วัฒนธรรมหมายถึง สิ่งทุกอย่างที่มนุษณ์สร้างขึ้นมาและถ่ายทอดสือต่อมาเป็นรุ่นสู่รุ่น นับตั้งแต่ภาษา ศาสนา กฎมาย ศิลปะ จริยธรรม ขนมธรรมเนียมประเพณีต่างๆ ที่ได้มาจากการดำรงชีพของคนรุ่นก่อน อาจจะกล่าวได้ว่าวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือที่มนุษย์คิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยให้มนุษย์สามารถดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้โดยการรู้จักปรับใช้ประโยชน์จากธรรมชาติและปรับพฤติกรรมการเป็นอยู่ของมนุษย์ทำให้เกิดการจัดระเบียบทางสังคม ระบบความเชืท่อและศิลปกรรม
เปรียบดังการสะสมความรู้และประสบการณ์ความเชื่อความนิยมทัศนคติ เป็นการปลูกฝังพฤติกรรมที่ผ่านการเรียนรู้ทางสังคม และได้รับการยอมรับโดยคนทั่วไปส่งผ่านไปตามการสื่อสารและการเลียนแบบจากรุ่นหนึ่งไปยังรุ่นอีกรุ่นหนึ่ง โดยแต่ละกลุ่มคนจะมีวัฒนธรรมที่แตกต่างหรืออาจจะคล้ายคลึงกันไปเนื่องจากปัจจัย สภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ ค่านิยมของบุคคลในท้องถิ่นที่กระทำต่อเนื่องเป็นเวลานานจึงเป็นการหล่อหลอมให้ก่อให้เกิดการเลียแบบนั้น และการได้รับอิทธิพลของวัฒนธรรมใกล้เคียงที่เผยแพร่มาในท้องถิ่นของตนทำให้เกิดการปรับมาใช้
วัฒนธรรมนั้นมีความสำคัญในด้านของการยอมรับของบุคคล ทั้งความเชื่อถือและบุคคลิกภาพที่สื่อออกมาจากการกระทำของบุคคล วัฒนธรรมเป็นตัวกำหนดการกระทำบางอย่างในสังคมนั้นว่าเหมาะสมและน่าจะได้รับความเชื่อถือและความเคารพหรือไม่ หากท้องถิ่นนั้นมีความแตกต่างทางวัฒนธรรมมากเราก็ควรที่จะเรียนรู้และนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมในสังคมนั้น จะเห็นได้ว่าวัฒนธรรมคือตัวชี้วัดของบรรทัดฐานสังคม หากเป็นสังคมใหญ่หรือมีความซับซ้อนมากนั้น ก็จะทำให้มีความหลากลายทางวัฒนธรรมมากยิ่งขึ้น
เมื่อมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมเกิดขึ้น ดังนั้นจึงมีวัฒนธรรมที่สามารถเป็นจุดกำหนดควบคุมพฤติกรรมของประชากรที่มีความหลากหลายให้เป็นสากล คือ วัฒนธรรมที่ได้รับการยอมรับกันทั่วไปอย่างกว้างขวางหรือเป็นอารยธรรม การกระทำที่ได้รับการปฎิบัติตามกันทั่วโลก เช่น การแต่งกายชุดสากล การใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการติดต่อสื่อสาร และปรับเปลี่ยนขนบธรรมเนียมประเพณีให้เหมาะสมแก่การยอมรับเชื่อถือของนานาอารยประเทศ นอกจากนั้นการผูกไมตรีที่ดีต่อกันด้วยการไปมาหาสู่ยังเป็นการเผยแพร่แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและสร้างสายสัมพันธ์ให้กระชับแน่นด้วยความเข้าใจอันดีต่อกันสามารถผ่อนคลายปัญหาความไม่เข้าใจ จึงเป็นเหตุที่ทำให้ทุกคนควรที่จะเรียนรู้วัฒนธรรมของสังคมอื่นๆ เช่น การเรียนรู้วัฒนธรรมของชาวอังกฤษ โดยคนอังกฤษเมื่อพบกันจะใช้วิธียื่นมือขวาจับกันและเขย่ามือเล็กน้อยและพูดทักทายกันจากนั้นเริ่มบทสนทนาด้วยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนผู้นั้น แต่หากเป็นวัฒนธรรมของชาวจีน ชาวจีนมักทักทายกันโดยการจับมือ และกล่าวคำสวัสดีว่า “หนี ห่าว” การเรียกชื่อ ให้เรียกนามสกุล (แซ่) ก่อน และวัฒนธรรมของชาวไทยอันเป็นมารยาทของคนไทย นิยมการประนมมือ การไหว้ และการกราบเป็นการแสดงความเคารพและทักทายตามลำดับอายุ ซึ่งจากการที่ได้ยกตัวอย่างขึ้นมานั้นทำให้ทราบได้ว่ามีความแตกต่างซึ่งแต่ละประเทศดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราควรที่จะเรียนรู้และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของสังคมอื่นและเรียนรู้วัฒนธรรมของสากล นานาและในขนาดเดียวกันเราต้องอนุรักษ์และเผยแพร่วัฒนธรรมของสังคมประเทศตนเองเช่นกัน