Most research on the flipped classr

Most research on the flipped classroom employs group-based interactive learning activities inside
the classroom, citing student-centered learning theories based on the works of Piaget 1967 and
Vygotsky[79]. The exact nature of these activities varies widely between studies. Similarly, there
is wide variation in what is being assigned as "homework". The flipped classroom label is most
often assigned to courses that use activities made up of asynchronous web-based video lectures
and closed-ended problems or quizzes. In many traditional courses, this represents all the instruction
students ever get. Thus, the flipped classroom actually represents an expansion of the curriculum,
rather than a mere re-arrangement of activities. A simplified depiction of this is shown
in Table 2.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ห้องเรียน flipped วิจัยส่วนใหญ่ใช้กิจกรรมกลุ่มแบบเรียนรู้ภายในห้องเรียน อ้างตามงานของ 1967 ปียาแฌทฤษฎีนักเรียนเป็นศูนย์การเรียนรู้ และVygotsky [79] ธรรมชาติที่แท้จริงของกิจกรรมเหล่านี้แตกต่างกันระหว่างการศึกษา ในทำนองเดียวกัน มีมีการเปลี่ยนแปลงมากมายในสิ่งที่ถูกกำหนดเป็น "การบ้าน" ป้ายพลิกห้องเรียนเป็นส่วนใหญ่มักจะกำหนดให้กับหลักสูตรที่ใช้กิจกรรมขึ้นแบบอะซิงโครนัสเว็บวิดีโอบรรยายและปิดปัญหาหรือแบบทดสอบต่าง ๆ ในหลายหลักสูตรดั้งเดิม นี้หมายถึงคำสั่งทั้งหมดนักศึกษาที่เคยได้รับ ดังนั้น เรียน flipped จริงแสดงถึงการขยายตัวของหลักสูตรดี กว่าจัดใหม่เพียงกิจกรรม แสดงให้เห็นการประยุกต์นี้จะแสดงขึ้นในตารางที่ 2

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การวิจัยมากที่สุดในห้องเรียนพลิกพนักงานตามกลุ่มกิจกรรมการเรียนรู้แบบโต้ตอบภายในห้องเรียนอ้างทฤษฎีการเรียนรู้ที่เน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลางขึ้นอยู่กับผลงานของเพียเจต์ 1967 และ Vygotsky [79] ธรรมชาติที่แท้จริงของกิจกรรมเหล่านี้แตกต่างกันระหว่างการศึกษา ในทำนองเดียวกันมีการเปลี่ยนแปลงทั้งในสิ่งที่ถูกกำหนดให้เป็น "บ้าน" ฉลากห้องเรียนพลิกเป็นส่วนใหญ่ที่ได้รับมอบหมายมักหลักสูตรที่ใช้กิจกรรมสร้างขึ้นจาก Web-based ไม่ตรงกันวิดีโอการบรรยายและปัญหาการปิดปลายหรือแบบทดสอบ ในหลักสูตรแบบดั้งเดิมหลาย ๆ นี้แสดงให้เห็นถึงการเรียนการสอนทั้งหมดนักเรียนเคยได้รับ ดังนั้นห้องเรียนพลิกจริงแสดงให้เห็นถึงการขยายตัวของหลักสูตรที่มากกว่าเพียงการจัดเรียงใหม่ของกิจกรรม เป็นภาพที่เรียบง่ายนี้จะแสดงให้เห็นในตารางที่ 2

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วิจัยในชั้นเรียนมากที่สุด พลิกใช้กลุ่มตามแบบกิจกรรมการเรียนรู้ภายในห้องเรียน
อ้างทฤษฎีการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางตามแนวคิดและผลงานของเพียเจต์ 1967
[ 79 ] ลักษณะที่แน่นอนของกิจกรรมเหล่านี้จะแตกต่างกันอย่างกว้างขวางระหว่างศึกษา ในทำนองเดียวกันมีความหลากหลายใน
เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดเป็น " การบ้าน " ที่พลิกป้ายเป็นส่วนมาก
ห้องเรียนมักจะได้รับมอบหมายให้หลักสูตรที่ใช้กิจกรรมต่างๆขึ้นเว็บแบบวีดีโอการบรรยาย
และปิดปัญหา หรือแบบทดสอบ ในหลักสูตรหลายแบบดั้งเดิม นี้แสดงถึงนักเรียนทุกคนสอน
เคยได้รับ ดังนั้น พลิกห้องเรียนจริงหมายถึงการขยายตัวของหลักสูตร
มากกว่าจัดเป็นเพียงกิจกรรม ง่าย ภาพนี้แสดง
ในตารางที่ 2