Tea can boost exercise endurance. S

Tea can boost exercise endurance. Scientists have found that the catechins (antioxidants) in green tea extract increase the body’s ability to burn fat as fuel, which accounts for improved muscle endurance.
Drinking tea could help reduce the risk of heart attack. Tea might also help protect against cardiovascular and degenerative diseases.
The antioxidants in tea might help protect against a boatload of cancers, including breast, colon, colorectal, skin, lung, esophagus, stomach, small intestine, pancreas, liver, ovarian, prostate and oral cancers. But don’t rely solely on tea to keep a healthy body — tea is not a miracle cure, after all. While more studies than not suggest that tea has cancer-fighting benefits, the current research is mixed.
Tea helps fight free radicals. Tea is high in oxygen radical absorbance capacity (“ORAC” to its friends), which is a fancy way of saying that it helps destroy free radicals (which can damage DNA) in the body. While our bodies are designed to fight free radicals on their own, they’re not 100 percent effective — and since damage from these radical oxygen ninjas has been linked to cancer, heart disease and neurological degeneration, we’ll take all the help we can get.
Tea is hydrating to the body (even despite the caffeine!).
Drinking tea is linked with a lower risk of Parkinson’s disease. When considered with other factors like smoking, physical activity, age and body mass index, regular tea drinking was associated with a lowered risk of Parkinson’s disease in both men and women.
Tea might provide protection from ultraviolet rays. We know it’s important to limit exposure to UV rays, and we all know what it’s like to feel the burn. The good news is that green tea may act as a back-up sunscreen.
Tea could keep waist circumference in check. In one study, participants who regularly consumed hot tea had lower waist circumference and lower BMI than non-consuming participants. Scientists speculate that regular tea drinking lowers the risk of metabolic syndrome (which increases the risk of diabetes, artery disease and stroke), although it’s important to remember that correlation does not equal causation.
Regular tea drinking might also counteract some of the negative effects of smoking and might even lessen the risk of lung cancer (good news, obviously, but not a justification for cigs).
Tea could be beneficial to people with Type 2 diabetes. Studies suggest that compounds in green tea could help diabetics better process sugars.
Tea can help the body recover from radiation. One study found that tea helped protect against cellular degeneration upon exposure to radiation, while another found that tea can help skin bounce back postexposure.
Green tea has been found to improve bone mineral density and strength.
Tea might be an effective agent in the prevention and treatment of neurological diseases, especially degenerative diseases (think Alzheimer’s). While many factors influence brain health, polyphenols in green tea may help maintain the parts of the brain that regulate learning and memory.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ชาสามารถเพิ่มการออกกำลังกายความอดทน นักวิทยาศาสตร์ได้พบว่า catechins (สารต้านอนุมูลอิสระ) ในสารสกัดจากชาเขียวเพิ่มความสามารถของร่างกายเผาผลาญไขมันเป็นเชื้อเพลิง การบัญชีสำหรับความอดทนของกล้ามเนื้อดีขึ้นดื่มชาช่วยลดความเสี่ยงของหัวใจวาย ชาอาจยังช่วยป้องกัน โรคหัวใจและหลอดเลือดเสื่อมสารต้านอนุมูลอิสระในชาอาจช่วยป้องกันคุณจาก boatload ของมะเร็ง รวมทั้งเต้านม ลำไส้ใหญ่ ลำไส้ ผิว หนัง ปอด หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ตับอ่อน ตับ รังไข่ มะเร็งต่อมลูกหมาก และปาก แต่ไม่ใช้ชาเพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพดีซึ่งชาไม่ใช่โรคมิราเคิล หลังจากทั้งหมด ในขณะที่ศึกษาเพิ่มเติมมากกว่าไม่แนะนำว่า ชามีประโยชน์ต่อสู้โรคมะเร็ง เป็นผสมการวิจัยปัจจุบันชาช่วยต่อสู้กับอนุมูลอิสระ ชาสูงออกซิเจนรุนแรง absorbance กำลัง ("ORAC" ของเพื่อน), ซึ่งเป็นแบบแฟนซีของช่วยทำลายอนุมูลอิสระ (ซึ่งสามารถทำลายดีเอ็นเอ) ในร่างกาย ได้ ในขณะที่ร่างกายของเราถูกออกแบบมาเพื่อต่อสู้กับอนุมูลอิสระในตัวเอง พวกเขาจะไม่มีประสิทธิภาพ 100 เปอร์เซ็นต์ — และเนื่องจากความเสียหายจากนินจาออกซิเจนรุนแรงเหล่านี้มีการเชื่อมโยงกับโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และระบบประสาทเสื่อม เราจะนำวิธีที่เราจะได้รับการโดยชาร่างกาย (แม้มีคาเฟอีน)ดื่มชาถูกเชื่อมโยงกับความเสี่ยงต่ำของโรคพาร์กินสัน เมื่อพิจารณากับปัจจัยอื่น ๆ เช่นการสูบบุหรี่ กิจกรรมทางกายภาพ ดัชนีมวลร่างกายและอายุ ดื่มชาทั่วไปเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่ลดลงของโรคพาร์กินสันในทั้งชายและหญิงชาอาจให้การป้องกันจากรังสีอัลตราไวโอเลต เรารู้ว่า จะต้องจำกัดการสัมผัสกับรังสียูวี และเราทุกคนรู้ว่ามันคืออะไรเช่นใจเขียน ข่าวดีคือ ว่า ชาเขียวอาจทำหน้าที่เป็นครีมกันแดดสำรองชาสามารถเก็บเส้นรอบวงเอวในการตรวจสอบ ในหนึ่งการศึกษา ผู้เรียนที่ใช้เป็นชาร้อนมีเส้นรอบวงเอวต่ำและ BMI ต่ำกว่าไม่ใช้ผู้เข้าร่วม นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า การดื่มชาเป็นประจำช่วยลดความเสี่ยงของอาการเผาผลาญ (ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงของโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือด และโรคหลอดเลือดสมอง), แม้ว่าจะต้องจำไว้ว่า ความสัมพันธ์ไม่เท่า causationดื่มชาเป็นประจำอาจยังถอนบางส่วนของผลกระทบเชิงลบของการสูบบุหรี่ และยังอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งปอด (ข่าวดี ชัด แต่ไม่มีเหตุผลสำหรับ cigs)ชาอาจจะเป็นประโยชน์กับคนที่มีโรคเบาหวานประเภท 2 การศึกษาแนะนำว่า สารประกอบในชาเขียวช่วยให้เบาดี ประมวลผลน้ำตาลชาสามารถช่วยให้ร่างกายที่กู้คืนจากการฉายรังสี การศึกษาหนึ่งพบว่า ชาช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพเมื่อสัมผัสกับรังสี โทรศัพท์มือถือในขณะที่อีกพบว่า ชาสามารถช่วยให้ผิวเด้งหลัง postexposureชาเขียวได้พบกระดูกความหนาแน่นและความแข็งแรงชาอาจเป็นตัวแทนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและรักษาโรคระบบประสาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคเสื่อม (คิดว่า ของไซเมอร์) ในขณะที่ปัจจัยหลายอย่างมีอิทธิพลต่อสุขภาพสมอง โพลีฟีนในชาเขียวอาจช่วยรักษาส่วนของสมองที่ควบคุมการเรียนรู้และหน่วยความจำ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ชาสามารถเพิ่มการออกกำลังกายความอดทน นักวิทยาศาสตร์ได้พบว่า catechins นี้ (สารต้านอนุมูลอิสระ) ในสารสกัดชาเขียวเพิ่มความสามารถของร่างกายในการเผาผลาญไขมันเป็นเชื้อเพลิงที่บัญชีสำหรับความอดทนของกล้ามเนื้อดีขึ้น.
การดื่มชาจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ชานอกจากนี้ยังอาจช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจและความเสื่อม.
สารต้านอนุมูลอิสระในชาอาจช่วยป้องกัน boatload ของโรคมะเร็งรวมทั้งเต้านมลำไส้ใหญ่ลำไส้ใหญ่, ผิวหนังปอดหลอดอาหารกระเพาะอาหารลำไส้เล็กตับอ่อนตับรังไข่ต่อมลูกหมากและ การเกิดโรคมะเร็งในช่องปาก แต่อย่าพึ่งชาเพื่อให้สุขภาพร่างกาย - ชาไม่ได้รักษาความมหัศจรรย์หลังจากทั้งหมด ขณะที่การศึกษากว่าไม่ขอแนะนำชาที่มีประโยชน์ในการต้านมะเร็งที่การวิจัยในปัจจุบันมีการผสม.
ชาจะช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชาสูงความสามารถในการดูดซับออกซิเจนที่รุนแรง ("ORAC" เพื่อเพื่อนของมัน) ซึ่งเป็นวิธีที่จินตนาการของบอกว่ามันจะช่วยทำลายอนุมูลอิสระ (ซึ่งสามารถสร้างความเสียหาย DNA) ในร่างกาย ในขณะที่ร่างกายของเราได้รับการออกแบบการต้านอนุมูลอิสระของตัวเองพวกเขาไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ที่มีประสิทธิภาพ - และเนื่องจากความเสียหายจากการนินจาออกซิเจนที่รุนแรงเหล่านี้ได้รับการเชื่อมโยงกับโรคมะเร็งโรคหัวใจและโรคความเสื่อมของระบบประสาทเราจะช่วยเหลือทั้งหมดที่เราสามารถทำได้ ได้รับ.
ชาชุ่มชื้นให้กับร่างกาย (แม้แม้จะมีคาเฟอีน).
การดื่มชาจะเชื่อมโยงกับการลดความเสี่ยงของโรคพาร์กินสัน เมื่อพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่นการสูบบุหรี่การออกกำลังกายอายุและดัชนีมวลกายการดื่มชาเป็นประจำมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่ลดลงของโรคพาร์กินสันในทั้งชายและหญิง.
ชาอาจให้การป้องกันจากรังสีอัลตราไวโอเลต เรารู้ว่ามันเป็นสิ่งสำคัญที่จะ จำกัด การสัมผัสกับรังสียูวีและเราทุกคนรู้ว่าสิ่งที่มันชอบที่จะรู้สึกการเผาไหม้ ข่าวดีก็คือว่าชาเขียวอาจทำหน้าที่เป็นครีมกันแดดสำรอง.
ชาสามารถเก็บรอบเอวในการตรวจสอบ ในการศึกษาผู้เข้าร่วมที่ประจำการบริโภคชาร้อนมีรอบเอวลดลงและลดค่าดัชนีมวลกายมากกว่าผู้เข้าร่วมไม่นาน นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าการดื่มชาเป็นประจำช่วยลดความเสี่ยงของภาวะ metabolic syndrome (ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงของโรคเบาหวานโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง) แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะจำความสัมพันธ์ที่ไม่เกิดผลเท่ากัน.
การดื่มชาเป็นประจำนอกจากนี้ยังอาจต่อสู้กับบางส่วนของผลกระทบของ การสูบบุหรี่และยังอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งปอด (ข่าวที่ดีอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่เหตุผลสำหรับบุหรี่ก).
ชาอาจจะเป็นประโยชน์กับคนที่เป็นโรคเบาหวานประเภท 2 การศึกษาแสดงให้เห็นว่าสารในชาเขียวจะช่วยให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานน้ำตาลกระบวนการที่ดีกว่า.
ชาสามารถช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากการฉายรังสี ผลการศึกษาพบว่าชาช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของโทรศัพท์มือถือเมื่อสัมผัสกับรังสีในขณะที่อีกพบว่าชาสามารถช่วยให้ผิวกลับมา postexposure.
ชาเขียวมีการค้นพบในการปรับปรุงความหนาแน่นของกระดูกและความแข็งแรง.
ชาอาจจะเป็นตัวแทนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและ การรักษาโรคทางระบบประสาทโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคความเสื่อม (คิดว่าอัลไซเม) ในขณะที่หลายปัจจัยที่มีผลต่อสุขภาพสมองโพลีฟีนในชาเขียวอาจช่วยรักษาส่วนของสมองที่ควบคุมการเรียนรู้และความจำ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ชาสามารถเพิ่มความอดทนในการออกกำลังกาย นักวิทยาศาสตร์ได้พบว่า catechins ( antioxidants ) สารสกัดจากชาเขียว เพิ่มความสามารถของร่างกายในการเผาผลาญไขมันเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งบัญชีสำหรับความอดทนของกล้ามเนื้อดีขึ้น
ดื่มชาช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ชาอาจช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคความเสื่อม .