล้าที่เกิดจากการสูญเสียดินที่เกิดจากการพังทลายของดินและปุ๋ยที่ไม่เหมาะสมการประยุกต์ใช้ [13] การรวมกันของการลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาพืช (ปุ๋ย / การประยุกต์ใช้สารกำจัดวัชพืช) และการเพิ่มผลผลิตจะเป็นจริงมากขึ้น เส้นตรงในรูป 6

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

3.2 การลดต้นทุนดำเนินงานและความเป็นไปได้ของค่าใช้จ่ายการติดตามฟาร์มฟาร์มต้นทุน เพื่อให้โรงกลั่นเอทานอล EX ราคาวางด้านล่าง BT 16.95 เพื่อให้สามารถแข่งขันกับน้ำมันเบนซิน รากมันสำปะหลัง ควรจะสามารถใช้ได้ในตลาดที่ราคาไม่เกิน 2 คน ต่อตัน เป็นผลให้ต้นทุนการผลิตมันสำปะหลังเกษตรลดลงจาก 553 เป็นตันสมมติว่า กำไร สำหรับเกษตรกรที่ BT 183 ตัน . ถ้าฟาร์มต้นทุนยังคงเหมือนเดิม การเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลัง พืช เป็นทางเลือกหนึ่งในการลดต้นทุนเกษตรกรต่อตันของมันสำปะหลัง ดังแสดงในรูปที่ 5 , 360 ของผลผลิตมันสำปะหลัง ซึ่งต้นทุนต่อตัน มันสำปะหลังอาจลดลงกว่าคือ 6.6 ตัน / ไร่ ได้แก่ เกือบสองเท่าของปัจจุบันผลผลิต 3 ตัน / ไร่ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆนี้ดูเหมือนจะไม่คุ้มค่า หรือปฏิบัติ ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ( 1995-2004 ) , ค่าเฉลี่ยของประเทศผลผลิตมันสำปะหลังในประเทศไทยยังคงเดิมหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ประมาณ 5.5 ปี [ 8 ] ผลผลิตจากความเมื่อยล้ามีผลขาดทุนเนื่องจากการกัดเซาะดินและปุ๋ยที่ไม่เหมาะสม [ 13 ]การรวมกันของการลดต้นทุนในการบำรุงรักษาพืช ( ปุ๋ย / สารกำจัดวัชพืชใช้ ) และเพิ่มผลผลิตจะปฏิบัติมากขึ้น เส้นตรงในรูปที่ 6