นิทานเศรษฐกิจพอเพียง เรื่อง..ตัดเท่าไหร่ถึงจะพอ
เรื่องของนายชุ่มชื่น กับความไม่รู้จักพอ ทำร้ายและเบียดเบียนธรรมชาติ
นายชุ่มชื่นมีอาชีพขายฟืน อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งใกล้เชิงเขา
ทุกวันเขาจะเก็บกิ่งไม้แห้งจากเชิงเขาเพื่อนำไปขายในตลาด
ชาวบ้านซื้อกิ่งไม้ไปทำฟืนสำหรับหุงต้ม ฟืนของนายชุ่มชื่นขายดิบขายดี
นายชุ่มชื่นได้เงินกลับบ้านมา ก็แบ่งให้ภรรยาไว้ใช้สอยประจำวัน
"..เล่เข้ามา เร่เข้ามา ไม่ซื้อไม่หาไม่ว่าอะไร
ฟืนนายชื่นเนื้อไม้แห้งสนิท
จุดง่ายติดง่ายใช้งานนานกว่าใคร"
วันหนึ่งภรรยานายชุ่มชื่นพูดกับสามีว่า..
“เดินเก็บกิ่งไม้แห้งไปขายเมื่อไหร่จะร่ำรวยสักที”
นายชุ่มชื่น..“ใช่นั่นสิ ทั้งๆที่ฟืนฉันก็ขายดิบขายดี”
ภรรยา... “ฉันว่านะ แทนที่จะเก็บกิ่งไม้ เปลี่ยนเป็นไปตัดต้นไม้น่าจะดี”
รุ่งเช้านายชุ่มชื่นจึงออกตัดต้นไม้ที่ขึ้นรอบๆเชิงเขา
ขณะที่นายชุ่มชื่นกำลังตัดต้นไม้ต้นหนึ่งอยู่
ก็มีแม่นกกางเขนตัวหนึ่งบินมาขอร้องไม่ให้ตัดต้นไม้ต้นนั้น
..แต่นายชุ่มชื่นก็ไม่สนใจ
แล้วก็ลงมือตัดต้นไม้ต่อไป ได้ไม้กองใหญ่นำไปขายได้เงินมากกว่าเดิม
ฝ่ายภรรยาเมื่อเห็นสามีได้เงินมากขึ้นก็เกิดความโลภ
จึงยุให้สามีไปตัดต้นไม้ให้หมดทั้งป่า
นายชุ่มชื่นเห็นด้วย จึงเกณฑ์ญาติพี่น้องมาช่วยกันตัดต้นไม้
แล้วก็พบกับสัตว์ป่าฝูงหนึ่งมาขอร้องไม่ให้ตัดต้นไม้
เพราะจะทำลายที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหารของสัตว์เหล่านั้น
แต่นายชุ่มชื่นก็ไม่สนใจและยังคงตัดต้นไม้ต่อไป
..โค่น โค่น โค่น ตัด ตัด ตัด
ไม้ใหญ่ ไม้เล็ก เรามาตัดกัน!!!
แล้วก็ถึงวันที่ธรรมชาติลงโทษ
เมื่อป่าไม้เหลือแต่ตอไม่มีต้นไม้คอบโอบอุ้มซับน้ำฝน
พอเกิดพายุใหญ่ ลม และฝนก็โหมกระหน่ำ
น้ำป่าไหลบ่าพัดพาเอาท่อนซุงที่กองไว้ ทับถมหมู่บ้านจนพังพินาท
เกิดน้ำท่วมใหญ่ ทั้งหมู่บ้านจมอยู่ใต้น้ำ
นายชุ่มชื่นและภรรยาต้องไปอาศัยบนหลังคาบ้าน
นายชุ่มชื่น บ่นกับภรรยา ถึงความผิดพลาดจนก่อนให้เกิดความสูญเสียใหญ่หลวง
ข้อคิดจากปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง : นายชุ่มชื่นและภรรยา หวังร่ำรวย ด้วยความมักง่าย ไม่รู้จักประมาณตน , ไม่ใช้เหตุผล และขาดคุณธรรม เบียดเบียน และทำลายธรรมชาติ สัตว์ป่า โดยไม่คิดถึงผลกระทบต่อส่วนรวม