Becoming a teacher is more complex

Becoming a teacher is more complex than acquiring knowledge and skills. Teaching is an interpersonal vocation, where one must relate with students while helping them understand and apply the material. Since the 1980s, educational researchers have been exploring teacher identity, a philosophical and psychological construct to help teachers make sense of their roles. This study explored how teacher identity might be useful for volunteer teachers in the church.
Teacher identity is an ongoing, dynamic process where the teacher in conjunction with individual personality and teaching and social contexts makes sense of his or her teaching. Notable researchers include Alsup (2006) and Danielewicz (2001). Researchers have debated whether teacher identity is fixed or fluid, formed individually or as part of a group (Beijaard, Meijer, & Verloop, 2004). Overall, this study seems to indicate that teacher identity should be stable, but not static, and that both individual contexts and social contexts are important. Critical reflection, inspired by Dewey (1910) and Schön (1983), is the main strategy used to foster teacher identity development.
Teacher identity holds promise for Christian educators to facilitate deep reflection on what it means to be a teacher in the body of Christ. Being a teacher in the church involves a relationship with Jesus Christ and His body, and a call to help the members of the body grow in Christian maturity. However, teacher identity needs to be grounded in a Christian worldview by recognizing the place of truth, the reality of the soul, and the Scriptures as authoritative. Thus, a model for Christ-based teacher identity was proposed to help teachers understand their role in the church. The central, essential core is the person's relationship with Jesus Christ and His body. The framing concept is the call to teach in the body of Christ with confirmation from the body of Christ. Within the model, four major categories interact in the formation and continual refinement of a Christ-based teacher identity: growth in faith, growth in stewardship of gifting, growth in experience of teaching, and uniqueness of the teacher. Building on the model, curricular suggestions were also made for congregations.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เป็น ครูที่มีความซับซ้อนมากกว่าการหาความรู้และทักษะ สอนเป็นอาชีพมนุษย ที่หนึ่งต้องเกี่ยวข้องกับนักเรียนช่วยให้พวกเขาเข้าใจ และใช้วัสดุ ตั้งแต่ปี 1980 นักวิจัยทางการศึกษามีการสำรวจการครูเอกลักษณ์ การสร้างปรัชญา และจิตใจเพื่อช่วยครูทำความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ การศึกษานี้สำรวจวิธีครูตนอาจเป็นประโยชน์สำหรับครูอาสาในโบสถ์รหัสประจำตัวครูเป็นกระบวนการต่อเนื่อง แบบไดนามิกที่ครูร่วมกับบุคลิกภาพส่วนบุคคลและบริบททางสังคม และการสอนทำให้รู้สึกการสอนของเขา หรือเธอ นักวิจัยที่โดดเด่นได้แก่ Alsup (2006) และ Danielewicz (2001) นักวิจัยมีการถกเถียงกันว่าแก้ไขรหัสประจำตัวครูหรือของเหลว เป็นรายบุคคล หรือ เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม (Beijaard, Meijer และ Verloop, 2004) ที่เกิดขึ้น โดยรวม การศึกษานี้น่าจะ บ่งชี้ว่า ข้อมูลประจำตัวของครูควรจะมีเสถียรภาพ แต่คงไม่ และบริบทของแต่ละบุคคลและบริบททางสังคมสำคัญ สะท้อนสำคัญ โดย Dewey (1910) และ Schön (1983), เป็นกลยุทธ์หลักที่ใช้ในการส่งเสริมพัฒนาเอกลักษณ์ของครูครูตนถือสัญญาสำหรับคริสเตียนศึกษาเพื่อสะท้อนลึกหมายความว่า จะ เป็นครูในกายของพระคริสต์ การเป็นครูในคริสตจักรที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์กับพระเยซูคริสต์และร่างกายของเขา และสายจะช่วยให้สมาชิกของร่างกายที่เติบโตในคริสเตียนครบ อย่างไรก็ตาม รหัสประจำตัวครูต้องมีความรู้ในโลกทัศน์ของคริสเตียน โดยสถานที่จริง ความจริงของจิตวิญญาณ และคัมภีร์เป็นสิทธิ์ ดังนั้น แบบจำลองสำหรับรหัสประจำตัวครูพระคริสต์ตามที่เสนอเพื่อช่วยให้ครูเข้าใจบทบาทของตนในโบสถ์ หลักกลาง จำเป็นร่างกายของเขาและความสัมพันธ์ของบุคคลกับพระเยซูคริสต์ กรอบแนวคิดเป็นการเรียกการสอนในกายของพระคริสต์มีการยืนยันจากกายของพระคริสต์ ภายในแบบ โต้ตอบสี่ประเภทที่สำคัญในการสร้างและปรับแต่งอย่างต่อเนื่องของตัวครูตามคริสต์: เติบโตในความเชื่อ การเจริญเติบโตในการดูแลของใหม้ เติบโตในประสบการณ์ของการเรียนการสอน และเอกลักษณ์ของครู สร้างรูปแบบ ข้อเสนอแนะนอกยังทำการสำหรับสาธุชน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เป็นครูที่มีความซับซ้อนมากกว่าการแสวงหาความรู้และทักษะ การเรียนการสอนเป็นอาชีพระหว่างบุคคลที่หนึ่งจะต้องเกี่ยวข้องกับนักเรียนในขณะที่ช่วยให้พวกเขาเข้าใจและใช้วัสดุ ตั้งแต่ปี 1980 นักวิจัยการศึกษาได้รับการสำรวจตัวตนของครูสร้างปรัชญาและจิตวิทยาเพื่อช่วยให้ครูให้ความรู้สึกของบทบาทของพวกเขา การศึกษาครั้งนี้มีการสำรวจว่าตัวตนของครูอาจจะมีประโยชน์สำหรับครูอาสาสมัครในโบสถ์.
ตัวตนของครูเป็นอย่างต่อเนื่องกระบวนการพลวัตที่ครูร่วมกับบุคลิกภาพของแต่ละบุคคลและการเรียนการสอนและบริบททางสังคมที่ทำให้ความรู้สึกของการเรียนการสอนของเขาหรือเธอ นักวิจัยเด่น ได้แก่ Alsup (2006) และ Danielewicz (2001) นักวิจัยได้ถกเถียงกันว่าตัวตนของครูที่ได้รับการแก้ไขหรือของเหลวที่เกิดขึ้นรายบุคคลหรือเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม (Beijaard เมย์เยอร์และ Verloop, 2004) โดยรวม, การศึกษาครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะแสดงให้เห็นว่าตัวตนของครูควรจะมีเสถียรภาพ แต่ไม่คงที่และว่าทั้งบริบทของแต่ละบุคคลและบริบททางสังคมที่มีความสำคัญ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญแรงบันดาลใจจากดิวอี้ (1910) และSchön (1983) เป็นกลยุทธ์หลักที่ใช้ในการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาตัวตนของครู.
ตัวตนของครูถือสัญญาสำหรับการศึกษาคริสเตียนเพื่ออำนวยความสะดวกการสะท้อนลึกเกี่ยวกับสิ่งที่มันหมายถึงการเป็นครูในร่างกายของพระคริสต์ . เป็นครูในคริสตจักรที่เกี่ยวข้องกับการมีความสัมพันธ์กับพระเยซูคริสต์และร่างกายของเขาและเรียกร้องให้ช่วยให้สมาชิกของร่างกายเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่นับถือศาสนาคริสต์ แต่ตัวตนของครูจะต้องมีเหตุผลในมุมมองของคริสเตียนโดยตระหนักถึงสถานที่ของความจริงความเป็นจริงของจิตวิญญาณและพระคัมภีร์เป็นเผด็จการ ดังนั้นแบบจำลองสำหรับตัวตนของครูพระคริสต์ตามที่เสนอเพื่อช่วยให้ครูเข้าใจบทบาทของตนในคริสตจักร ภาคกลางภาคหลักที่สำคัญคือความสัมพันธ์ของคนกับพระเยซูคริสต์และร่างกายของเขา กรอบแนวคิดเป็นสายที่จะสอนในร่างกายของพระคริสต์ที่มีการยืนยันจากร่างกายของพระคริสต์ ภายในรูปแบบที่สี่ประเภทหลักโต้ตอบในการสร้างและปรับแต่งอย่างต่อเนื่องของความเป็นเอกลักษณ์ที่ครูคริสตาม: การเจริญเติบโตในความเชื่อที่เจริญเติบโตในการดูแลของ gifting การเจริญเติบโตในประสบการณ์ของการเรียนการสอนและความเป็นเอกลักษณ์ของครู อาคารในรูปแบบข้อเสนอแนะหลักสูตรก็ยังทำเพื่อเร่งเร้า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เป็นครูที่ซับซ้อนกว่าการรับความรู้และทักษะ การสอนเป็นอาชีพของบุคคล ที่ต้องเกี่ยวข้องกับนักเรียนในขณะที่ช่วยให้พวกเขาเข้าใจและใช้วัสดุ ตั้งแต่ 1980 , นักวิจัยทางการศึกษามีการสำรวจครูอัตลักษณ์ ปรัชญา และจิตวิทยา สร้างเพื่อช่วยให้ครูเข้าใจบทบาทของตนเอง การศึกษาสำรวจว่าอาจารย์ตัวตนอาจจะมีประโยชน์สำหรับครูอาสาสมัครในโบสถ์อาจารย์เอกลักษณ์เป็นอย่างต่อเนื่องกระบวนการแบบไดนามิกที่ครูร่วมกับบุคคลและการสอน และบริบททางสังคม ทำให้ความรู้สึกของการสอนของเขา หรือเธอ นักวิจัยเด่น ได้แก่ alsup ( 2006 ) และ danielewicz ( 2001 ) นักวิจัยได้ถกเถียงกันว่า อาจารย์ ตัวตนที่ถาวร หรือ ของเหลวที่เกิดขึ้นเป็นรายบุคคลหรือเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ( beijaard Meijer และ verloop , 2004 ) โดยการศึกษานี้น่าจะระบุว่าครูควรมีตัวตน แต่ไม่คงที่ และบริบทของแต่ละบุคคลและบริบททางสังคมทั้งเป็นสำคัญ โยนิโสมนสิการ แรงบันดาลใจจาก ดิวอี้ ( 1910 ) และ Sch ö n ( 1983 ) เป็นหลัก กลยุทธ์ที่ใช้เพื่อส่งเสริมการพัฒนาตัวครูอาจารย์เอกลักษณ์ถือสัญญาสำหรับคริสเตียนการศึกษาเพื่ออำนวยความสะดวกในการสะท้อนลึกเกี่ยวกับสิ่งที่มันหมายถึงการเป็นครูในพระกายของพระคริสต์ เป็นครูในโบสถ์ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์กับพระเยซูคริสต์และร่างกายของเขา และเรียกร้องให้สมาชิกของร่างกายเติบโตในคริสเตียน วุฒิภาวะ อย่างไรก็ตาม อาจารย์ตนต้องถูกกักบริเวณในคริสเตียนโลกทัศน์โดยตระหนักถึงสถานที่ของสัจธรรม ความเป็นจริงของชีวิต และพระคัมภีร์เป็นเผด็จการ ดังนั้น รูปแบบพระอาจารย์เอกลักษณ์ตามแนวทางที่จะช่วยให้ครูเข้าใจบทบาทของพวกเขาในโบสถ์ ภาคกลาง ที่สำคัญหลักของความสัมพันธ์ของบุคคลกับพระเยซูคริสต์และร่างกายของเขา กรอบแนวคิด เป็น เรียก เพื่อสอนในพระกายของพระคริสต์ โดยได้รับคำยืนยันจากพระกายของพระคริสต์ ภายในรุ่น สี่ประเภทหลักโต้ตอบในการสร้างและการปรับแต่งของพระอาจารย์เอกลักษณ์อย่างต่อเนื่องตามการเจริญเติบโตในความเชื่อการดูแลของ gifting , การเจริญเติบโตในประสบการณ์ของการสอน และ เอกลักษณ์ ของ อาจารย์ อาคารในรูปแบบข้อเสนอแนะหลักสูตรยังทำให้กลุ่มคน