If you stop and think about this, i

If you stop and think about this, it is a little odd. The Bible, so as to make itself better understood, says things which are not literally true. But how can false things be well understood? Galileo's idea, which had in certain circles become a commonplace by 1700, was that the Bible fudged its physics (and metaphysics) so as not distract the foolish ancient rabble from their worship of God. But Nature acts without condescension, and so never lies.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ถ้าคุณหยุด และคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเป็นคี่น้อย พระคัมภีร์ เพื่อให้ตัวเองดีกว่ากัน กล่าวสิ่งที่ไม่เป็นจริงอย่างแท้จริง แต่ว่าสิ่งที่ไม่สามารถดีเข้าใจ ความคิดของกาลิเลโอ ซึ่งมีในบางวงกลายเป็นคำดาด ๆ ธรรมดา โดย 1700 ถูกพระคัมภีร์ fudged ของฟิสิกส์ (และอภิปรัชญา) ดังนั้น ไม่กวนใจ rabble โบราณโง่จากการนมัสการพระเจ้า แต่ธรรมชาติทำหน้าที่ โดย condescension และดังนั้นไม่เคยอยู่

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ถ้าคุณหยุดและคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มันเป็นเรื่องแปลก ๆ พระคัมภีร์เพื่อที่จะทำให้ตัวเองเข้าใจดีกว่าสิ่งที่ไม่เป็นความจริงอย่างแท้จริงกล่าวว่า แต่วิธีการที่สามารถสิ่งที่ผิดพลาดจะเข้าใจดี? ความคิดของกาลิเลโอซึ่งมีในวงการบางอย่างกลายเป็นเรื่องธรรมดาโดย 1700 เป็นว่าพระคัมภีร์ fudged ฟิสิกส์ของตน (และอภิปรัชญา) เพื่อจะได้ไม่หันเหความสนใจของสามัญชนโบราณโง่จากการบูชาของพระเจ้า แต่ธรรมชาติทำหน้าที่โดยไม่ต้องถ่อมตัวและอื่น ๆ ไม่เคยอยู่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ถ้าคุณหยุดและคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเป็นเพียงเล็กน้อยแปลก พระคัมภีร์ เพื่อให้ตัวเองดีกว่าครับ ว่าอะไรที่ไม่ใช่ความจริงที่แท้จริง แต่แล้วสิ่งที่ผิดพลาดได้ เข้าใจมั้ย ความคิดของกาลิเลโอซึ่งมีในบางวงกลม กลายเป็นเรื่องธรรมดา โดย 1700 คือว่าคัมภีร์ fudged ของฟิสิกส์ ( อภิปรัชญา ) ดังนั้นจะไม่กวนใจโง่โบราณสามัญชนจากนมัสการของพระเจ้าแต่ธรรมชาติโดยไม่มีการยอมรับการกระทำและไม่เคยโกหก