Economy - overview:Taiwan has a dyn

Economy - overview:

Taiwan has a dynamic capitalist economy with gradually decreasing government guidance of investment and foreign trade. Exports, led by electronics, machinery, and petrochemicals have provided the primary impetus for economic development. This heavy dependence on exports exposes the economy to fluctuations in world demand. Taiwan's diplomatic isolation, low birth rate, and rapidly aging population are other major long-term challenges. Free trade agreements have proliferated in East Asia over the past several years, and following the landmark Economic Cooperation Framework Agreement (ECFA) signed with China in June 2010, Taiwan in July 2013 signed a free trade deal with New Zealand—Taipei’s first-ever with a country with which it does not maintain diplomatic relations—and in November inked a trade pact with Singapore. Negotiations continue on follow-on components of ECFA regarding trade in goods and a dispute resolution mechanism; a trade in services agreement is under review in the legislature. Taiwan's Total Fertility rate of just over one child per woman is among the lowest in the world, raising the prospect of future labor shortages, falling domestic demand, and declining tax revenues. Taiwan's population is aging quickly, with the number of people over 65 accounting for 11.2% of the island's total population as of 2012. The island runs a large overall trade surplus largely because of its surplus with China, and its foreign reserves are the world's sixth largest, behind China, Japan, Saudi Arabia, Russia, and Switzerland. In 2006 China overtook the US to become Taiwan's second-largest source of imports after Japan. China is also the island's number one destination for foreign direct investment. Taiwan since 2009 has gradually loosened rules governing Chinese investment on the island, and has also secured greater market access for its investors in the mainland. In August 2012, Taiwan Central Bank signed a memorandum of understanding on cross-Strait currency settlement with its Chinese counterpart. The MOU allows for the direct settlement of Chinese RMB and the New Taiwan dollar across the Strait, which could help develop Taiwan into a local RMB hub. Closer economic links with the mainland bring greater opportunities for the Taiwan economy, but also poses new challenges as the island becomes more economically dependent on China while political differences remain unresolved.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

-เศรษฐกิจภาพรวม:Taiwan has a dynamic capitalist economy with gradually decreasing government guidance of investment and foreign trade. Exports, led by electronics, machinery, and petrochemicals have provided the primary impetus for economic development. This heavy dependence on exports exposes the economy to fluctuations in world demand. Taiwan's diplomatic isolation, low birth rate, and rapidly aging population are other major long-term challenges. Free trade agreements have proliferated in East Asia over the past several years, and following the landmark Economic Cooperation Framework Agreement (ECFA) signed with China in June 2010, Taiwan in July 2013 signed a free trade deal with New Zealand—Taipei’s first-ever with a country with which it does not maintain diplomatic relations—and in November inked a trade pact with Singapore. Negotiations continue on follow-on components of ECFA regarding trade in goods and a dispute resolution mechanism; a trade in services agreement is under review in the legislature. Taiwan's Total Fertility rate of just over one child per woman is among the lowest in the world, raising the prospect of future labor shortages, falling domestic demand, and declining tax revenues. Taiwan's population is aging quickly, with the number of people over 65 accounting for 11.2% of the island's total population as of 2012. The island runs a large overall trade surplus largely because of its surplus with China, and its foreign reserves are the world's sixth largest, behind China, Japan, Saudi Arabia, Russia, and Switzerland. In 2006 China overtook the US to become Taiwan's second-largest source of imports after Japan. China is also the island's number one destination for foreign direct investment. Taiwan since 2009 has gradually loosened rules governing Chinese investment on the island, and has also secured greater market access for its investors in the mainland. In August 2012, Taiwan Central Bank signed a memorandum of understanding on cross-Strait currency settlement with its Chinese counterpart. The MOU allows for the direct settlement of Chinese RMB and the New Taiwan dollar across the Strait, which could help develop Taiwan into a local RMB hub. Closer economic links with the mainland bring greater opportunities for the Taiwan economy, but also poses new challenges as the island becomes more economically dependent on China while political differences remain unresolved.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เศรษฐกิจ - ภาพรวม: ไต้หวันมีเศรษฐกิจทุนนิยมแบบไดนามิกที่มีค่อยๆลดลงคำแนะนำรัฐบาลของการลงทุนและการค้าต่างประเทศ การส่งออกนำโดยอิเล็กทรอนิกส์เครื่องจักรและปิโตรเคมีได้ให้แรงผลักดันหลักสำหรับการพัฒนาทางเศรษฐกิจ นี้การพึ่งพาหนักในการส่งออก exposes เศรษฐกิจจากความผันผวนของความต้องการของโลก แยกทูตไต้หวัน, อัตราการเกิดต่ำและประชากรอย่างรวดเร็วริ้วรอยอื่น ๆ ที่ท้าทายในระยะยาวที่สำคัญ ข้อตกลงการค้าเสรีได้แพร่กระจายในเอเชียตะวันออกในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและต่อไปนี้สถานที่สำคัญข้อตกลงกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (ECFA) ได้ลงนามกับประเทศจีนในเดือนมิถุนายน 2010, ไต้หวันในกรกฎาคม 2013 ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับนิวซีแลนด์ไทเปเป็นครั้งแรกที่เคยมี ประเทศที่มีที่มันไม่ได้รักษาความสัมพันธ์ทางการทูตและในเดือนพฤศจิกายนหมึกข้อตกลงการค้ากับสิงคโปร์ การเจรจาต่อไปติดตามกับองค์ประกอบของการค้า ECFA เกี่ยวกับสินค้าและกลไกการระงับข้อพิพาท; การค้าในสัญญาการให้บริการที่อยู่ภายใต้การตรวจสอบในสภานิติบัญญัติ ไต้หวันรวมอัตราการเจริญพันธุ์เพียงเด็กคนหนึ่งต่อผู้หญิงเป็นหนึ่งในต่ำที่สุดในโลก, การเพิ่มโอกาสของการขาดแคลนแรงงานในอนาคตลดลงของอุปสงค์ในประเทศและการลดลงของรายได้จากภาษี ประชากรของไต้หวันเป็นริ้วรอยได้อย่างรวดเร็วกับจำนวนของผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 คิดเป็น 11.2% ของประชากรทั้งหมดของเกาะเป็นของปี 2012 เกาะวิ่งเกินดุลการค้าโดยรวมที่มีขนาดใหญ่มากเพราะส่วนเกินของตนกับประเทศจีนและเงินสำรองต่างประเทศของมันเป็นที่หกของโลก ที่ใหญ่ที่สุดที่อยู่เบื้องหลังจีน, ญี่ปุ่น, ซาอุดิอารเบีย, รัสเซียและวิตเซอร์แลนด์ ในปี 2006 จีนแซงหน้าสหรัฐจะกลายเป็นแหล่งที่มาของไต้หวันใหญ่เป็นอันดับสองของการนำเข้าจากญี่ปุ่น นอกจากนี้จีนยังหมายเลขของเกาะหนึ่งปลายทางสำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ไต้หวันตั้งแต่ปี 2009 ได้ค่อยๆคลายกฎระเบียบที่กำกับดูแลการลงทุนของจีนบนเกาะและมีความปลอดภัยนอกจากนี้ยังมีการเข้าถึงตลาดมากขึ้นสำหรับนักลงทุนในแผ่นดินใหญ่ ในเดือนสิงหาคม 2012, ธนาคารกลางไต้หวันได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานของสกุลเงินข้ามช่องแคบกับคู่ของจีน บันทึกความเข้าใจช่วยให้การชําระหนี้โดยตรงของ RMB จีนและดอลลาร์ไต้หวันใหม่ข้ามช่องแคบซึ่งจะช่วยพัฒนาไต้หวันเป็นศูนย์กลางหยวนท้องถิ่น การเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกับแผ่นดินใหญ่นำโอกาสมากขึ้นสำหรับเศรษฐกิจของไต้หวัน แต่ยังทำให้เกิดความท้าทายใหม่เป็นเกาะจะมากขึ้นทางเศรษฐกิจขึ้นอยู่กับประเทศจีนในขณะที่แตกต่างทางการเมืองยังคงได้รับการแก้ไข

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เศรษฐกิจ - ภาพรวม :

ไต้หวันมีพลวัตเศรษฐกิจทุนนิยมกับค่อยๆลดคำแนะนำการลงทุนของรัฐบาลและการค้าต่างประเทศ การส่งออก นำโดย อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักร และธุรกิจปิโตรเคมี มีแรงผลักดันหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจ นี้หนักพึ่งพาการส่งออก exposes เศรษฐกิจ ความผันผวนของอุปสงค์โลก ทูตของไต้หวันแยกอัตราการเกิดต่ำอย่างรวดเร็วและประชากรสูงอายุมีความท้าทายระยะยาวอื่น ๆที่สำคัญ ข้อตกลงการค้าเสรีมี proliferated ในเอเชียตะวันออกในช่วงหลายปีและสถานที่ตามกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ( ECFA ) ลงนามข้อตกลงกับจีนในเดือนมิถุนายน 2553ไต้หวันในเดือนกรกฎาคม 2556 ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับนิวซีแลนด์ไทเปครั้งแรกกับประเทศที่ไม่ได้รักษาความสัมพันธ์ทางการทูตและในเดือนพฤศจิกายนปีข้อตกลงการค้ากับสิงคโปร์ การเจรจาต่อไป ตามองค์ประกอบของ ECFA เกี่ยวกับการค้าสินค้าและกลไกการระงับข้อพิพาท ; การค้าในข้อตกลงการให้บริการอยู่ภายใต้การตรวจสอบในสภานิติบัญญัติ .ไต้หวันอัตราการเจริญพันธุ์รวมเพียงหนึ่งคนต่อผู้หญิงที่เป็นหนึ่งในสุดในโลก , เพิ่มโอกาสของการขาดแคลนแรงงานในอนาคต ความต้องการภายในประเทศที่ลดลง และลดลง ภาษี รายได้ ประชากรของไต้หวันมีริ้วรอยอย่างรวดเร็ว ด้วยจำนวนคนที่มากกว่า 65 การบัญชีสำหรับ 11.2 % ของประชากรทั้งหมดของเกาะของ 2012เกาะวิ่งเกินดุลการค้าโดยรวมขนาดใหญ่ส่วนใหญ่เพราะส่วนเกินของประเทศจีน และเงินทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของโลกที่หกที่ใหญ่ที่สุด หลังจีน ญี่ปุ่น ซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย และประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในปี 2006 จีนแซงหน้าสหรัฐเป็นแหล่งที่สองที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน นำเข้าจากญี่ปุ่น จีนยังเป็นเกาะจำนวนหนึ่งปลายทางสำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศไต้หวัน ตั้งแต่ปี 2552 ได้ค่อย ๆ คลายกฎว่าด้วยการลงทุนจีนบนเกาะ และมีหลักประกันการเข้าถึงตลาดมากขึ้นสำหรับนักลงทุนของ บริษัท ในแผ่นดินใหญ่ ในเดือนสิงหาคม 2555 ธนาคารกลางไต้หวันได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการตั้งถิ่นฐานกับข้ามช่องแคบสกุลเงินคู่จีนของข้อตกลงอนุญาตให้ชุมชนโดยตรง ของ จีน หยวน และ ใหม่ ข้ามช่องแคบไต้หวันดอลลาร์ ซึ่งช่วยให้สามารถพัฒนาไต้หวันให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมท้องถิ่น ทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดเชื่อมโยงกับแผ่นดินใหญ่นำโอกาสมากขึ้นสำหรับเศรษฐกิจของไต้หวัน แต่ยัง poses ความท้าทายใหม่เป็นเกาะเศรษฐกิจต้องพึ่งพาจีนมากขึ้น ขณะที่ความแตกต่างทางการเมืองยังคงค้างคา