Prescott (2004) setout to compare t

Prescott (2004) set
out to compare the value of teaching for qualitative understanding of projectile motion before introducing
quantitative problems, in contrast to the usual method of having students solve as many quantitative
problems as possible. Although Prescott found that the qualitative-first approach was better, an unexpected
finding was that the more deep-seated misconceptions (impetus theory) were more difficult to address in
the classroom and that "the most significant factor determining whether student misconceptions were
eliminated was found to be the teachers’ ability to deal with their own misconceptions." Both preservice
and in-service teacher educators might keep in mind that it takes confidence and hard intellectual work for
adults to "deal with their own misconceptions" but that such work is essential if we are eventually to
succeed with students.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โรงแรมเพรสคอตต์ (2004) ชุด
ออกเพื่อเปรียบเทียบค่าของสอนเข้าใจเชิงคุณภาพของการเคลื่อนที่ projectile ก่อนแนะนำ
แก้ปัญหาเชิงปริมาณ ตรงข้ามวิธีปกติของนักเรียนมีปริมาณมากที่สุด
ปัญหาเป็นไป ถึงแม้ว่าโรงแรมเพรสคอตต์พบว่า วิธีการเชิงคุณภาพดีกว่า คาดหมาย
ค้นหาได้ว่า ความเข้าใจผิดที่ฝังลึกมากขึ้น (ทฤษฎีแรงผลักดัน) ได้ยากขึ้นไปที่อยู่ใน
เรียนและ "ปัจจัยที่สำคัญที่กำหนดว่า นักเรียนรู้จักมี
ตัดถูกต้องมีสังคมความสามารถในการจัดการกับความเข้าใจผิดของตนเอง" ทั้งแนว
และนักการศึกษาให้บริการแก่ครูอาจโปรดจำไว้ว่าใช้ความเชื่อมั่นและการทำงานทางปัญญาสำหรับ
ผู้ใหญ่ "ว่าด้วยความเข้าใจผิดของตนเอง" แต่ว่างานดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็นหากเราในที่สุดถึง
ประสบความสำเร็จกับนักเรียน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เพรสคอทท์ (2004) กำหนด
ออกมาเพื่อเปรียบเทียบค่าของการเรียนการสอนเพื่อความเข้าใจเชิงคุณภาพของการเคลื่อนไหวกระสุนก่อนที่จะแนะนำ
ปัญหาเชิงปริมาณในทางตรงกันข้ามกับวิธีการตามปกติของการมีนักเรียนแก้ปัญหาเชิงปริมาณเป็นจำนวนมาก
ปัญหาที่เป็นไปได้ แม้ว่าเพรสคอทท์พบว่าวิธีการเชิงคุณภาพเป็นครั้งแรกดีกว่าที่ไม่คาดคิด
ก็คือการค้นพบความเข้าใจผิดที่ฝังลึกมากขึ้น (ทฤษฎีแรงผลักดัน) เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะอยู่ใน
ห้องเรียนและว่า "ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการพิจารณาว่านักเรียนเข้าใจผิดที่ถูก
ตัดออกก็พบว่า จะเป็นความสามารถของครูในการจัดการกับความเข้าใจผิดของตัวเอง. " ทั้งวิชาเอก
และในการให้บริการการศึกษาของครูอาจจะเก็บไว้ในใจว่าจะใช้เวลาความเชื่อมั่นและการทำงานทางปัญญาที่ยากสำหรับ
ผู้ใหญ่ที่จะ "จัดการกับความเข้าใจผิดของตัวเอง" แต่ที่งานดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญหากเราเป็นที่สุดที่จะ
ประสบความสำเร็จกับนักเรียน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เพรสคอตต์ ( 2004 ) ชุด
ออกมาเพื่อเปรียบเทียบคุณค่าของการสอนให้เข้าใจคุณภาพของการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ก่อนที่จะแนะนำ
ปัญหาเชิงปริมาณในทางตรงกันข้ามกับปกติวิธีการแก้ปัญหาเชิงปริมาณ
มีนักเรียนมากที่สุด แม้ว่าเพรสคอตต์พบว่าวิธีแรกดีกว่าไม่คาดคิด
คุณภาพ ,ค้นหา คือ ความเข้าใจผิดฝังลึกมากขึ้น ( ทฤษฎีแรงผลักดัน ) มีมากขึ้นยากที่จะอยู่ใน
ห้องเรียน และ “ปัจจัยกำหนดว่านักศึกษา
กำจัดความเข้าใจผิด พบว่าครูสามารถจัดการกับความเข้าใจผิดของตนเอง นักศึกษา
" ทั้งและนักการศึกษา ครู ครูอาจจะระลึกไว้เสมอว่า มันต้องใช้ความเชื่อมั่นและผลงานทรัพย์สินทางปัญญายาก
ผู้ใหญ่ " จัดการกับความเข้าใจผิดของตัวเอง " แต่ที่งานนั้นเป็นสิ่งจำเป็นถ้าเราในที่สุด

ประสบความสำเร็จกับนักเรียน