Rice millers and rice users use mil

Rice millers and rice users use milled rice surface free fatty acid (FFA) content as an indicator of potential off-flavours and colour development. FFA is present because bran lipid and lipase are deposited together on the rice kernel during milling, resulting in FFA formation on the rice surface (Prabhakar & Venkatesh, 1986). Subsequent oxidation of FFA and other lipids (Galliard, 1983) is probably responsible for off-flavour development. Milled rice FFA is conventionally measured by first obtaining a surface lipid extract by Soxhlet extraction. However, the Soxhlet method for rice involves rigorous extraction, with conditions that are an excessive means for obtaining surface nonbound rice lipids and could cause thermally induced lipid changes such as FFA and hydroperoxides breakdown with additional lipid oxidation. Furthermore, the Soxhlet extraction solvent petroleum ether is nonpolar and unlikely to extract polar bran lipids such as phospholipids from the rice surface. The use of a more polar solvent such as chloroform–methanol should extract polar and non-polar lipids.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โรงสีข้าวและผู้ใช้ข้าวใช้ข้าวสารผิวกรดไขมันอิสระ (FFA) เนื้อหาที่ออกรสชาติ และสีพัฒนาตัวบ่งชี้ศักยภาพ FFA อยู่เนื่องจากรำไขมันและเอนไซม์ไลเปสจะฝากกันเมล็ดข้าวระหว่างกัด ในเอเอฟซีก่อบนพื้นผิวข้าว (Prabhakar & Venkatesh, 1986) การเกิดออกซิเดชันของ FFA และไขมันอื่น ๆ (Galliard, 1983) รับผิดชอบอาจจะออกรสชาติพัฒนา ข้าวสารตามอัตภาพมีวัด FFA โดยได้รับไขมันผิวแยก โดยสกัด Soxhlet อย่างไรก็ตาม วิธี Soxhlet สำหรับข้าวเกี่ยวข้องกับการสกัดอย่างเข้มงวด มีเงื่อนไขที่มีวิธีมากเกินไปสำหรับการได้รับไขมันข้าว nonbound ที่ผิว และอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเหนี่ยวนำความร้อนไขมันเช่นแบ่ง FFA และ hydroperoxides กับออกซิเดชันของไขมันเพิ่มเติม นอกจากนี้ Soxhlet สกัดตัวทำละลายปิโตรเลียมอีเทอร์เป็น nonpolar และไม่น่าจะแยกไขมันรำขั้วโลกเช่นฟอสโฟจากผิวข้าว การใช้ตัวทำละลายมากกว่าขั้วโลกเช่นคลอโรฟอร์มเมทานอลควรแยกไขมันขั้ว และไม่มีขั้ว

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มิลเลอร์และผู้ใช้ข้าวข้าวใช้พื้นผิวข้าวสารกรดไขมันอิสระ (FFA) เนื้อหาเป็นตัวบ่งชี้ที่มีศักยภาพออกรสชาติและการพัฒนาสี FFA เป็นปัจจุบันเพราะไขมันรำและเอนไซม์ไลเปสจะฝากกันบนเมล็ดข้าวในช่วงโม่ผลในการปรับปรุงคุณภาพการก่อตัวบนพื้นผิวข้าว (Prabhakar & เตซ, 1986) ออกซิเดชันที่ตามมาของ FFA และไขมันอื่น ๆ (การเต้นรำ, 1983) อาจจะเป็นผู้รับผิดชอบในการพัฒนาออกรสชาติ ข้าวสาร FFA เป็นวัดอัตภาพโดยได้รับสารสกัดจากพื้นผิวของไขมันครั้งแรกโดยวิธีการสกัดแบบสกัด อย่างไรก็ตามวิธีการวิธีการสกัดแบบสำหรับข้าวที่เกี่ยวข้องกับการสกัดอย่างเข้มงวดโดยมีเงื่อนไขว่าเป็นวิธีการที่มากเกินไปสำหรับการได้รับพื้นผิว nonbound ข้าวไขมันและอาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของไขมันเหนี่ยวนำให้เกิดความร้อนเช่นการปรับปรุงคุณภาพและการสลาย hydroperoxides กับออกซิเดชันของไขมันเพิ่มเติม นอกจากนี้วิธีการสกัดแบบสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ตัวทำละลายไม่มีขั้วและไม่น่าจะดึงไขมันรำขั้วโลกเช่น phospholipids จากพื้นผิวข้าว การใช้งานของขั้วโลกละลายมากขึ้นเช่นคลอโรฟอร์มเมทานอลควรจะดึงไขมันขั้วโลกและไม่มีขั้ว

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โรงสีข้าวและผู้ใช้ข้าวใช้ข้าวขัดสีผิวกรดไขมันอิสระ ( FFA ) เนื้อหาที่เป็นตัวบ่งชี้ของการพัฒนาศักยภาพจากรสชาติและสี FFA เป็นปัจจุบัน เพราะไขมันในรำข้าวและไลเปสจะฝากกันบนเมล็ดข้าวในระหว่างการสี เป็นผลใน FFA เกิดบนพื้นผิวข้าว ( Prabhakar & Venkatesh , 1986 ) ปฏิกิริยาต่อมาของ FFA และไขมันอื่น ๆ ( การเต้นรำชนิดหนึ่ง , 1983 ) เป็นผู้รับผิดชอบออกพัฒนารสชาติ . ข้าวสารโดยทั่วไปวัด FFA เป็นครั้งแรกโดยได้รับสารสกัดไขมันจากผิว 1 . อย่างไรก็ตาม วิธีที่เหมาะสมสำหรับข้าวเกี่ยวข้องกับการสกัดเข้มงวดกับเงื่อนไขที่เป็นหมายถึงการ nonbound มากเกินไปผิวไขมันข้าว และอาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น ปริมาณไขมันและสลายไขมันด้วยการ hydroperoxides ฟรีเพิ่มเติม นอกจากนี้ ปิโตรเลียมอีเทอร์เป็นตัวทำละลายในการสกัดไขมันและไขมันน้ำมันรำข้าวสกัดไม่มีขั้ว ไม่น่ามีขั้ว เช่น ฟอสโฟลิพิดจากผิวข้าว ใช้เป็นตัวทำละลาย เช่นขั้วโลกมากขึ้น–เมทานอลคลอโรฟอร์มควรสกัดไม่มีขั้ว polar lipids .