The sample sizes of studies using s

The sample sizes of studies using secondary data were significantly larger than those using
primary and mixed data sources. An analysis of variance analysis conducted across the three
independent groups of primary, secondary, and mixed data found significant differences in sample
size between the groups (F = 6.02, p < 0.005). Applying post hoc Tukey tests discovered significant differences between secondary and primary data sources. On average, primary data users utilized 175 cases per study whereas secondary data averaged 1250 cases. No significant difference was found between mixed and secondary data even though mixed data users averaged only 182 cases per study. The result was attributed to the low number of mixed data cases resulting in low statistical power. Suspecting that the result may have been affected by skewness created by a few very large samples in the data set, we repeated the analysis using a nonparametric Wilcoxon rank sum test but also found significant differences in sample size between primary and secondary data sources(chi-square = 47.06, p < 0.001).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ขนาดตัวอย่างที่ศึกษาใช้ข้อมูลรองได้อย่างมีนัยสำคัญมากกว่าผู้ใช้แหล่งข้อมูลหลัก และผสม ดำเนินการวิเคราะห์ผลต่างของการวิเคราะห์ทั้งสามข้อมูลหลัก รอง และผสมกลุ่มอิสระพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในตัวอย่างขนาดระหว่างกลุ่ม (F = 6.02, p < 0.005) ใช้การทดสอบ post hoc Tukey พบความแตกต่างที่สำคัญระหว่างแหล่งข้อมูลหลัก และรอง โดยเฉลี่ย ผู้ใช้ข้อมูลหลักใช้ 175 กรณีต่อการศึกษาในขณะที่ข้อมูลรอง averaged กรณี 1250 ไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญพบระหว่างผสม และรองข้อมูลแม้ผสมผู้ใช้ข้อมูล averaged 182 เฉพาะกรณีต่อการศึกษา ผลเกิดจากจำนวนกรณีข้อมูลผสมในสถิติพลังงานต่ำต่ำ Suspecting ว่า ผลอาจได้รับผลกระทบจากความเบ้โดยบางตัวอย่างมีขนาดใหญ่มากในชุดข้อมูล เราทำซ้ำการวิเคราะห์ที่ใช้ทดสอบผลอันดับของ Wilcoxon nonparametric แต่ยัง พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในขนาดตัวอย่างระหว่างแหล่งข้อมูลหลัก และรอง (chi-square = 47.06, p < 0.001)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ขนาดกลุ่มตัวอย่างของการศึกษาโดยใช้ข้อมูลทุติยภูมิอย่างมีนัยสำคัญขนาดใหญ่กว่าผู้ที่ใช้แหล่งข้อมูลหลักและผสม การวิเคราะห์การวิเคราะห์ความแปรปรวนดำเนินการทั่วทั้งสามกลุ่มที่เป็นอิสระจากประถมมัธยมและผสมข้อมูลพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มตัวอย่างขนาดระหว่างกลุ่ม(F = 6.02, p <0.005) การใช้โพสต์ทูกีเฉพาะกิจการทดสอบพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างรองและแหล่งข้อมูลปฐมภูมิ โดยเฉลี่ยผู้ใช้ข้อมูลปฐมภูมิ 175 รายต่อการศึกษาในขณะที่ข้อมูลทุติยภูมิเฉลี่ย 1,250 กรณี ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญก็พบว่าระหว่างข้อมูลที่หลากหลายและมัธยมศึกษาแม้ว่าผู้ใช้ข้อมูลที่ผสมเฉลี่ยเพียง 182 รายต่อการศึกษา ผลที่ได้รับมาประกอบกับตัวเลขที่ต่ำของกรณีที่เกิดข้อมูลที่ผสมอยู่ในอำนาจทางสถิติต่ำ สงสัยว่าผลที่ตามมาอาจจะได้รับผลกระทบจากเบ้ที่สร้างขึ้นโดยไม่กี่ตัวอย่างขนาดใหญ่มากในชุดข้อมูลที่เราซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยใช้การวิเคราะห์อันดับ Wilcoxon อิงพารามิเตอร์การทดสอบผลรวม แต่ยังพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในขนาดของกลุ่มตัวอย่างระหว่างแหล่งข้อมูลหลักและรอง (ไค ตาราง = 47.06, p <0.001)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ขนาดตัวอย่างของการศึกษานี้ใช้ข้อมูลทุติยภูมิ อย่างมีนัยสำคัญมีขนาดใหญ่กว่าที่ใช้การผสมและแหล่งข้อมูล การวิเคราะห์ความแปรปรวนและการวิเคราะห์ข้ามสามกลุ่มอิสระ ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา และข้อมูลผสม พบความแตกต่าง ในตัวอย่างขนาดระหว่างกลุ่ม ( F = 6.02 , p < 0.005 ) การใช้ Post Hoc เป็นรายการทดสอบพบความแตกต่างระหว่างมัธยม และแหล่งข้อมูลปฐมภูมิ โดยเฉลี่ยผู้ใช้ข้อมูลเบื้องต้นใช้ 175 รายและข้อมูลทุติยภูมิศึกษาเฉลี่ย 1 , 250 ราย ไม่พบความแตกต่างระหว่างผสม และข้อมูลทุติยภูมิ แม้ว่าผู้ใช้ข้อมูลผสม เฉลี่ยเพียง 182 รายต่อการศึกษา ผลที่ได้จากการผสมจำนวนต่ำของข้อมูลราย ส่งผลให้สถิติพลังงานต่ำ สงสัยว่าผลที่อาจได้รับผลกระทบจากความที่สร้างขึ้นโดยตัวอย่างขนาดใหญ่มากน้อยในชุดข้อมูล เราซ้ำ การวิเคราะห์ใช้สถิตินอนพาราเมตริกอันดับรวมทดสอบแต่ยังพบความแตกต่างในขนาดตัวอย่างระหว่างหลักและแหล่งข้อมูลทุติยภูมิ ( Chi square = 47.06 , p < 0.001 )