n order to compare the frequency an

n order to compare the frequency and patterns of use of the Barthel Index (BI) and Functional Independence Measure (FIM) in stroke rehabilitation trials, all randomized controlled trials (RCTs) of stroke rehabilitation published between 1968 and 2002 were identified and reviewed to determine the frequency with which the BI and FIM measures were used relative to other measures of disability. The date and location of each study citing either the FIM or the BI were also recorded. Studies were assigned ratings of methodological quality based on the physiotherapy evidence database (PEDro) scoring system. Comparisons of the age, frequency and continents of origin and methodological quality of the studies were explored. Results indicate that the BI and FIM were the most common measures of disability used in RCTs examining stroke rehabilitation. However, the BI was used more often than the FIM (n=86, P

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สั่ง n เพื่อเปรียบเทียบความถี่และรูปแบบการใช้ Barthel ดัชนี (BI) และทำงานเป็นอิสระวัด (FIM) ในจังหวะฟื้นฟูทดลอง randomized ทั้งหมดทดลองควบคุม (RCTs) ของการฟื้นฟูจังหวะที่ตีพิมพ์ระหว่างค.ศ. 1968 และ 2002 ระบุ และทบทวนเพื่อกำหนดความถี่ที่ใช้มาตรการ BI และ FIM สัมพันธ์กับมาตรการอื่น ๆ ของความพิการ วันและตำแหน่งของแต่ละการศึกษาอ้างถึงใน FIM หรือ BI ยังบันทึก ศึกษาได้กำหนดให้จัดอันดับคุณภาพ methodological ตามกายภาพหลักฐานฐานข้อมูล (PEDro) ระบบการให้คะแนน เปรียบเทียบอายุ ความถี่ และทวีปของกำเนิดและ methodological คุณภาพการศึกษาได้สำรวจ ผลลัพธ์บ่งชี้ว่า BI และ FIM ถูกใช้ใน RCTs พิการมากที่สุดทั่วไปมาตรการตรวจสอบฟื้นฟูจังหวะ อย่างไรก็ตาม BI ถูกใช้บ่อยเกิน FIM (n = 86, P < 0.001) และถูกอ้างถึงในทดลองคุณภาพ (P = 0.005) การศึกษาจากอเมริกาเหนือมีแนวโน้มที่จะใช้ FIM เมื่อเทียบกับยุโรปศึกษา (n = 24, P < 0.001) สิ่งพิมพ์ที่อ้างถึงใน BI ได้มากสุดเมื่อเริ่มต้นในยุโรปซึ่งตรงข้ามกับอเมริกาเหนือ (P = 0.023) ผลลัพธ์เหล่านี้ให้เป็นรูปแบบปัจจุบันใช้มาตราส่วนในจังหวะวิจัยฟื้นฟู

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

n เพื่อเปรียบเทียบความถี่และรูปแบบของการใช้ดัชนีบาร์เธล (BI) และวัดความเป็นอิสระการทำงาน (FIM) ในการทดลองการฟื้นฟูจังหวะทุกงานวิจัยแบบสุ่ม (RCTs) การฟื้นฟูจังหวะการตีพิมพ์ระหว่างปี 1968 และ 2002 มีการระบุและการตรวจสอบเพื่อตรวจสอบ ความถี่ที่ BI และมาตรการ FIM ถูกนำมาใช้เมื่อเทียบกับมาตรการอื่น ๆ ของความพิการ วันที่และสถานที่ตั้งของการศึกษาอ้างแต่ละอย่างใดอย่างหนึ่งหรือ FIM BI ถูกบันทึกไว้ยัง การศึกษาที่ได้รับมอบหมายการจัดอันดับที่มีคุณภาพวิธีการขึ้นอยู่กับฐานข้อมูลหลักฐานกายภาพบำบัด (Pedro) ระบบการให้คะแนน เปรียบเทียบอายุความถี่และทวีปแหล่งกำเนิดสินค้าและคุณภาพของการศึกษาวิธีการที่ถูกสำรวจ ผลการวิจัยพบว่า BI และ FIM เป็นมาตรการที่พบมากที่สุดของความพิการที่ใช้ในการตรวจสอบการฟื้นฟูสมรรถภาพ RCTs จังหวะ อย่างไรก็ตาม BI ที่ใช้บ่อยกว่า FIM (n = 86, p <0.001) และได้รับการอ้างถึงในการทดลองที่มีคุณภาพที่เหนือกว่า (P = 0.005) การศึกษาจากทวีปอเมริกาเหนือมีแนวโน้มที่จะใช้ FIM เมื่อเทียบกับการศึกษายุโรป (n = 24, p <0.001) สิ่งพิมพ์อ้าง BI อย่างมีนัยสำคัญมากขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่เกิดขึ้นในยุโรปเมื่อเทียบกับทวีปอเมริกาเหนือ (P = 0.023) ผลการศึกษานี้ให้ข้อมูลเชิงลึกในรูปแบบปัจจุบันของการใช้งานในระดับจังหวะการวิจัยการฟื้นฟูสมรรถภาพ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เพื่อเปรียบเทียบความถี่และรูปแบบของการใช้ดัชนีโดย ( บี ) และวัดความเป็นอิสระการทำงาน ( FIM ) ในการทดลองฟื้นฟูโรคหลอดเลือดสมองทั้งหมดสุ่มทดลอง ( RCTs ) การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่ตีพิมพ์ระหว่าง พ.ศ. 2511 และพ.ศ. 2545 มีการระบุและตรวจสอบเพื่อตรวจสอบความถี่ที่ BI และมาตรการ FIM ที่ใช้เทียบกับมาตรการ อื่น ๆของคนพิการวันที่และสถานที่ของแต่ละการศึกษาที่อ้างถึงด้วย FIM หรือบีก็บันทึกไว้ การศึกษา ได้รับคะแนนคุณภาพตรงตามหลักฐานกายภาพบำบัดฐานข้อมูล ( Pedro ) ระบบการให้คะแนน . การเปรียบเทียบอายุ ความถี่ และ ทวีป ประเทศ และคุณภาพความสมบูรณ์ของการศึกษาสํารวจผลการวิจัยพบว่าบีกับฟิมเป็นมาตรการที่พบมากที่สุดของการใช้ RCTs ตรวจสอบการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง . อย่างไรก็ตาม บี ใช้บ่อยกว่า FIM ( n = 86 , P < 0.001 ) และถูกอ้างถึงในการทดลองคุณภาพที่เหนือกว่า ( p = 0.005 ) การศึกษาจากอเมริกามีโอกาสใช้ FIM เมื่อเทียบกับยุโรปศึกษา ( n = 24 , p < 0.001 )สิ่งพิมพ์อ้างบีอย่างมีนัยสำคัญมากขึ้นเมื่อเร็ว ๆนี้เมื่อเกิดขึ้นในยุโรปเมื่อเทียบกับทวีปอเมริกาเหนือ ( p = 0.023 ) ผลลัพธ์เหล่านี้ให้ข้อมูลเชิงลึกในรูปแบบปัจจุบันของขนาดใช้ในการวิจัยฟื้นฟูโรคหลอดเลือดสมอง