Traditionally, family practice phys

Traditionally, family practice physicians have been viewed as generalists.However,increasingly they have been expected to possess specialist knowledge in areas such as developmental delays, and psychiatric and biochemical disorders (Lerner,1993)Along with pediatricians,who specialize in child treatment,they are often the first professional to whom parent turn when they suspect a problem. Is the child developing normally? Are his balance and coordination adequate? Why does he refuse to go to sleep at night? Why is he talking at a much later age than his sister did? He seems to move around a great deal: Is he hyperactive? When a vision problem is suspected, an eye specialist should be consulted While there is often overlap among procedures used by the several types of eye specialists, parents and professionals should carefully review the needs of the child as they seek intervention. Ophthalmologists are physicians who are concerned with eye diseases and conditions, as well as the ongoing health of the eye. When adults are unsure of the nature of the vision problem, or if they note indicators of problems such as muscular imbalances or recurrent infections, they should take the child to the ophthalmologist for a complete exam.Optometrists are not physicians and deal with the function of the eye instead of its diseases. They are involved in measurement and correction of visual disorders, usually through prescribing glasses or exercises to enhance eye use on a daily basis. Opticians serve a related function in examining for functional abnormalities. They may prescribe series of eye exercises to help improve areas such as muscular balance and coordination. There are several specialists who deal hearing problems. The otologist is physician who diagnoses and treats conditions and diseases of the auditory system. A related medical specialty is otolaryngology, commonly called ear,nose,and throat. Parents should consult this specialist if their child has recurrent infections and allergies, potentially causing hearing loss. Audiologists are nonmedical specialists who test hearing acuity to ensure that the child’s hearing is in normal rang. Using equipment such as an audiometer, they measure the ability to hear the loudness and pitch of sounds commonly encountered in the surrounding environment and importantly, in human speech. They are also able to test the ability to hear in situations where the level of background noise differs. This information is important for students who may be able to hear in a quiet environment, but experience problems with the addition of surrounding noise such as conversations in the classroom. While nurses in many school districts provide vision and hearing screenings to indicate the need for more extensive testing, these exams should not be viewed as definitive since they may overlook some students with sensory losses. Even if the school has provided screening tests, teachers should rely more on their own observational abilities. If they note a child with the characteristics the checklist, they should pursue in depth testing by specialist to be sure that the problem is discovered.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตามเนื้อผ้าครอบครัวแพทย์ปฏิบัติได้รับการมองว่าเป็น generalists.However เพิ่มมากขึ้นที่พวกเขาได้รับการคาดหวังว่าจะมีความรู้ผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆเช่นการพัฒนาการล่าช้าและความผิดปกติท​​างจิตเวชและชีวเคมี (Lerner, 1993) พร้อมกับกุมารแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการรักษาเด็กที่พวกเขา มักจะเป็นครั้งแรกที่มืออาชีพให้กับคนที่พ่อแม่เปิดเมื่อพวกเขาสงสัยว่าปัญหา เป็นเด็กที่พัฒนาได้ตามปกติ? มีความสมดุลและการประสานงานที่เพียงพอของเขา? ทำไมเขาไม่ปฏิเสธที่จะไปนอนในเวลากลางคืน? ทำไมเขาพูดในวัยกว่าต่อมาน้องสาวของเขาไม่? ดูเหมือนว่าเขาจะย้ายไปรอบ ๆ การจัดการที่ดี: เขาเป็นสมาธิ? เมื่อปัญหาวิสัยทัศน์เป็นผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางตาควรจะปรึกษาในขณะที่มีมักจะซ้อนทับกันในหมู่วิธีการที่ใช้โดยหลายประเภทของผู้เชี่ยวชาญตาพ่อแม่และผู้เชี่ยวชาญควรตรวจสอบความต้องการของเด็กในขณะที่พวกเขาพยายามแทรกแซง จักษุแพทย์ที่มีแพทย์ที่มีความกังวลเกี่ยวกับโรคตาและเงื่อนไขรวมทั้งสุขภาพอย่างต่อเนื่องของตา เมื่อผู้ใหญ่ไม่แน่ใจในลักษณะของปัญหาการมองเห็นหรือถ้าพวกเขาทราบตัวชี้วัดของปัญหาเช่นความไม่สมดุลของกล้ามเนื้อหรือการติดเชื้อกำเริบพวกเขาควรจะให้เด็กที่จะจักษุแพทย์สำหรับ exam.Optometrists สมบูรณ์ไม่ได้แพทย์และจัดการกับการทำงานของ ตาแทนของโรค พวกเขามีส่วนร่วมในการวัดและการแก้ไขความผิดปกติของการมองเห็นมักจะผ่านการกำหนดแว่นตาหรือการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มการใช้สายตาในชีวิตประจำวัน วัดสายตาประกอบแว่นให้บริการฟังก์ชั่นที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบความผิดปกติการทำงาน พวกเขาอาจกำหนดชุดของการออกกำลังกายตาเพื่อช่วยปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าวเป็นความสมดุลของกล้ามเนื้อและการประสานงาน มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่จัดการมีปัญหาการได้ยิน otologist เป็นแพทย์ที่วินิจฉัยและถือว่าเงื่อนไขและโรคของระบบการได้ยิน แพทย์เฉพาะทางที่เกี่ยวข้องกับโสตศอนาสิกเรียกกันว่าหูจมูกและลำคอ พ่อแม่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญนี้ถ้าเด็กของพวกเขามีการติดเชื้อซ้ำและโรคภูมิแพ้อาจก่อให้เกิดการสูญเสียการได้ยิน audiologists เป็นผู้เชี่ยวชาญ nonmedical ที่ทดสอบการได้ยินความรุนแรงเพื่อให้แน่ใจว่าการได้ยินของเด็กที่อยู่ในรังปกติ การใช้อุปกรณ์เช่นเครื่องตรวจการได้ยินที่พวกเขาวัดความสามารถในการได้ยินเสียงดังและระดับเสียงของเสียงที่พบโดยทั่วไปในสภาพแวดล้อมโดยรอบและที่สำคัญในการพูดของมนุษย์ พวกเขายังสามารถที่จะทดสอบความสามารถในการได้ยินในสถานการณ์ที่ระดับของเสียงพื้นหลังที่แตกต่าง ข้อมูลนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเรียนที่อาจจะไม่สามารถที่จะได้ยินในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ แต่ประสบปัญหาด้วยนอกเหนือจากเสียงรบกวนโดยรอบเช่นการสนทนาในห้องเรียน ในขณะที่พยาบาลในโรงเรียนหลายแห่งที่มีวิสัยทัศน์และการคัดกรองการได้ยินเพื่อบ่งชี้ถึงความจำเป็นในการทดสอบอย่างกว้างขวางมากขึ้นการสอบเหล่านี้ไม่ควรถูกมองว่าเป็นที่ชัดเจนตั้งแต่ที่พวกเขาอาจจะมองข้ามนักเรียนบางคนที่มีการสูญเสียประสาทสัมผัส แม้ว่าโรงเรียนได้จัดให้มีการตรวจคัดกรองครูควรอาศัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสามารถในการสังเกตของตัวเอง ถ้าพวกเขาทราบเด็กที่มีลักษณะการตรวจสอบพวกเขาควรจะดำเนินการในการทดสอบความลึกจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้แน่ใจว่าปัญหาได้รับการค้นพบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แต่เดิมแพทย์ปฏิบัติครอบครัวถูกมองว่าเป็น generalists อย่างไรก็ตาม พวกเขามีมากขึ้น คาดว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านความรู้ในด้านต่างๆ เช่น การพัฒนาช้า และจิตเวชและชีวเคมีผิดปกติ ( เลิร์นเนอร์ , 1993 ) พร้อมกับกุมารแพทย์ที่เชี่ยวชาญในการรักษาเด็ก พวกเขามักจะเป็นอาชีพที่พ่อแม่เปิดเมื่อพวกเขาสงสัยปัญหา .คือ การพัฒนาเด็กปกติ ? มีความสมดุลและการประสานงานที่เพียงพอ ? ทำไมเขาถึงปฏิเสธที่จะนอนในเวลากลางคืน ? ทำไมเขาถึงพูดในวัยต่อมา มากกว่าน้องสาวของเขาทำ ดูเหมือนเขาจะย้ายรอบมากคือเขาซุกซนผิดปกติ ? เมื่อปัญหาวิสัยทัศน์เป็นผู้ต้องสงสัยควรปรึกษาหมอตา ในขณะที่มักจะมีความทับซ้อนกันของวิธีการที่ใช้โดยหลายประเภทของผู้เชี่ยวชาญตา ผู้ปกครองและผู้เชี่ยวชาญควรทบทวนความต้องการของเด็กที่พวกเขาแสวงหาการแทรกแซง จักษุแพทย์ เป็นแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับโรคตา และเงื่อนไข ตลอดจนสุขภาพอย่างต่อเนื่องของตาเมื่อผู้ใหญ่ไม่แน่ใจในลักษณะของวิสัยทัศน์ปัญหา หรือถ้าพวกเขาทราบตัวบ่งชี้ของปัญหา เช่น ความไม่สมดุลของกล้ามเนื้อหรือเชื้อกำเริบก็ควรพาเด็กไปให้จักษุแพทย์ตรวจเสร็จ สายตาไม่ได้เป็นแพทย์ และจัดการกับการทำงานของตาแทนของโรค พวกเขามีส่วนร่วมในการวัดและการแก้ไขสายตาผิดปกติมักจะผ่านการฝึกเพื่อเพิ่มตาแว่น หรือใช้ในชีวิตประจำวัน ใช้ฟังก์ชันในการตรวจสอบที่เกี่ยวข้องกับ opticians สำหรับความผิดปกติของหน้าที่ พวกเขาอาจจะสั่งแบบฝึกหัดชุดของตา เพื่อช่วยปรับปรุงพื้นที่ เช่น ความสมดุลของกล้ามเนื้อและการประสานงาน มีผู้เชี่ยวชาญหลายที่จะจัดการปัญหาการได้ยินการ otologist คือหมอที่วินิจฉัยและรักษาเงื่อนไขและโรคของระบบการได้ยิน . พิเศษทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องเป็นอึกๆ มักเรียกว่า หู จมูก และคอ พ่อแม่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ ถ้าเด็กมีการติดเชื้อซ้ำและโรคภูมิแพ้ อาจก่อให้เกิดการสูญเสียการได้ยินnonmedical ลอมเป็นผู้เชี่ยวชาญการทดสอบการได้ยินการมองเห็นเพื่อให้แน่ใจว่า การได้ยินของเด็กปกติ ) การใช้อุปกรณ์เช่นเครื่องตรวจการได้ยิน เขาวัดความสามารถในการได้ยินเสียงและความดังเสียงที่พบบ่อยในสภาพแวดล้อมและที่สำคัญในการพูดของมนุษย์พวกเขาจะยังสามารถทดสอบความสามารถในการได้ยินในสถานการณ์ที่ระดับเสียงพื้นหลังที่แตกต่าง . ข้อมูลนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเรียนที่อาจจะได้ฟังในสภาพแวดล้อมที่เงียบ แต่ ปัญหา ประสบการณ์ ด้วยการเพิ่มรอบเสียง เช่น การสนทนาในชั้นเรียนในขณะที่พยาบาลในโรงเรียนต่าง ๆ ให้เห็นกับได้ยินตะแกรงเพื่อระบุความต้องการการทดสอบอย่างละเอียดเพิ่มเติม สอบเหล่านี้ไม่ควรถูกมองว่าเป็นเด็ดขาด เพราะพวกเขาอาจมองข้าม นักเรียนบางคนมีการสูญเสียประสาทสัมผัส ถ้าโรงเรียนได้ให้บริการคัดกรองครูควรพึ่งพาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสามารถของตนเองจากการสังเกต .ถ้าพวกเขาทราบว่ามีเด็กที่มีลักษณะการตรวจสอบ พวกเขาควรติดตามในการทดสอบความลึก โดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นปัญหาที่พบ

.